สรุปงบล่าสุด TEGH
บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH): ผลประกอบการไตรมาส 3/2567
บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ที่มีกำไรสุทธิ 219.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจยางธรรมชาติ ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้น 1,583.34 ล้านบาท หรือร้อยละ 64.03 เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายยางแท่งที่เพิ่มขึ้นและราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ รายได้จากธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบก็มีการเติบโตเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 113.99 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.15 เนื่องจากปริมาณการขายน้ำมันปาล์มดิบที่เพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย
แผนธุรกิจในอนาคตของ TEGH ยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจยางธรรมชาติและน้ำมันปาล์มดิบ บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในทั้งสองธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ TEGH ยังมีแผนที่จะพัฒนาธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ โดยการขยายฐานลูกค้าใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้รวมจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายธุรกิจและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น
## โอกาสและความเสี่ยง
จากผลประกอบการไตรมาส 3/2567 และอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง TEGH อาจเป็นโอกาสการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตและเงินปันผล ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลังแสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นมีความผันผวน แต่ P/E ที่ล่าสุดอยู่ที่ 12.5 และ P/BV ที่ 1.06 สะท้อนว่ามูลค่าของ TEGH อาจถูกประเมินต่ำกว่ามูลค่าแท้จริง อัตราส่วน D/E ที่ 1.33 แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีภาระหนี้สินที่ค่อนข้างสูง แต่กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานที่เป็นบวก สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรและสร้างกระแสเงินสดของ TEGH อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงดังนี้
* **ความผันผวนของราคาสินค้า:** ราคาสินค้าเกษตรเช่นยางธรรมชาติและน้ำมันปาล์มดิบมีความผันผวนสูง การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าอาจส่งผลกระทบต่อกำไรของ TEGH
* **การแข่งขันในอุตสาหกรรม:** อุตสาหกรรมยางธรรมชาติและน้ำมันปาล์มดิบเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง TEGH ต้องเผชิญกับคู่แข่งมากมายทั้งในและต่างประเทศ
* **ความเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อม:** ธุรกิจของ TEGH เกี่ยวข้องกับการปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม TEGH ต้องดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
**อัตรากำไรขั้นต้นของ TEGH ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 10.91% สูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่ 8.85% ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนของบริษัท อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรสุทธิในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 4.66% ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่ 1.34% ซึ่งน่าจะเกิดจากค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น **
**โดยสรุป TEGH เป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในธุรกิจเกษตรที่มีแนวโน้มการเติบโต แต่ต้องพิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของ TEGH โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผันผวนของราคาสินค้าและการแข่งขันในอุตสาหกรรม**
**ข้อมูลเพิ่มเติม:**
* **ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 19.61 วัน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่ 26.04 วัน สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการลูกหนี้ที่ดีขึ้น
* **อัตราส่วนหมุนเวียนสินค้าคงเหลือ** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 90.10 วัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่ 65.52 วัน ซึ่งอาจเกิดจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น
* **TEGH มีแนวทางการส่งเสริมคู่ค้าวัตถุดิบปาล์มน้ำมันและยางพาราให้มีรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืน** โดยผลักดันให้เกษตรกรรายย่อยมีการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนฯ และ กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่
* **บริษัทมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ** โดยมีฐานรากที่มาจากการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีจรรยาบรรณ และไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน
(50.84%)
(57.56%)
(73.07%)
(93.31%)
(14.74%)
(22.68%)
(65.00%)
(57.15%)
(117.55%)
(444.51%)
(220.71%)
(605.26%)