สรุปงบล่าสุด TBN

บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการบริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปี 2567 (ฉบับปรับปรุงล่าสุด)
บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TBN ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจาก SIEMENS ในงาน MindSphere Pacific Executive Partner Summit 2025 รวม 3 รางวัล สะท้อนถึงศักยภาพในการพัฒนาและขยายธุรกิจ SaaS ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานโดยรวมในปี 2567 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีรายได้รวม 349.30 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่มีรายได้ 442.48 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 22.01 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 74.22 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากงานพัฒนาระบบดิจิทัลและงานให้คำปรึกษา เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงต้นปี และการเพิ่มขึ้นของขอบเขตงานในโครงการพัฒนาระบบขนาดใหญ่ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และการเจรจาปรับเพิ่มงบประมาณไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ส่งผลให้ต้องรับรู้ผลขาดทุนและปรับลดความสำเร็จของงานในไตรมาส 4 ในขณะที่รายได้จากกลุ่มงานบำรุงรักษาระบบและงานสนับสนุนด้านเทคโนโลยีปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะรายได้ในกลุ่มคลาวด์ แต่ไม่กระทบต่อความสามารถในการทำกำไรมากนักเนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ บริษัทมี Backlog ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 คงเหลืออยู่ 359 ล้านบาท
แม้ผลประกอบการปี 2567 จะไม่เป็นไปตามเป้า แต่บริษัทฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อปี 2568 โดยคาดว่าเสถียรภาพของรัฐบาลและความชัดเจนของนโยบายสนับสนุนด้านเทคโนโลยี จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในการลงทุนด้านไอที นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเพิ่มความเข้มงวดในการบริหารโครงการและการเจรจา Change Request (CR) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากต้นทุนส่วนเกินในอนาคต คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จากส่วนของงานที่ถูกปรับลดในปี 2567 กลับคืนมาตามความคืบหน้าของการพัฒนาระบบที่จะเกิดขึ้นจริงในปี 2568 ประกอบกับการกลับรายการประมาณการผลขาดทุนที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ การตั้งเป้ารายได้หรือยอดขาย รวมถึงรายละเอียด outlook อื่นๆ ไม่ได้ถูกระบุไว้ในข้อมูลที่ให้มา บริษัทยังได้เตรียมมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการบริหารโครงการและการเจรจา CR เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากต้นทุนส่วนเกิน
การพิจารณา TBN เป็นโอกาสในการลงทุน ต้องอาศัยการวิเคราะห์ที่รอบด้าน แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน (ราคาเฉลี่ยไตรมาส 2/2566: 19.84 บาท, ไตรมาส 4/2567: 6.65 บาท) ทำให้ P/E และ P/BV ลดลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ (P/E ล่าสุด: 11.7 เท่า, P/BV ล่าสุด: 1.19 เท่า) และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เพิ่มขึ้นเป็น 2.24% แต่การลดลงของรายได้ กำไรสุทธิ และกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานในปี 2567 เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายสะท้อนถึงความเสี่ยงในการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากโครงการขนาดใหญ่และการบริหารต้นทุนที่ไม่เป็นไปตามแผน อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน และการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ก็เป็นปัจจัยที่กดดันผลกำไรสุทธิ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 4.68 เท่า และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ต่ำเพียง 0.07 เท่า
**โอกาส:**
* การเป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ MENDIX รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย
* ความต้องการบริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่เพิ่มขึ้น
* การสนับสนุนจากภาครัฐในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
* การปรับตัวดีขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นในกลุ่มงานบำรุงรักษาระบบและงานสนับสนุนด้านเทคโนโลยี
* สภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่ง
**ความเสี่ยง:**
* ความผันผวนของเศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐ
* การแข่งขันในตลาดบริการด้านดิจิทัล
* ความเสี่ยงในการบริหารโครงการขนาดใหญ่
* การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
* ความเสี่ยงด้านลูกหนี้การค้า โดยเฉพาะลูกหนี้ที่เกินกำหนดชำระ
* อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นลดลง
**ข้อมูลการเงินเพิ่มเติม:**
* D/E Ratio: 0.36 เท่า แสดงว่าบริษัทฯ มีหนี้สินค่อนข้างต่ำ
* วงจรเงินสดติดลบ ลดลง 20.41 วัน แสดงว่าบริษัทฯ มีประสิทธิภาพของวงจรเงินสดที่ดีขึ้น
* อัตรากำไรขั้นต้นลดลงอย่างมาก แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงจากต้นทุนที่สูงขึ้น
* บริษัทมีการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินที่มีสภาพคล่องสูงและมีความเสี่ยงต่ำ
* มีการบันทึกค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตจำนวน 2.36 ล้านบาท
* มีการจ่ายเงินปันผล 14 ล้านบาท
โดยสรุป การลงทุนใน TBN ในขณะนี้ อาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง และมองเห็นศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการโครงการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และสามารถกลับมาทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนก่อนตัดสินใจ
(26.71%)
(70.19%)
(95.64%)
(98.47%)
(94.03%)
(94.85%)
(50.20%)
(74.95%)
(196.31%)
(128.60%)
(161.81%)
(184.62%)