สรุปงบล่าสุด THG
บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THG) ผลประกอบการไตรมาส 3/2567: ปรับกลยุทธ์ รับมือการแข่งขัน
ในไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG มุ่งเน้นยกระดับคุณภาพและธรรมาภิบาลในทุกระดับองค์กร โดยเฉพาะการยกระดับระบบควบคุมภายในและการสื่อสาร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ในส่วนของธุรกิจโรงพยาบาล THG ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เข้ารับบริการที่เปลี่ยนแปลงไป โดยการขยายพื้นที่และพัฒนาคุณภาพบริการของโรงพยาบาล พร้อมกับการเปิดศูนย์เฉพาะทางเพื่อรองรับการรักษาโรคที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเปิดร้านขายยา TH Health Pharma ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต THG จะมุ่งเน้นการขยายศักยภาพในธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ โดยเฉพาะการเตรียมเปิดพื้นที่ใหม่ในโรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลธนบุรี ทวีวัฒนา และโรงพยาบาลธนบุรี ราษฎร์ยินดี เพื่อเพิ่มศักยภาพและรองรับการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ยังมีโครงการจิณณ์ เวลบีอิง เคาน์ตี ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยครบวงจรสำหรับผู้สูงอายุและครอบครัว โดยบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาพื้นที่ด้านหลังให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริษัทมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาสุขภาพในระยะยาว และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในการบริการสังคมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
จากผลประกอบการไตรมาส 3/2567 รายได้รวมอยู่ที่ 2,526 ล้านบาท ลดลง 7.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากกิจการโรงพยาบาลลดลง 9.0% สาเหตุหลักมาจากโรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมืองที่มีรายได้ลดลง อย่างไรก็ตามรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากการเปิดร้านขายยา และธุรกิจอื่นๆ เติบโตตามแผน กําไรขั้นต้นลดลงจาก 31.9% เป็น 26.1% เนื่องจากต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่และพัฒนาคุณภาพบริการ ส่งผลให้ต้นทุนบุคลากรและค่าเสื่อมราคาสูงขึ้น แต่กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยรวมแล้ว THG แสดงผลขาดทุนสุทธิบริษัทใหญ่ 352 ล้านบาท (อัตราขาดทุนสุทธิ 13.9%) ลดลง 213.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไรสุทธิบริษัทใหญ่ 34 ล้านบาท ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 มีรายได้รวม 7,225 ล้านบาท ลดลง 7.3% จาก 7,790 ล้านบาท กำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทใหญ่แสดงผลขาดทุนสุทธิ 303 ล้านบาท (อัตราขาดทุนสุทธิ 4.2%) ลดลง 146.7% จากกำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 2566 แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ จะมีกำไรสุทธิบริษัทใหญ่ 83 ล้านบาท
ด้านฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 สินทรัพย์หมุนเวียนลดลง เนื่องจากมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ รวมถึงการจัดประเภทที่ดินรอการพัฒนาของโครงการจิณณ์ เวลบีอิง เคาน์ตี จากสินทรัพย์หมุนเวียนไปเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน หนี้สินหมุนเวียนและหนี้สินไม่หมุนเวียนมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากการจัดประเภทรายการระหว่างหนี้สินหมุนเวียนและหนี้สินไม่หมุนเวียนของเงินกู้ยืมระยะยาว รวมถึงการออกหุ้นกู้จำนวน 1,700 ล้านบาท เพื่อมาใช้ในการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาล ทำให้หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น
THG มี D/E อยู่ที่ 1.19 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน วงจรเงินสดอยู่ที่ 92.32 แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้ อย่างไรก็ตาม เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน ติดลบ 1,159.88 ล้านบาท หมายถึงบริษัทนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นโอกาสหรือความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนจากการลงทุน ราคาเฉลี่ยย้อนหลังของหุ้น THG แสดงให้เห็นถึงความผันผวนของราคาหุ้นในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา P/E ล่าสุดอยู่ที่ 2756.57 สะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุน P/BV ล่าสุดอยู่ที่ 1.53 ซึ่งค่อนข้างต่ำ YIELD อยู่ที่ 2.66 ถือว่าน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล
**โอกาส**
- **ศักยภาพการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาล:** ตลาดบริการทางการแพทย์ในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน
- **การขยายธุรกิจ:** การขยายพื้นที่ การเปิดศูนย์เฉพาะทาง และการเปิดร้านขายยา จะช่วยเพิ่มรายได้และขยายฐานลูกค้าให้กับ THG
- **ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง:** D/E ที่ต่ำ แสดงถึงความสามารถในการกู้ยืมเงินและขยายกิจการในอนาคต
- **เงินปันผลน่าสนใจ:** YIELD 2.66% ถือว่าน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล
**ความเสี่ยง**
- **การแข่งขันในตลาด:** ตลาดบริการทางการแพทย์ในไทยมีความเข้มข้นสูง
- **ต้นทุนที่เพิ่มสูง:** การขยายพื้นที่และการพัฒนาคุณภาพบริการอาจส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น
- **ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ:** ภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ THG
โดยรวมแล้ว THG เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะในธุรกิจโรงพยาบาล แต่ความเสี่ยงจากการแข่งขัน ต้นทุนที่สูง และภาวะเศรษฐกิจโลก เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณา เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโต และนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล แต่ไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น
(6.82%)
(8.24%)
(25.66%)
(23.34%)
(17.65%)
(16.45%)
(0.48%)
(3.00%)
(922.25%)
(213.60%)
(140.80%)
(8.11%)