สรุป OPPDAY หุ้น THAI
Oppday
สรุป OPPDAY
เปิดกำไรสูงสุดในรอบ 65 ปี! สรุป Oppday THAI เจาะลึกผลประกอบการ Q3/2568 และทิศทางอนาคต
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่รายการ Opportunity Days ของตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ ดิฉันเฉิดโฉม เทิดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด มหาชน มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะได้มานำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุนและท่านผู้สนใจทุกท่านในวันนี้นะคะ สำหรับข้อมูลของไตรมาส 3 ปี 2568 ค่ะ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
การบินไทยในปัจจุบันให้บริการทางอากาศด้วยเครื่องบินจำนวน 78 ลำ ประกอบด้วยเครื่องบินลำตัวแคบ 20 ลำ และเครื่องบินลำตัวกว้าง 58 ลำ ครอบคลุม 62 จุดบิน ใน 27 ประเทศทั่วโลก เกือบทุกทวีป เช่น เอเชีย ยุโรป และออสเตรเลีย
รายได้หลัก 9 เดือนแรก มาจากธุรกิจการบิน 94% (ผู้โดยสารและคาร์โก้) และจาก Business Unit ประมาณ 6%
Market Share ที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นอันดับ 1 ที่ 26%
การบินไทยมีธุรกิจครบวงจร เช่น ภาคพื้นครัวการบิน คลังสินค้า และการซ่อมบำรุง
การบินไทยมีกำไรจากการดำเนินงานใน 9 เดือนแรก 33,146 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสูงสุดในรอบ 65 ปี มี Operating Margin อยู่ที่ 23.5%
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
การรับมอบเครื่องบินใหม่ 4 ลำในปี 2568: A330-300 รับมอบแล้วเมื่อสิงหาคม และอีก 3 ลำคือ 787-9 และ A321neo จะเข้าประจำการใน Q4 แต่ให้บริการจริงต้นปีหน้า
ยอดขาย Passenger Network ในช่วง 9 เดือน เพิ่มขึ้นจาก 15% ในปีที่แล้ว เป็น 22%
การปรับปรุงเว็บไซต์และ Mobile App ทำให้ปริมาณ Booking ผ่านช่องทาง Online เพิ่มขึ้นเป็น 26% (จาก 15% ก่อนโควิด)
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ในไตรมาส 3 มีจำนวนผู้โดยสารและ Yield ที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
Yield ของ Passenger ลดลงเหลือ 2.73 บาท (จาก 3 บาทกว่าในปีที่แล้ว) ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มตลาด
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
การปรับปรุงกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มรายได้รวม โดยเฉพาะการบริหารจัดการ Network และการใช้เครื่องบินให้คุ้มค่ามากขึ้น (13.5 ชั่วโมงต่อวัน)
การควบคุมต้นทุน โดยเฉพาะต้นทุนน้ำมันที่ลดลง 17 สตางค์ และค่าเช่าเครื่องบินที่ลดลง 5 สตางค์
การใช้กลยุทธ์ทางการตลาดโดยใช้ Network เข้ามามากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจาก Low Season
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
คาดการณ์กำลังการผลิตในครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 1-3% (ASK)
Cabin Factor คาดว่าจะอยู่ที่ 78-80% และ Operating Margin ประมาณ 20%
มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2550 โดยการปรับปรุงเครื่องบินให้ทันสมัย ใช้เชื้อเพลิงอากาศยานอย่างยั่งยืน (SAF) และปรับปรุงการปฏิบัติการบิน
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 40:45]
- คาดการณ์รายได้ทั้งปี 2568
ไม่สามารถคาดการณ์รายได้ได้ แต่คาดว่า ASK ของครึ่งปีหลังจะเทียบเท่าครึ่งปีแรก
- แผนการเติบโตปีหน้าและการรับมอบเครื่องบิน
Q4 ปีนี้ รับมอบเครื่องบิน 3 ลำ (A321neo)
ปี 2569 รับมอบ A321neo 15 ลำ ทยอยส่งมอบตั้งแต่ต้นปีถึงปลายปี
รับมอบ 787-9 อีก 3 ลำ ประมาณปลายปี 2569
- แนวโน้ม Yield
Supply ของเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นจะเพิ่มการแข่งขันและกดดัน Yield
การบินไทยจะพยายามรักษาหรือคงระดับ Yield ให้ได้
- นโยบายการจ่ายปันผล
ปันผลไม่น้อยกว่า 25% ของ Net Profit ก่อน FX
คณะกรรมการบริษัทมีอำนาจพิจารณา หากจำเป็นต้องใช้เงินลงทุน
- ผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้
การบินไทยยังคงมีไฟลท์บินไปหาดใหญ่วันละ 3 เที่ยวบิน คิดเป็น 12% ของ Domestic ทั้งหมด
- ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
บริหารจัดการโดย Natural Hedging และ Transaction ให้เป็นสกุลเงินเดียวกันมากที่สุด
ทำ Cross Currency Swap และ Forward ค่าเช่า ตามนโยบายที่ได้รับอนุมัติ
- แผนการลงทุนปี 2569
MRO (Maintenance, Repair and Overhaul): ขยาย MRO ที่ดอนเมือง (Leap Engine สำหรับ A321neo)
ติดตั้ง Wi-Fi บนเครื่องบิน
วางเงินดาวน์สำหรับเครื่องบินที่จะรับมอบในอนาคต
- เส้นทางบินใหม่
พิจารณากลับไปบินในเส้นทางที่เคยบินและยังไม่ได้ Resume
เพิ่มความถี่เที่ยวบินในจุดบินที่มี Demand สูง
A321neo จะให้บริการแบบ Premium Class (Business Class แบบ Lie-Flat) ในเส้นทางบินไกล (3-5 ชั่วโมง) และอาจมีใน Domestic/Region บางเส้นทาง
- โอกาสกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจ
อ้างอิงจากกระทรวงการคลัง: ยังไม่มีแผนที่จะนำการบินไทยกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจ
โดยรวมแล้ว การบินไทยแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งด้วยผลกำไรที่โดดเด่นและการจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ บริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่การเติบโตอย่างยั่งยืนและการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ควบคู่ไปกับการจัดการความเสี่ยงและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น