สรุปงบล่าสุด TACC

บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
TACC ปี 2567 โชว์ผลงานแข็งแกร่ง รายได้รวม 1,958.84 ล้านบาท (+14.02% YoY) และกำไรสุทธิ 248.58 ล้านบาท (+19.03% YoY) การเติบโตหนุนโดยยอดขาย 7-Eleven ที่เพิ่มขึ้นจากการบริโภคในประเทศและนักท่องเที่ยวฟื้นตัว และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 33.21% เพิ่มขึ้น 0.79% YoY
TACC ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2568 ที่ 2,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้น 3 กลยุทธ์หลัก: เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจหลัก (Core Business), เติบโตแบรนด์ของตัวเอง (TACC Own Brand) และสร้างพันธมิตร (Partnership Ecosystem) บริษัทฯ วางแผนลงทุนขยายโรงงาน, ไลน์ผลิต และ Venture ใหม่ ๆ แม้ความเสี่ยงหลักคือต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น บริษัทฯ เตรียมรับมือด้วยการประกันราคา, สต็อกสินค้าเพิ่ม และเพิ่ม Productivity
IAA คาดการณ์ EPS ปี 2568 ที่ 0.48 บาท และราคาเป้าหมาย 6.0 บาท ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 2025-03-25: P/E 11.06 เท่า, Yield 8.55% และราคาล่าสุด 4.56 บาท
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการ TACC ปี 2567: โอกาสและความท้าทายในการเติบโต
บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) ปิดปี 2567 ด้วยผลประกอบการที่น่าประทับใจ โดยมีรายได้รวม 1,953.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.02% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 243.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.03% ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการเติบโตของยอดขายในร้าน 7-Eleven ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลับมาของนักท่องเที่ยว การพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกับ 7-Eleven และลูกค้าอื่นๆ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวน 50 ล้านบาท เนื่องจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรของผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า 810๐8
สำหรับปี 2568 TACC ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้อย่างน้อย 10% โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักผ่านนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ การสร้างธุรกิจใหม่ผ่านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเองทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน บริษัทยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Carton) สำหรับเครื่องดื่มเย็นในโถกดและเครื่องดื่ม Wong-O-Lee-O, ได้รับการรับรองเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพรินท์องค์กร, และติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงานเพื่อใช้พลังงานสะอาด นอกจากนี้ โรงงานของบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร (B556 22000) ในด้านสังคมบริษัทยึดมั่นต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสีย การประเมินผลการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2567 อยู่ในระดับ 4 ดาว หรือ “ดีมาก”
การพิจารณา TACC เป็นโอกาสในการลงทุน จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้านประกอบกัน แม้ว่าผลประกอบการปี 2567 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และบริษัทมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนสำหรับการเติบโตในอนาคต แต่การลงทุนก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น P/E ที่ 10.24, P/BV ที่ 3.49 และ Yield ที่ 9.24% แสดงให้เห็นว่าหุ้น TACC อาจมีราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับกำไรและมูลค่าทางบัญชี นอกจากนี้ การที่บริษัทมี D/E ค่อนข้างต่ำ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงินในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดเครื่องดื่ม, การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค, และความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ โดยรวมแล้ว TACC ยังคงเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต แต่การตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเสี่ยงและโอกาสต่างๆ ประกอบกัน
**โอกาส:**
* การเติบโตของตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
* ความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์กับ 7-Eleven ซึ่งเป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่สำคัญ
* การมุ่งเน้นนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
* การให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของผู้บริโภคในปัจจุบัน
**ความเสี่ยง:**
* การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดเครื่องดื่ม
* การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
* ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ
* การพึ่งพิงช่องทางจัดจำหน่าย 7-Eleven ในสัดส่วนที่สูง
(8.00%)
(11.80%)
(5.54%)
(10.62%)
(2.27%)
(1.04%)
(8.56%)
(6.62%)
(7.28%)
(3.20%)
(59.95%)
(40.63%)