TFM
บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

TFM เติบโตอย่างก้าวกระโดด ปี 2567 กำไรพุ่ง 535 ล้านบาท จ่ายปันผลสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์

สวัสดีนักลงทุนทุกท่านครับ วันนี้ทางผู้บริหารของบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM จะมารายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 และผลประกอบการทั้งปี 2567 ที่ผ่านมา พร้อมกับ Outlook ของปี 2568

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

  • ยอดขาย: 1,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% (YoY) และ 2.9% (QoQ)
  • ปริมาณขาย: เพิ่มขึ้น 14.8% (YoY) และ 3.3% (QoQ)
  • ปัจจัยบวก:
    1. ยอดขายอาหารกุ้งที่เติบโตในประเทศไทย เนื่องจากราคากุ้งปรับตัวดีขึ้น ทำให้เกษตรกรเพาะเลี้ยงกุ้งอย่างต่อเนื่อง
    2. ยอดขายในประเทศอินโดนีเซียที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • กำไรขั้นต้น: 293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135.8% (YoY) และ 9.9% (QoQ)
  • อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin): อยู่ที่ระดับ 20.5%
  • กำไรสุทธิ: 151 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นมากกว่า 917.7% (YoY)

ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องตลอด 4 ไตรมาส ส่งผลให้ปี 2567 เป็นปีที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 3 ปี ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ อัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

ยอดขายปี 2567 จบที่ 5,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5.6% (YoY) สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของกลุ่มสินค้าอาหารกุ้ง

กำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นมาที่ 128.7% (YoY) มาอยู่ที่ 1,004 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 18.7% จาก 8.6% ในปีที่ผ่านมา อัตรากำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 535 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นมากกว่า 512.8% จากปีที่ผ่านมา

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

  • การขยายตลาด:
    1. มุ่งเน้นตลาดในประเทศ (Direct Farm)
    2. ขยายตลาดในประเทศอินโดนีเซีย
    3. ขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ ผ่านการส่งออกและ Partner ใหม่
  • ความเป็นผู้นำในอาหารสัตว์น้ำ:
    1. มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพ (CFR, FCR)
    2. พัฒนาสูตรใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของเกษตรกร
  • การพัฒนาการเลี้ยง: สนับสนุนเกษตรกรในการเพาะพันธุ์กุ้ง
  • ความยั่งยืน: มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืน

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ไม่มีข้อมูลความเสี่ยงที่กล่าวถึงในเนื้อหาที่สรุปมานี้

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • การวางแผนการผลิตที่ดี: การบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ
  • การพัฒนาสูตร: เพื่อ Optimize ต้นทุน
  • การปรับปรุง Product Mix: มุ่งเน้นสินค้าที่มีกำไร
  • การปรับปรุงกระบวนการ: ตั้งแต่การจัดซื้อ การวางแผนการผลิต และ Production ที่มีคุณภาพ

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

  • Financial Guidance ปี 2568:
    1. ยอดขาย: เติบโต 8-10%
    2. อัตรากำไรขั้นต้น: 18-20%
    3. SGA to Sale: 8-10%
    4. ETR: 10-11%
    5. Dividend Policy: At least 50% Payout
    6. Capex: ประมาณ 300 ล้านบาท
  • แนวโน้มราคาอาหารสัตว์น้ำ: ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อปริมาณการเลี้ยงที่เพิ่มขึ้น

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 51:57]

  1. Global Minimum Tax กระทบ TFM อย่างไร?

    คำตอบ: ปี 2567 Effective Tax Rate ของ TFM อยู่ที่ประมาณ 1% ของกำไรก่อนภาษี ปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ราว 10-11% ก่อนได้รับการชดเชยใด ๆ จากรัฐบาล

  2. งบลงทุนปี 2568 จำนวน 300 ล้านบาท ใช้กับอะไรบ้าง?

    คำตอบ: หลัก ๆ จะเป็นการลงทุนในส่วนของ BOI ซึ่งจริง ๆ ใส่ไว้ในปีที่แล้วแต่เลื่อนมาเป็นปีนี้ในช่วงครึ่งปีแรก หลังลงทุนเสร็จจะช่วยประหยัดภาษีในช่วงครึ่งปีหลัง

  3. ปี 2568 คาดหวังการเติบโตอย่างไร?

    คำตอบ: ยังคงเติบโตตาม Guideline ที่ให้ไว้ โดยมี 4 Pillar หลัก:

    • Market Share ในประเทศ (อาหารกุ้งและปลากระพง)
    • ตลาดอินโดนีเซีย (เพิ่ม Capacity ให้เต็มที่)
    • ตลาดต่างประเทศ (ขยาย Portfolio ลดความเสี่ยง)
    • Food Additive (Margin ดี ขยายไปต่างประเทศ)
  4. มีแผนทำ M&A หรือไม่?

    คำตอบ: อยู่ในแผน มีโอกาส แต่ต้องการลงทุนที่ไม่เสี่ยง และมั่นใจว่าจะทำให้บริษัทและผู้ถือหุ้นเติบโต

  5. Dividend Payment ปีหน้าจะเป็นอย่างไร?

    คำตอบ: ถ้าระหว่างปีนี้ยังไม่มี Opportunity ที่ถูกใจ นโยบายปันผลคงใกล้เคียงเดิม แต่ถ้ามี Opportunity ที่อยากลงทุนและเป็นผลดีกับนักลงทุนระยะยาว อาจ reconsider Dividend Payout แต่ยังคง Policy ขั้นต่ำ 50% ของกำไร

โดยสรุป TFM ประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2567 ด้วยผลกำไรที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดและนโยบายการจ่ายปันผลที่น่าสนใจ บริษัทมีแผนการเติบโตที่ชัดเจนและมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว