สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (THANI) มีผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีกำไรสุทธิ 79.79 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2 ปี 2567 ที่มีกำไรสุทธิ 189.21 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้อื่นๆ ที่ลดลงตามแผนการของบริษัทในการชะลอการเติบโตของสินเชื่อภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีอัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) ที่น่าพอใจอยู่ที่ 2.40% แสดงถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินเชื่อที่ดี แต่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกลับเพิ่มขึ้นเป็น 403.58 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการตั้งสำรองเพื่อสะท้อนความเสี่ยงของลูกหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นและผลขาดทุนจากการขายรถยืด

แผนธุรกิจในอนาคตของ THANI เน้นการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวดเพื่อรักษาคุณภาพสินทรัพย์และควบคุม NPL ให้คงที่ พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2568 เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่น กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มผู้ขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล

THANI น่าจะเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองหาบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยมีราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.00 บาท P/E เท่ากับ 12.1 P/BV เท่ากับ 0.93 และ YIELD เท่ากับ 0.93% ซึ่งบ่งบอกถึงการประเมินมูลค่าที่ค่อนข้างต่ำ แต่ต้องยอมรับว่าผลตอบแทนจากเงินปันผลค่อนข้างต่ำ เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการถือหุ้นระยะยาวเพื่อรอการเติบโตของบริษัท และคาดหวังผลตอบแทนในรูปแบบของ capital gain มากกว่า นอกจากนี้ การชะลอตัวของธุรกิจสินเชื่ออาจส่งผลกระทบต่อกำไรของ THANI ในระยะสั้น ซึ่งนักลงทุนควรติดตามผลประกอบการอย่างใกล้ชิด