สรุปด้วย AI(O) BOT

## บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) : SPCG ผลประกอบการไตรมาส 3/2567

บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2567 โดยมีรายได้รวม 1,594.01 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน -50% เนื่องจากรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ลดลง 41% โดยมีปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายได้ลดลง 2% แต่รายได้เงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าได้สิ้นสุดลงในไตรมาสนี้ SPCG มีกําไรสุทธิในไตรมาส 3/2567 ที่ 618.9 ล้านบาท ลดลง 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 51% ลดลงจากปีที่ผ่านมา 61%

SPCG ตั้งเป้าที่จะขยายธุรกิจ solar farm และ solar roof รวมไปถึงการสร้างรายได้จากการบริการด้านการปฏิบัติการ การบำรุงรักษา และการประมวลผลโซลาร์ฟาร์ม (OM&M) โดยเฉพาะในธุรกิจ solar roof ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต แผนธุรกิจในอนาคตของ SPCG เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศ และการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการเติบโต

SPCG ถือเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ โดยดูจากผลประกอบการที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในไตรมาสล่าสุด กำไรจะลดลง แต่ก็เป็นผลมาจากการสิ้นสุดของรายได้เงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า ซึ่งในอนาคตบริษัทมีโอกาสในการเติบโต จากการขยายธุรกิจและการลงทุนในโครงการใหม่ๆ อัตราส่วนทางการเงินสำคัญๆ เช่น D/E ที่อยู่ในระดับต่ำ แสดงถึงพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง P/E ที่ 7.68 อาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากค่า P/E นี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังของบริษัท P/BV ที่ 0.47 ต่ำกว่า 1 แสดงถึงการมีมูลค่าที่น่าดึงดูด YIELD ที่ 11.24% สูงกว่าค่าเฉลี่ย น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนจากเงินปันผล แม้ว่าวงจรเงินสดของ SPCG จะอยู่ที่ 60.88 ล้านบาท แสดงถึงความสามารถในการสร้างยอดขายและเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้ได้ดี แต่เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 1,464.609 ล้านบาท แสดงถึงการลงทุนต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

**โอกาส:**
- ธุรกิจ Solar roof ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
- การขยายตลาดในต่างประเทศ
- การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ

**ความเสี่ยง:**
- ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุน
- การแข่งขันในตลาด Solar energy ที่สูง
- ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล

SPCG เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว เพื่อรอการเติบโตของธุรกิจ และนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนจากเงินปันผล อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และติดตามผลประกอบการของบริษัทอย่างใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจลงทุน

**ข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกสาร:**

- ในไตรมาส 3/2567 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1,594.01 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 จำนวน 1,582.1 ล้านบาท (หรือคิดเป็นร้อยละ 50)
- บริษัทฯ มีกําไรสุทธิจํานวน 618.9 ล้านบาท (คิดเป็นกําไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.53 บาท)
- บริษัทฯ มี 36 โซล่าฟาร์ม
- บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof)
- บริษัทฯ มีค่าเสื่อมราคาอาคาร และอุปกรณ์จํานวน 480.7 ล้านบาท
- บริษัทฯ มีหนี้สินตามสัญญาเช่าลดลง จํานวน 12.8 ล้านบาท
- บริษัทฯ มีภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่ายลดลง จํานวน 107.8 ล้านบาท
- บริษัทฯ มีเจ้าหนี้การค้าลดลง จํานวน 70.7 ล้านบาท
- บริษัทฯ มีกําไรสุทธิ จํานวน 618.9 ถ้านบาท
- บริษัทฯ มีเงินปันผลจ่าย จํานวน 1.354.5 ล้านบาท
- บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.09 เท่า (ไม่เปลี่ยนแปลงจาก ณ 31 ชันวาคม 2566)
- เงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดําเนินงาน 1,253.1 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน 2,669.2 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงิน 1,387.9 ล้านบาท

ข้อมูลเพิ่มเติมนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมของผลประกอบการของ SPCG อย่างครบถ้วน และช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์โอกาสและความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น