สรุป OPPDAY หุ้น VGI
Oppday
สรุป OPPDAY
VGI เผยกลยุทธ์ธุรกิจปี 2568: โฟกัส Synergy และโอกาสใหม่เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
สวัสดีครับ ท่านนักลงทุนทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่การประชุม Opportunity Day ของบริษัท VGI จำกัด มหาชน เพื่อรับฟังการนำเสนอผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ของปี 2568 และแนวโน้มทิศทางการประกอบธุรกิจ
สำหรับหัวข้อการนำเสนอในวันนี้ ประกอบด้วย:
- เหตุการณ์ที่สำคัญ
- พัฒนาการของธุรกิจที่ผ่านมา
- สรุปผลการดำเนินงาน
- รางวัลและความยั่งยืน
- ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2568
- ช่วงถามตอบ
งั้นผมขออนุญาตเริ่มในส่วนของเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2 ปี 2568 ก่อนนะครับ โดยมีประเด็นสำคัญหลักๆ อยู่ 2 เรื่องครับ
- เรื่องแรก ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 VGI ได้เพิ่มการลงทุนในบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ผ่านการทำ Private Placement และได้แต่งตั้งผู้แทนของบริษัท เข้าเป็นกรรมการของแพลน บี จากเหตุการณ์นี้ ส่งผลให้บริษัทฯ สถานะการลงทุนในแพลน บี มาเป็นบริษัทร่วม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเสริมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง VGI และแพลน บี ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
- ถัดมา ในวันที่ 3 กันยายน 2568 มีการใช้สิทธิ์แปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ์ VGI-W4 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,096 ล้านหน่วย คิดเป็นประมาณ 98% ของจำนวนวอแรนต์ที่ออกทั้งหมด การใช้สิทธิ์ดังกล่าว ทำให้ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 20,000 ล้านหุ้น เป็น 21,000 ล้านหุ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับเงินสดจากการใช้สิทธิ์ดังกล่าว เป็นจำนวน 1,640 ล้านบาท และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 VGI มีเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด รวมถึงสินทรัพย์ทางการเงินระยะสั้น รวมอยู่ที่ประมาณ 21,400 ล้านบาท เหตุการณ์นี้ ช่วยเสริมสภาพคล่องของบริษัทให้แข็งแรงมากขึ้น รองรับการลงทุน และแผนการเติบโตในอนาคต
ลำดับถัดมา จะเป็นในส่วนของพัฒนาการทางธุรกิจในไตรมาสที่ผ่านมานะครับ
สำหรับธุรกิจสื่อโฆษณา VGI ได้เปิดตัวแพ็กเกจโฆษณาใหม่ ที่ผสานสื่อโฆษณาภายในสถานีรถไฟฟ้า บนขบวนรถไฟฟ้า และอาคารสำนักงานของ VGI รวมเข้ากับสื่อนอกบ้านของทางแพลน บี เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น โดยมีแพ็กเกจสำคัญ 2 แพ็กเกจ ประกอบด้วย:
- Bangkok on the Move: เป็นแพ็กเกจโฆษณา ที่มุ่งเน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภค ที่อยู่ระหว่างการเดินทางในเขตเมือง โดยแพ็กเกจนี้ จะประกอบไปด้วยสื่อ 2 รูปแบบ ได้แก่ จอ LCD ในรถไฟฟ้า และสื่อโฆษณา Bangkok Jam ของแพลน บี ซึ่งสื่อทั้งสองประเภทนี้ สามารถเข้าถึงผู้บริโภค ได้ทั้งผู้ที่กำลังเดินทางด้วยรถไฟฟ้า และรถยนต์บนท้องถนน
- Bangkok Live: เป็นแพ็กเกจโฆษณา ที่มุ่งเน้นเจาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศ และผู้บริโภคตามจุดที่มีการใช้ชีวิตประจำวัน แพ็กเกจนี้ ประกอบไปด้วยสื่อ 2 รูปแบบ ได้แก่ หน้าจอโฆษณาในอาคารสำนักงาน และสื่อโฆษณาในร้านค้าเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างหลากหลาย
สำหรับธุรกิจบริการด้านดิจิทัล R-CARE ได้มีการเปิดตัวคอลเล็กชั่นบัตรรุ่นพิเศษ เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภค ที่ชื่นชอบดีไซน์เฉพาะตัว และการสะสม เริ่มจากคอลเล็กชั่นรุ่น Butter Bear หรือน้องหมีเนย ที่เปิดจำหน่ายตั้งแต่ 13 พฤษภาคม ถึง 31 กรกฎาคม 2568 ขายในราคาใบละ 249 บาท ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดจำหน่ายกว่า 35,000 ใบ ภายใน 14 วันแรก ต่อเนื่องด้วยคอลเล็กชั่น Harry Potter ที่เปิดจำหน่ายในช่วงวันที่ 1 สิงหาคม ถึง 31 ตุลาคม 2568 โดยขายในราคาใบละ 199 บาท ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยมียอดจำหน่ายกว่า 30,000 ใบ ภายในระยะเวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น กระแสตอบรับที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการออกแบบสินค้า ให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ส่งผลให้นับสิ้นไตรมาสนี้ มีบัตร Rabbit ใช้งานอยู่ทั้งสิ้น 20.4 ล้านใบครับ
Rabbit Care มีพัฒนาการสำคัญใน 3 ด้าน ประกอบด้วย:
- การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล: R-CARE เดินหน้าพัฒนา Rabbit Care แอปพลิเคชัน ทั้งในระบบ iOS และ Android อย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าสามารถจัดการกรมธรรม์ ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ได้สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น การพัฒนาเหล่านี้ ช่วยยกระดับบทบาทของ R-CARE สู่การเป็น Digital Insurance Assistant และเสริมประสบการณ์หลังการขายให้ดีมากยิ่งขึ้น
- การขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ ไปสู่ประกันภัยในกลุ่มของ Health Insurance มากขึ้น ทั้งประกันสุขภาพ ประกันที่อยู่อาศัย และประกันชีวิต โดยร่วมมือกับบริษัทประกันภัยชั้นนำหลายราย เพื่อนำเสนอตัวเลือกให้กับลูกค้าที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น การขยายผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้ ช่วยตอกย้ำบทบาทของ R-CARE ในฐานะนายหน้าประกันภัยดิจิทัล ที่มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และยืดหยุ่นสูง รองรับความต้องการของลูกค้าในหลากหลายกลุ่มมากขึ้น
- R-CARE ยังได้เปิดสาขาใหม่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 15 ตุลาคม 2568 โดยบริษัทฯ ได้เปิดสาขาที่ Chiangmai Airport Business Park เพื่อรองรับการขยายทีมในส่วนของ Tele Sale และงานปฏิบัติการ โดยสาขานี้ สามารถรองรับพนักงานได้มากกว่า 140 คน และจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงานหลักในภาคเหนือ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า กระจายภาระงานให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และช่วยบริหารต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทฯ สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ R-CARE สามารถขายกรมธรรม์รวมได้มากกว่า 47,000 กรมธรรม์ แบ่งเป็นสัดส่วนของประกันภัยรถยนต์ 69% และประกันภัยอื่นๆ 31%
Rabbit Cash มีพัฒนาการสำคัญ 2 ด้าน ในส่วนของสินเชื่อสวัสดิการพนักงาน R-Cash ยังคงให้บริการร่วมกับพันธมิตร กว่า 300 องค์กร ครอบคลุมพนักงานมากกว่า 100,000 คน โดยมุ่งเป็นทางเลือกด้านเงินฉุกเฉินที่เข้าถึงง่าย และมีการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง โครงการนี้ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ ในการส่งเสริมสวัสดิภาพทางการเงิน ให้กับพนักงานในองค์กร และช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนของภาคธุรกิจ
สำหรับสินเชื่อ Nano Finance R-Cash ยังคงดำเนินโครงการ Virtual Capital Wallet และ Good Payment รักษาเครดิตพิชิตโบนัสอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของผลิตภัณฑ์นี้ ทั้งสองโครงการดังกล่าว ช่วยในเรื่องของการเข้าถึงเงินทุน และสร้างวินัยการชำระหนี้ ให้กับลูกค้าลายย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ NPL ของสินเชื่อ Nano Loan ลดลงมาอยู่ที่ 4.3% จาก 6.3% ในปีก่อนหน้า ในส่วนของภาพรวมสินเชื่อประจำไตรมาส 2 ปี 2568 R-Cash มียอดสินเชื่อรวม 1,240 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% Year on Year และ 10% Q on Q โดยพอร์ตสินเชื่อ จะประกอบไปด้วยสัดส่วนของ Nano Finance 65% และจะเป็นในส่วนของ Welfare Loan 35%
สำหรับธุรกิจการจัดจำหน่าย Turtle มีการเปิดให้บริการร้าน Turtle เป็นจำนวนทั้งสิ้น 28 สาขา เพิ่มขึ้นจาก 26 สาขาในปีก่อน โดยแบ่งเป็นสาขาบนรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว จำนวน 22 สาขา บนรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง เป็นจำนวน 3 สาขา และสาขาบริเวณนอกรถไฟฟ้า อีก 3 สาขา และมียอดขายจากสาขาเดิมลดลง 9.7% Year on Year เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ในส่วนของธุรกิจ Leasing อัตราการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 62.4% เพิ่มขึ้นจาก 61.6% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสำหรับ Business Update ของ Turtle ในไตรมาสล่าสุด ยังคงเดินหน้าโครงการที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Turtle Club Plus ซึ่งเป็นโปรแกรมสมาชิกสำหรับลูกค้าที่มีการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง มีการเปิดสาขา Super Rich Turtle ใหม่ที่สถานี BTS อโศก และยังได้มีการให้บริการ Charge Spot ตู้เช่า Power Bank แบบ On the Go รวมทั้งยังมีการดำเนินกิจกรรมในส่วนของความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดเหล่านี้ ช่วยเสริมประสบการณ์ให้กับลูกค้า และสร้าง Traffic ให้กับร้านสาขาของ Turtle ได้เป็นอย่างดี
สำหรับ Fanlink มีการใช้กลยุทธ์หลัก คือ การเน้นสินค้าทั้งสองประเภท ทั้งสินค้า Own Brand และ Other Brand โดยสินค้า Own Brand ที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง Pando และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า Easy Home ในส่วนของสินค้าแบรนด์อื่น ที่มีอัตรากำไรสูง ยกตัวอย่างเช่น Life Space ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และ Amazfit นาฬิกาอัจฉริยะ กลยุทธ์ในการมุ่งเน้นสินค้าทั้งสองกลุ่มนี้ ช่วยเสริมสร้างความหลากหลาย และขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับสินค้าในกลุ่ม Own Brand เอง Pando ได้เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิด Pando Pop-up Store บน BTS ศาลาแดง มีการร่วมงานแสดงสินค้าและกิจกรรมสัตว์เลี้ยงในหลากหลายพื้นที่ รวมทั้งการจัด Workshop ให้ความรู้ด้านการดูแลสัตว์เลี้ยง โดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และยังมีการทำแคมเปญร่วมกับ KOL ด้านสัตว์เลี้ยง ซึ่งทั้งหมดนี้ ช่วยให้ Pando ติดอันดับ Top 5 แบรนด์ขายดีในหมวด Pet Care บนแพลตฟอร์ม Shopee ในช่วงกิจกรรม 9 เดือน 9 และ 10 เดือน 10 สำหรับสินค้ากลุ่ม Other Brand เอง Amazfit ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ T-Rex T-Pro และ Helio Strap พร้อมทำแคมเปญการตลาดแบบบูรณาการ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ส่งผลให้ Amazfit ขึ้นอันดับ Top T สินค้าขายดี ในหมวด Variable Band บน Shopee ในแคมเปญ 9 เดือน 9 และ 10 เดือน 10 เช่นเดียวกัน เป็นการตอกย้ำความนิยมของแบรนด์ในกลุ่มอุปกรณ์สวมใส่ จากกลยุทธ์และกิจกรรมการตลาดดังกล่าว ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของ Fanlink ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 35% จาก 19% ในปีที่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ Snack Maker Project ซึ่งเป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Content Creator ที่มีชื่อเสียง เพื่อขยายธุรกิจ และคาดว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสใหม่ในเชิงพอร์ตสินค้า รวมถึงยังมีการขยายการเติบโตของธุรกิจในอนาคตด้วย
ผลการดำเนินงานของ VGI ในไตรมาส 2 ปี 2568:
- รายได้จากการให้บริการและการขาย: 1,123 ล้านบาท ลดลง 16%
- กำไรขั้นต้น: 380 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 34% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 31% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากอัตรากำไรของธุรกิจโฆษณา รวมถึง R-Cash และ Fanlink ที่ดีขึ้น
- รายได้อื่น: 114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96% สาเหตุหลักมาจากดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น
- ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร: 550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายการตลาดของกลุ่ม Rabbit และค่าบริหารการขายสื่อโฆษณา ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้เท่ากับ 49% เพิ่มขึ้นจาก 39% เมื่อเทียบกับปีก่อน
- ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วม: 110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากแพลน บี ซึ่งได้เปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทร่วมในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก JMART
- กำไรสุทธิ: 79 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7%
รายได้แยกตามรายธุรกิจ:
- ธุรกิจสื่อโฆษณา: 492 ล้านบาท คิดเป็น 44% ของรายได้รวม ลดลง 19% สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้สื่อโฆษณาประเภท Street Furniture หรือสื่อบริเวณตอม่อสถานีรถไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม รายได้ไม่รวม Street Furniture ยังคงปรับตัวดีขึ้น 8% และมีอัตราการใช้สื่อไม่รวม Street Furniture อยู่ที่ 49% เพิ่มขึ้นจาก 45% Q on Q และ 47% Y on Y
- ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล: 364 ล้านบาท คิดเป็น 32% ของรายได้รวม ลดลง 12% สาเหตุหลักมาจาก Rabbit Care มีรายได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายประกันภัย รวมถึงรายได้ Lead Generation ที่ลดลง และรายได้จากการพัฒนาระบบ IT ที่ลดลง อย่างไรก็ดี Rabbit Cash มีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น
- ธุรกิจจัดจำหน่าย: 267 ล้านบาท คิดเป็น 24% ของรายได้รวม ลดลง 17% สาเหตุหลักมาจากรายได้ของ Fanlink ลดลงจากการลดการขายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรต่ำ และมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ Own Brand และ Other Brand ที่มีอัตรากำไรสูงกว่า ส่งผลให้ Fanlink มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 35% เมื่อเทียบกับ 19% ในปีก่อน และ Turtle มีรายได้จากธุรกิจสิ่งพิมพ์และหนังสือลดลง
ฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568:
- สินทรัพย์รวม: 41,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% โดยแบ่งเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 24,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นผลมาจากเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับที่ครบกำหนดใน 1 ปี เพิ่มขึ้น 133 ล้านบาท อย่างไรก็ดี เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เงินฝากธนาคารที่มีข้อจำกัดการใช้ และสินทรัพย์ทางการเงินระยะสั้นลดลง 63 ล้านบาท
- สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนรวม: 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,070 ล้านบาท เป็นผลมาจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม การร่วมค้า และสินทรัพย์ทางการเงินระยะยาว เพิ่มขึ้นกว่า 1,900 ล้านบาท จากการเพิ่มทุนและเปลี่ยนสถานะของเงินลงทุนในแพลน บี สินทรัพย์สิทธิการใช้เพิ่มขึ้น 377 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีการลดลงของสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอกันตัดบัญชี 232 ล้านบาท
- หนี้สินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2568: 3,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินตามสัญญาเช่า 376 ล้านบาท เงินกู้ยืมระยะสั้น 100 ล้านบาท เป็นเงินกู้ยืมเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของกลุ่ม Rabbit และค่าใช้จ่ายค้างจ่าย 68 ล้านบาท อย่างไรก็ดี มีการลดลงของเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่น 59 ล้านบาท
- ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2568: 38,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของทุนจดทะเบียนที่ออกจำหน่ายและชำระแล้ว และส่วนเกินมูลค่าหุ้นกว่า 1,600 ล้านบาท จากการเพิ่มทุนผ่านการใช้สิทธิ์ของ VGI-W4 และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทสำหรับงวด 6 เดือน 123 ล้านบาท อย่างไรก็ดี มีการจ่ายเงินปันผล 260 ล้านบาท ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
กระแสเงินสดและ CapEx ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทฯ มีเงินสดราว 15,000 ล้านบาท ในงวด 6 เดือน บริษัทฯ มีเงินสดได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน 23 ล้านบาท เงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนกว่า 5,900 ล้านบาท เป็นผลมาจากการซื้อเงินลงทุนในตราสารทางการเงินและตราสารอนุพันธ์สุทธิกว่า 5,100 ล้านบาท การเพิ่มทุนในแพลน บี 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีดอกเบี้ยรับ 203 ล้านบาท และเงินปันผลรับ 14 ล้านบาท สำหรับเงินสดได้มาจากกิจกรรมจัดหาเงิน คิดเป็นจำนวนประมาณ 1,400 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทฯ มีเงินสดกว่า 11,000 ล้านบาท สำหรับ CapEx งวด 6 เดือน ใช้ไป 187 ล้านบาท มีการปรับเป้าหมาย CapEx ทั้งปีลงมาอยู่ที่ 500 ล้านบาท
VGI ยังคงได้รับการยอมรับในด้านธรรมาภิบาลและความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง:
- ได้รับการประเมิน Corporate Governance ในระดับ Excellent ติดต่อกันเป็นปีที่ 10 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- ได้รับ 100 คะแนนเต็มจากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ในการประเมิน AGM Checklist ประจำปี 2568
- ได้รับใบรับรอง Carbon Footprint for Organization จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และใบรับรอง ESG DNA จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ร่วมกับกลุ่ม BTS จัดกิจกรรม Clean Air We Share เพื่อเฉลิมฉลองวันอากาศสะอาดโลก และครบรอบ 26 ปี ของรถไฟฟ้า BTS โดยมีการแจกต้นไม้ฟอกอากาศมากกว่า 4,500 ต้น ให้กับประชาชน
Guidance ในปี 2568 บริษัทฯ มีการลดเป้าหมายรายได้ทั้งปี ปรับมาอยู่ที่ 5,000 - 5,500 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิม 6,000 ล้านบาท โดยรายได้ในปีนี้จะมาจากธุรกิจสื่อโฆษณา 40%, ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล 35% และธุรกิจการจัดจำหน่าย 25% มีการตั้งเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 35-38% จากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกหน่วยธุรกิจ สำหรับเป้าหมายค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย มีการตั้งเป้าไว้ที่ 38-40% ใกล้เคียงกับปีก่อน และมีการลดเป้าหมาย CapEx ทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิม 1,000 ล้านบาท โดยจะแบ่งใช้ในธุรกิจสื่อโฆษณา 40%, ธุรกิจบริการด้านดิจิทัลและธุรกิจการจัดจำหน่ายอีกอย่างละ 30%
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่มในนาทีที่ 44:17]
การบริหารต้นทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายและธุรกิจอื่นๆ: บริษัทฯ มีแนวทางในการบริหารต้นทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายและธุรกิจอื่นๆ อย่างไร เพื่อรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้
ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา VGI ภาพรวมทำได้ดี ตั้งแต่ GP เลย อย่างที่นักลงทุนถามมา แล้วก็ไปถึงตัว N pad จริงๆ ก็ดี ก็สูงขึ้นทั้ง Q on Q Y on Y นะคะ อันนี้ก็คือภาพรวมของของตัวกำไรของ VGI คอนโซลก่อนแต่ถามว่า VGI คอนโซลมันประกอบด้วยหลายตัวฉะนั้นตัว GP ที่ค่อนข้างดีออกมาโดดเด่นเนี่ยจริงๆ มันจะประกอบด้วยประมาณ 3 ตัวนะคะ อันที่ 1 ก็คือ ตัว VGI เอง ที่เป็น Media ของ BTS ดั้งเดิมของ VGI เนี่ยยอดขายสูงขึ้น Y on Y ประมาณ 10% นะ คะ ตัวนี้ก็ทํา contribute ให้ VGI ที่เป็น Out of Home เนี่ยมี GP สูงขึ้นถึง 40 เป็น 43% อีก 2 ตัวที่ส่งเสริมให้ VGI ภาพรวม GP ดีก็คือตัว Rabbit Cash นะคะ ที่เป็น เราทํา Digital lending เนี่ยตัวนี้เนี่ย เอ่อเค้าเริ่มดําเนินการมาได้สักปี กว่า ละก็เริ่มมีโมเดลตัว standing low ก็เริ่มสูงขึ้น เริ่มใช้โมเดลในการบุค ECL ตัว expected เครดิต loss เนี่ยของตัวเอง ละไม่ต้องใช้ของ Industry ทําให้ เนื่อง จากเค้าบริหาร ได้ดี เค้าก็สามารถบุคตัวนี้ รีเสิร์ฟ ไว้น้อย หรือว่าเรียก ว่าตามความเป็นจริงที่ตัวเองเป็นนะคะ ก็เป็นตัวที่ 2 ไม่ต้องไปใช้ของ Industry เลยทําให้ GP เขาดีขึ้น มาก ก็คือตัว Rabbit Cash ตัวอีกตัว หนึ่งก็คือตัวที่ 3 คือ Fanlink ที่บอกว่า เอ่อทําพวกขายของมีทั้ง trading และก็ทั้ง own แบรนด์ เนี่ยซึ่งgy ของเราเนี่ย ตอนนี้คือเน้น own แบรนด์ ซึ่ง มิกซ์ ของตัว own แบรนด์ ตัวนี้เนี่ยก็สูงขึ้นจาก เดิมแบบเอ่อ 10% ก็กลายเป็น พันประมาณ 35% ละ ซึ่งทําให้ GP เขาเนี่ย จะแบบ Double จากแบบ วัน digit กลายเป็น Double digit เป็น 35% ซึ่งไม่ได้แค่สูงขึ้นแค่ตัว % to sale แต่ว่าตัว amount ก็คือสูงขึ้นด้วย นะคะ ทั้งๆ ที่ตัว ตัวยอด ขายจะดู ลดลงด้วย 3 ตัว GP ตัว Fanlink ตัวนี้ ว่า ง่ายๆ คือว่า ก็ดําเนินไปตามgy ของเรา VGI ขาย BTS Media เยอะก็เลย GP ดี Rabbit Cash ที่ เป็น Nano Loan ก็ทําใช้ โมเดลของ ตัวเอง แล้วก็ควบคุมพวก L ได้ดีตัวที่ 3 ก็คือ Fanlink ที่ใช้gy ของเรา ก็คือว่า ทํา own แบรนด์ ก็ทําให้ GP ได้ดีนะคะ ก็อันนี้ ก็จะเดินต่อไปก็จะทําให้ เราสามารถคีพ GP สูงๆ แบบนี้ได้ต่อไปค่ะ
มุมมองต่อการดำเนินธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2568: บริษัทฯ มีมุมมองต่อการดำเนินธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2568 อย่างไร
ในครึ่งหลังของ VGI ตั้งแต่ October นะคะ จนถึงเดือน March ปีหน้าเนี่ย เอ่อมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ ปัจจัยบวก เนี่ย 2-3 อัน นะคะ ก็คือตัว Macroeconomic เนี่ยเรามองว่าเอ่อจากการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของนโยบายของรัฐบาลนะคะทั้งเรื่องพวกคนละครึ่ง พลัส หรือว่าเที่ยวดีมีคืน เนี่ยซึ่ง จะน่าจะทําให้ตลาดมัน กระชุ่มกระชวย มากขึ้น นะคะ แล้วก็แบบ เอ่อสื่อโฆษณาเนี่ยถ้าเกิด ว่าตลาดมันดี ตลาดมันไม่แห้งเนี่ยเราคนก็จะมา พวก แบรนด์ เค้าก็จะมาซื้อสื่อเยอะอันนี้ก็เป็นปัจจัยบวกสําหรับ เอ่อไตรมาสที่จะถึงนี้นะคะรวม ทั้งมันเป็น High ซีซั่นด้วยช่วงที่กําลังจะถึงเนี่ยเดือน 1011 12 เนี่ยเอ่อ แบรนด์ ก็มักจะใช้จ่ายกันนะคะอันนี้ก็เป็นจุดดี รวมทั้งเอ่อ ซีดี ต่างๆ ที่เราเริ่มไปเอ่อทํากับแพลนบีนะคะตอนนี้แพลนบีก็เป็น associate company ของ VGI ด้วย แล้วเราก็ทําgy ร่วมๆ กันหลายอย่าง ก็เลยทั้ง Macroeconomic ทั้ง High ซีซั่น แล้วก็ทั้งgy กับ แพลน บี เนี่ยเอ่อ เป็นปัจจัยบวก นะคะ แต่ว่าปัจจัยลบก็คือว่าเอ่อ ถ้าเราไม่พูดถึง Geopolitic ต่างๆ ซึ่งอันนั้นก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับ VGI เท่าไหร่ นะคะมันเป็น Inter ของเราจะมาก กว่าก็จะ มีเรื่องการไว้ อะไรนะคะที่เอ่อ อาจจะมีผลกระทบบ้างนะคะ สําหรับเอ่อ การ สื่อโฆษณาของ VGI ซึ่งเราก็ Manage อยู่ นะคะ แต่ อย่างไรก็ตาม เราก็มองว่าปัจจัยบวกมันมาก กว่าปัจจัยลบนะคะ ก็ใน ครึ่งหลังของ VGI เนี่ย น่าจะโตได้ 15-20% ที่ยอดขาย นะคะ แล้วก็เราก็มีเอ่อทางน้อง IR ก็ได้พูดถึงตัว Outlook ของปีนี้ไว้แล้วว่าน่าจะประมาณ 5,000-5,500 ซึ่งก็ คิดว่าเราก็จะพยายามทําให้ถึง Target หรือเป้าหมายอันนี้นะ คะ ซึ่งถ้าเราทําได้ 15-20 เป็นเอ่อ โต ขึ้นในครึ่งหลัง ของ ปี Physical year VGI เนี่ยก็ น่าจะทําได้ ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ค่ะ
แผนการใช้ CapEx: บริษัทฯ มีแผนการใช้ CapEx อย่างไรบ้าง
ถ้าเราประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปีเนี่ยหรือทุกๆ ปีเนี่ย VGI มักจะตั้ง capex ไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทนะคะ ในการขยายการเติบโตของเราใน 3 ธุรกิจ advertising Digital Services แล้วก็ distribution แต่ว่าปีนี้เนี่ยมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เราต้องใช้เงินอย่างระมัดระวังนะคะถึงแม้ว่าเรามีเงินเหลือค่อนข้างเยอะ มากเลยนักลงทุนทุกคนก็อาจจะทราบ แต่ว่าเราก็ต้องการที่จะแบบ make sure ว่าเงินทุกอย่างที่ใช้ไปเนี่ยแบบคุ้มค่าจริงๆ นะคะ ก็เลยคิดว่า capex ปีนี้เนี่ย น่าจะใช้ ประมาณครึ่งนึง นะคะ ก็คิดว่า จะอยู่ที่แอ ประมาณครึ่งนึงก็คือเหลือจะ 1,000 ก็คือประมาณ 500 นะคะ ก็จะเป็น แอ ประมาณสัก 2 ครึ่งนึง 250 แล้วที่เหลือก็จะเป็นดิจิตอล แล้ว Digital ก็เป็นพวก ซอฟต์แวร์ ต่างๆ ซึ่งอันนี้ กําลังโต เราก็ต้องลงทุนนะคะ แล้วก็ เอ่อ Fan เอิ่ม Distribution Distribution ก็ ประมาณอีก 100 นึง ก็คือ 250 150 แล้วก็ 100 นึงรวมๆ ประมาณ 500 นะคะ ก็ถือว่าต้องเราเรียกว่าช่วงนี้เราก็ตั้งใจที่จะ เอ่อศึกษาอย่างดีก่อนที่จะลงทุน นะ คะ แล้วเมื่อเศรษฐกิจมันดีขึ้นมาจริงๆ เนี่ยเราก็จะพร้อมเพราะเราก็มีเงินค่อนข้างเยอะที่เป็นเงินสดเหลืออยู่ ไม่ต้องกู้นะ คะในการที่จะลงทุนในอนาคตได้ค่ะ
ความร่วมมือระหว่าง VGI และแพลน บี: ความร่วมมือระหว่าง VGI และแพลน บี มีส่วนทำให้รายได้จากสื่อโฆษณาปรับตัวดีขึ้นอย่างไร
ตระกี้ที่น้องๆ เล่าไป ละก็wrap อีกนิดนึงน้องอาจจะเปิดพวกเอ ไม่ต้องก็ได้ เนาะเราเปิด เราเปิดรูปไปแล้วใช่ไหม อย่าง 2 อันที่ เราเพิ่งทําไปกับ แพลนบีเอ Bangkok on the move ใช่ไหมคะ ซึ่งเป็น LCD in train กับ Jam ก็คือแบบ เดินทาง เกี่ยวกับเดินทางแล้วก็ Bangkok Life ก็คือเป็นเรื่องแบบชีวิต ประจําวันของคนกรุงเทพก็คือคนกรุงเทพมา มาออฟฟิศ เข้าเซเว่นอะไรอย่าง เงี้ยก็จะเป็นเน็ตเวิร์คประเภท เนี้ย ซึ่งเป็น Bundle Pack ระหว่าง เอ่อ Product ของเราที่เด็ดๆ กับ ของ ของ แพลน บีที่ ดีๆ นะคะ ซึ่งมันก็เป็นgy ของเรากับ แพลน บีที่เริ่มที่ไตรมาสนี้เพิ่งเริ่ม เห็น ได้ชัด นะคะ ซึ่งถามว่า ไตรมาส 2 ที่ผ่าน มาเนี่ยเอ่อส่วนที่ แพลน บีเอาไป manage BTS Media แบบเก่า เนี่ย นะคะก็โตขึ้นประมาณ 10% Y on Y ก็ถือว่าเขาก็ทําได้ใช้ได้นะคะ เอ่อหรือโตขึ้นประมาณถ้าเกิด ว่า YTD 6 เดือนเนี่ยก็โตขึ้นประมาณ 100 ล้าน ละ ซึ่งก็เอ่อมันก็ไปเกี่ยวกับคําถามแรกนิดนึง ตรงที่บอกว่าเอ่อ second half เนี่ยมันจะดีขึ้น อีกเท่าไหร่ นะถ้าเกิด เป็นเรื่องของ แพลน บี เนี่ยเราก็มองว่าน่าจะดีขึ้นเหมือนกันเอ่อ second half ปีนี้เทียบกับ second half ปีที่แล้ว แต่ อาจจะไม่ได้ดีถึงขั้นแบบเป็น 100 ล้านเหมือนเหมือนเหมือน เฟิร์ส half เพราะว่า second half ปีที่แล้วเราก็ทําไว้ค่อนข้าง VGI ทําไว้ค่อนข้างดีมากก็น่าจะดีขึ้น second half Y Y on Y ด้วย แล้วก็ second half ที่ที่ที่ เอ่อเทียบกับไตรมาสเอ่อเฟิรส ของเราด้วยของ VGI อันนี้พูดถึง Media ดั้งเดิมนะMedia ของ BTS เก่านะคะที่ไม่รวม Street furniture ก็คิดว่าน่าจะดีขึ้นใน second halfเอ่อเทียบกับ ไตรมาส หนึ่งเอ่อ เฟิรส Half แล้วเทียบกับ second half ของปีที่แล้วด้วยนะคะที่เป็นส่วนของของ BTS Media ค่ะ
แผนการขยายสาขาของ Turtle Shop: ช่วยอธิบายแผนการขยายสาขาของร้าน Turtle Shop
Super Turtle นะคะ ก็ตอน นี้ เนี่ยเอ่อมีอยู่ 28 สาขาซึ่งจริงๆ ก็ถือว่าต่ํา กว่าแพลนดั้งเดิมที่ทางกลุ่มเนี่ยแพลนเอาไว้เพราะจริงๆ Super turtle เนี่ยต้องเปิดให้ได้ตรงส่วนต่อขยายด้วยตัว extension แต่ว่าก็ยังมีเอ่อยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางเอ่อ รัฐบาลทาง กทม ถ ตัวเจ้าของอะ นะคะ ก็เลยต้องหยุดอยู่ที่ 28 สาขา ซึ่งก็ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคอลไลน์ของเดิมของ ของ BTS แล้วก็เป็นตึกต่างๆ ที่เอ่ออยู่ในเครือของเราอะ นะคะ ซึ่ง ถามว่ามันแบบพอ ไหมเนี่ย 28 สาขามันก็คือยังไม่พอสําหรับที่จะทําให้เกิด เอ่อ economy of scale ให้ได้แบบ N เป็น 0 อะ นะคะคือเราก็ทําการแบบเอ่อประมาณ การไว้ว่าควรจะเปิดให้ได้ประมาณ 2 50 สาขาถึงจะทําให้เอ่อไอ้ตัว N เนี่ย Net profit เนี่ยเป็น break Even นะ คะ ซึ่ง สิ่งที่ทางเอ่อทีมเอ่อต้องการที่จะลองเนี่ย คือตอนนี้เนี่ยชมพู เหลืองก็เอ่อship ยังไม่สูงเท่าไหร่ นะคะเราก็คิดว่าเปิดตอนนี้ตรงไปตรงนั้นอาจจะยังไม่เหมาะ ก็เป็นคอลไลน์ตรงนี้ก่อน 28 สาขา บวกกับเอ่อเราจะลองออกไปนอก Transit ที่เป็น BTS หรือ MRT เนี่ยนะคะลองไปใน Transit อีก โหมด หนึ่ง ซึ่งตอน นี้ก็ได้ Identify ไว้แล้ว 4 สาขา นะคะ ที่จะลองเปิดเอ่อในในเน็ตเวิร์คอีกแบบ หนึ่งซึ่งเน็ตเวิร์คนี้เนี่ยค่า คาx เนี่ยมันก็จะไม่สูง มาก ไม่ได้แบบต้องใช้ คา ในการเปิดสาขาสูงเหมือนบน BTS เอ่อสาย สีเขียวของเรานั้น safety เขาต้องสูง ส่ง มากอันนี้ก็จะเป็นแบบเปิดเรียกว่าบนดินอะ นะคะก็จะ ไม่เป็นเน็ตเวิร์ค บนดินฉะนั้นเนี่ยก็ คา ไม่สูงเอ่อทําได้รวดเร็ว 4 สาขา Identify แล้วน่าจะเปิดได้ภายในปลายปีนี้เดี๋ยวทาง Super turtle อาจจะมีการประกาศออกมาเองนะคะ แล้วเราก็จะมอนิเตอร์ว่าสัก 6 เดือนเนี่ย น่าจะรู้ผล ละเพราะว่า break Even น่าจะเร็วว่าเน็ตเวิร์คตรงนี้ เนี่ยมันจะขยายออกไปได้แบบเร็วๆ อีกเป็นเน็ตเวิร์ค หนึ่งเพื่อให้ได้ economy of scale อย่างรวดเร็วหรือเปล่า นะคะอันนี้ก็เป็นแผนการเกี่ยวกับเรื่องการเปิดสาขาของ Turtle Shop นะคะ