สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA มีรายได้จากการก่อสร้างในไตรมาส 2 ปี 2567 อยู่ที่ 432.30 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.24% เนื่องจากโครงการของบริษัทอยู่ในช่วงส่งมอบงานช่วงสุดท้ายของโครงการเป็นส่วนใหญ่ บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 ปี 2567 อยู่ที่ 88.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 49.39% เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนหลักได้ดีขึ้น เช่น ค่าเหล็ก ค่าคอนกรีต ในขณะเดียวกันบริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2567 อยู่ที่ 46.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 127.40% ส่งผลให้มีสัดส่วนผลกำไรสุทธิเทียบกับรายได้รวมอยู่ที่ 10.66% และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.16 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิสะสมอยู่ที่ 88.70 ล้านบาท

แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของ TEKA เน้นการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในส่วนของสำนักงานต่างๆ โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นไปที่การรับงานก่อสร้างจากภาคเอกชน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับรายได้และกำไรในระยะยาว

โดยรวมแล้วผลประกอบการของ TEKA ในไตรมาส 2 ปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจ แม้ว่ารายได้จะลดลงเล็กน้อย แต่กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิกลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง พบว่า TEKA มี P/E ล่าสุดอยู่ที่ 6.03 P/BV ล่าสุดอยู่ที่ 0.74 และ YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 5.1% เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยย้อนหลังของหุ้น TEKA ที่อยู่ในช่วง 2.00-3.00 บาท แสดงให้เห็นว่า ราคาหุ้นของ TEKA มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีก อย่างไรก็ตาม TEKA มี D/E อยู่ที่ 1.15 ซึ่งค่อนข้างสูง แสดงว่า บริษัทฯ มีภาระหนี้สินที่ค่อนข้างมาก อาจเป็นความเสี่ยงต่อธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน จึงอาจเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการรับเงินปันผลมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น

**โอกาส**
- การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
- อัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น
- ความแข็งแกร่งของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
- โอกาสในการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์

**ความเสี่ยง**
- ภาระหนี้สินที่ค่อนข้างสูง
- ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
- การแข่งขันในตลาดรับเหมาก่อสร้าง