สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 โดยมีกำไรสุทธิ 254.53 ล้านบาท เทียบเท่ากับอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 7.79% ลดลงจากไตรมาส 1/2567 ที่มีอัตราผลตอบแทน 10.83% รายได้รวมอยู่ที่ 1,073.58 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายทางการเงิน 308.32 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 166.45 ล้านบาท และผลขาดทุนด้านเครดิต 262.55 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 52,183.17 ล้านบาท หนี้สินรวม 39,013.78 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 13,169.39 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิของบริษัทลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่ไม่มีดอกเบี้ยชะลอตัวลง ซึ่งเป็นไปตามแผนการของบริษัทในการชะลอการเติบโตของสินเชื่อภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึง บริษัทจึงเน้นการเติบโตของสินเชื่ออย่างระมัดระวังในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสมและมีคุณภาพสินเชื่อที่ดี

บริษัทมีแผนธุรกิจในอนาคตที่จะขยายฐานลูกค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มรายได้และกำไร พร้อมกับการบริหารจัดการความเสี่ยงและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด บริษัทคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ทำให้ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อมีโอกาสเติบโตได้อีก บริษัทจึงตั้งเป้ารายได้และกำไรในปี 2568 ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

การลงทุนใน THANI อาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อที่มีศักยภาพเติบโต ราคาหุ้น THANI ปัจจุบันอยู่ที่ 2.3 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ อยู่ที่ 3.5 / 1.8 บาท P/E อยู่ที่ 9.35 เท่า P/BV อยู่ที่ 0.85 เท่า และ YIELD อยู่ที่ 1.03% ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับ YIELD ของหุ้นกลุ่มเดียวกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิที่สูงและมีแนวโน้มเติบโตได้ในอนาคต แต่การลงทุนใน THANI เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือยาวเพื่อรอการเติบโตของธุรกิจมากกว่า เนื่องจาก YIELD ต่ำไม่น่าสนใจสำหรับการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล