สรุป OPPDAY หุ้น THCOM

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
ถอดรหัส THCOM OPPDAY ปี 2567 Q4: เจาะลึกธุรกิจดาวเทียม โอกาส และอนาคต
สวัสดีนักลงทุนทุกท่าน บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ขอสรุปผลประกอบการปี 2567 พร้อมอัปเดตโครงการต่างๆ ในปีที่ผ่านมา โดยมีผู้บริหารระดับสูง 3 ท่าน ได้แก่ คุณปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, ดร. ปิยวัฒน์ จริยเศรษฐพงศ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการค้า, และคุณอนุวัฒน์ สงวนทรัพยากร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน ร่วมให้ข้อมูล
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ภาพรวมของวงโคจรในประเทศไทยและวงโคจรที่ไทยคมได้ Secure ไปแล้ว โดยวงโคจรเปรียบเสมือนที่ดินในอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถนำมาทำธุรกิจในอวกาศได้
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ Secure วงโคจร 3 วงโคจร ได้แก่ 78.5 ตะวันออก, 119.5 ตะวันออก, และ 120 องศาตะวันออก ซึ่งได้ประมูลจาก กสทช. เรียบร้อยแล้ว โดยวงโคจรที่สำคัญที่สุดคือ 119.5 เนื่องจากมีธุรกิจบรอดแบนด์และดาวเทียมไทยคม 4 (IP Star) ที่ใช้งานมาเกือบ 20 ปี ซึ่งใกล้หมดอายุแล้ว บริษัทจึงมีแผนโอนย้ายฐานลูกค้าไปยังดาวเทียมดวงใหม่
สำหรับตำแหน่ง 78.5 เป็นตำแหน่ง Strategic สำหรับบริษัทเช่นกัน มีไทยคม 6 และ 8 ให้บริการ Satellite TV และเห็นประเทศไทย, ภูมิภาคนี้, และประเทศอินเดียชัดเจน ทำให้มีโอกาสเติบโตใน South East Asia และอินเดียในอนาคต ปัจจุบันกำลังวางแผนการลงทุนในตำแหน่งนี้
ตำแหน่ง 50.5 เป็นตำแหน่งใหม่สุดที่ได้จาก กสทช. อยู่ในแถบตะวันออก (Middle East) เป็นตำแหน่ง Strategic สำหรับประเทศไทยเช่นกัน สามารถมองเห็นไปไกลถึงด้านตะวันตกจากประเทศไทยมากขึ้น บริษัทได้โยกย้ายดาวเทียมไทยคม 9A ซึ่งมีการใช้งานแล้วจากยุโรปมาที่ตำแหน่ง 50.5 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทำให้สามารถปกป้องสิทธิของวงโคจรนี้ให้กับประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 วงโคจรที่ยังไม่ได้ถูกประมูล ได้แก่ ตำแหน่ง 51 องศาตะวันออก และ 142 องศาตะวันออก ซึ่ง กสทช. กำลังอยู่ในกระบวนการคัดเลือกผู้ที่จะมาบริหารวงโคจรนี้ บริษัทลูกของไทยคมได้เสนอตัวให้ กสทช. พิจารณา ซึ่งต้องรอการอนุมัติก่อนที่จะได้วงโคจรนี้มา หาก Secure 142 ได้ จะมีวงโคจรในพื้นที่ระหว่าง 50.5 ถึง 142 ซึ่งมองได้ถึงเกือบครึ่งหนึ่งของโลก
ดาวเทียมไทยคม 10 เป็นดาวเทียมที่ซื้อจาก Airbus (ฝรั่งเศส) เพื่อทดแทนไทยคม 4 และได้เซ็นสัญญากับ SpaceX ในการใช้จรวด Falcon 9 ในการยิงดาวเทียมไทยคม 10 ซึ่งเป็นดาวเทียมที่มีความฉลาดมาก (Software Defined) และได้เซ็นสัญญากับบริษัท Kratos (อังกฤษ) ในการเชื่อมต่อระบบภาคพื้นดินกับระบบอวกาศ โดยจะใช้เทคโนโลยี AI ในการขับเคลื่อนระบบ
บริษัทมีบริษัทลูกชื่อ Lao Telecom ซึ่งเป็นบริษัทมือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศลาว ไฮไลท์สำคัญคือรัฐบาลลาวได้เพิ่ม Tariff ในการให้บริการเกือบ 100% ทำให้ธุรกิจของลาวฟื้นขึ้นมาอย่างมีสาระสำคัญ แม้ค่าเงินกีบจะยังอ่อนอยู่ แต่ 6 เดือนที่ผ่านมาเทรนด์ดีขึ้น เงินเฟ้อลดลง ซึ่งคาดว่าปีนี้ลาวจะฟื้นและ Contribute ให้กับไทยคมในภาพรวม
บริษัทได้เลือก Astranis (อเมริกา) ในการสร้างดาวเทียมไทยคม 9 ซึ่งจะขึ้นสู่วงโคจรภายในปีนี้ เป็นดาวเทียมเล็กก่อนดาวเทียมใหญ่ไทยคม 10 ที่กำลังขึ้นตอนปี 2028
กลยุทธ์ระยะยาวของไทยคมคือการสนับสนุนความมั่นคงของประเทศไทย ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยได้เซ็นสัญญากับ ผบ.ทอ. ในการร่วมมือพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศในอนาคต และกองทัพอากาศได้เพิ่มความรับผิดชอบจากกองทัพอากาศเป็นกองทัพอากาศและอวกาศ ซึ่งจะเป็น Partnership ในระยะยาวในการสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจอวกาศของประเทศไทย ไทยคมเป็นผู้เดียวที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ในประเทศไทย
ธุรกิจทีวีดาวเทียมยังคงมีบทบาทสำคัญในประเทศไทย แม้จะมี Disruption จาก OTT และอินเทอร์เน็ต บริษัทร่วมมือกับ Nvidia (อเมริกา) ในการนำ Addressable Ad เข้ามาในธุรกิจทีวีดาวเทียม ซึ่งจะเป็น Win-Win สำหรับทุกฝ่าย เพิ่มรายได้ในการโฆษณาให้ผู้ประกอบการและไทยคม โดยได้ริเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว และมีแผนจะเริ่มดำเนินการกับ PSI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ในการ Introduce เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ประสบความสำเร็จในอเมริกา
ในไตรมาสที่ 4 ได้เซ็นสัญญากับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในการให้บริการดาวเทียมในอินเดีย (Hughes Communication) ซึ่งครอบคลุมถึง 70% ของตลาดของอินเดียในเรื่องของบรอดแบนด์ โดย Hughes จะโอนย้ายลูกค้ามาที่ดาวเทียมไทยคม 8 ซึ่งมี Footprint ในอินเดียด้วย และเมื่อมีไทยคม 9 และ 10 ขึ้นสู่วงโคจรแล้ว ก็จะ Serve ประเทศอินเดียโดยใช้ Partner แข็งแกร่งอย่าง Hughes นอกเหนือจากฝ่ายรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังได้รับ Landing Rights หรือใบอนุญาตจากประเทศอินเดียในการให้บริการดาวเทียมไทยคม 4, 8 และ 9 (กำลังพิจารณาไทยคม 10) ซึ่งเป็น Milestone สำคัญมาก เพราะมีไม่กี่ประเทศที่เป็นผู้ให้บริการดาวเทียมนานาชาติที่สามารถเข้าไปในประเทศอินเดียได้
SpaceTech เป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทมองว่าเป็นอนาคต โดยมี Milestone สำคัญคือ Carbon Watch ซึ่งประสบความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมในการประเมินการดูดซับคาร์บอนในพื้นที่ป่า และได้รับการรับรองจาก อบก. ตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นรายแรกในอาเซียนที่สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้ ปัจจุบันกำลังขยายธุรกิจนี้กับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง และบริษัทในประเทศไทย และใช้ SpaceTech ในการประเมินมลพิษ PM 2.5 และมีการคุยกับภาครัฐในเรื่องนี้
บริษัทได้เซ็นสัญญากับ GISTDA ในการให้บริการในการติดตั้งจานที่จะมาให้บริการกับดาวเทียม THEOS (ดาวเทียมถ่ายภาพ) ของ GISTDA มูลค่า 234 ล้านบาท และเป็นผู้ให้บริการ Global Star รายเดียวและรายแรกในประเทศไทย ร่วมกับ NT ในการขยาย Solution ตรงนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของ Tourist Safety (ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว) และ Maritime และเริ่มให้บริการในการใช้ระบบ IoT ผ่านดาวเทียมในการ Track พวกเรือต่างๆ ในอ่าวไทย
บริษัทเดินหน้าธุรกิจโดยมองว่าธุรกิจจะขยายอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องคำนึงถึงการกำกับดูแลบริษัทอย่างดีและยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่รางวัลที่ได้รับมาในปีที่แล้วบ่งบอกถึงความตั้งใจและมุ่งมั่นของฝ่ายจัดการและทีมงานในการทำธุรกิจ โดยมี Corporate Governance ที่ดียิ่ง และโดยเฉพาะในเรื่องของ ESG บริษัทได้รับการจัดอันดับ AAA มา 2 ปีซ้อนแล้ว
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
- Secure วงโคจรเพิ่ม โดยเฉพาะ 142 จะทำให้ครอบคลุมพื้นที่เกือบครึ่งโลก
- การเติบโตในตลาดอินเดีย โดยใช้ Hughes Communication เป็น Partner
- การขยายธุรกิจ SpaceTech ในด้าน Carbon Watch และการประเมินมลพิษ
- การร่วมมือกับ NT ในการขยาย Solution ด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและ Maritime
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ความเสี่ยงหลักคือการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็ว (Disruption) จาก OTT และอินเทอร์เน็ต
ค่าเงินกีบในประเทศลาวยังอ่อนตัว
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
- การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Software Defined Satellites และ AI
- การสร้าง Partnership กับบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น Nvidia, SpaceX, Kratos, Hughes Communication, Astranis
- การขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ เช่น อินเดีย และฟิลิปปินส์
- การให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance) และ ESG
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
ไทยคมมุ่งเน้นการขยายธุรกิจดาวเทียมโดยใช้ดาวเทียมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (ไทยคม 4, 6, 7, 8, 9A) โดยเน้นที่ตลาดประเทศไทยและอินเดีย คาดว่า Top Line จะขยายประมาณ 5-10% ในปี 2568
ไทยคม 9 และ 10 จะเป็นอนาคตของบริษัท โดยได้มีการขายล่วงหน้าไป 50% ของดาวเทียมไทยคม 10 ให้กับบริษัท Eutelsat สิ่งที่โฟกัสภายในปีนี้คือประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีความต้องการ Satellite Broadband มากเนื่องจากมีเกาะเยอะ และไม่มีดาวเทียมของตัวเอง
สำหรับ LEO (ดาวเทียมวงโคจรต่ำ) บริษัทมองว่าเป็นสิ่งที่สามารถใช้ร่วมกับ GEO (ดาวเทียมวงโคจรค้างฟ้า) ได้ และกำลังพัฒนาไปในทิศทางนั้น โดยมี LEO Partner แล้ว (Global Star) และจะพิจารณาหา Partnership ใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อเสริม Portfolio ของไทยคมในอนาคต
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [1:08:43]
แผนธุรกิจและการเติบโต
คำถาม: ภาพรวมธุรกิจและการเติบโตในปีนี้ บริษัทวางแผนและวางเป้าหมายอย่างไร?
คำตอบ (คุณปฐมภพ): บริษัทจะขยายธุรกิจดาวเทียมที่มีอยู่ (5 ดวง) โดยเน้นที่ไทยและอินเดีย ในไทยมีโครงการ USO ของ กสทช. เฟส 3 ส่วนในอินเดียขยายผ่าน Hughes และโครงการรัฐ คาดว่า Top Line จะขยาย 5-10% ในปี 2568
งบลงทุนและการเติบโตของ EBITDA
คำถาม: เงินลงทุนของบริษัทในปี 2568 จะเป็นอย่างไรบ้าง และคาดหวังการเติบโตของ EBITDA อย่างไร?
คำตอบ (คุณอนุวัฒน์): ปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4 พันล้านบาท แบ่งเป็น Satellite Business 100-150 ล้านบาท และดาวเทียมดวงใหม่ (Airbus และ SpaceX) 3.8-3.9 พันล้านบาท ส่วน EBITDA จะเติบโตจากการใช้ Asset ให้มากที่สุด (Hughes ในอินเดีย) และ SpaceTech (Carbon Watch, Global Star)
โดยสรุป ไทยคมมุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจดาวเทียมผ่านการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน