SKN
บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

SKN โชว์ผลงาน Q3/68: แผ่นไม้ MDF คุณภาพสู่ตลาดโลก

สวัสดีนักลงทุนทุกท่าน สำหรับ Oppday ของบริษัท สรุปผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568

บริษัทผลิตผลิตภัณฑ์หลักคือแผ่นไม้ MDF ที่ผลิตได้ตั้งแต่ความหนา 1 มม. จนถึง 30 มม. โดยสามารถแบ่งออกได้ตามมาตรฐานกาวของยุโรปและอเมริกา นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น กันชื้น, เป็นไม้ FSC และกันไฟลาม

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะเข้าไปอยู่ในโครงสร้างต่างๆ ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นแผ่นพื้น, Built-in, ผนัง, ฝ้า, ประตู, เฟอร์นิเจอร์ทั้งลอยตัวและแบบ Built-in

บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานต่างๆ

ตลาดของบริษัทแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ:

  1. ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์
  2. รับเหมาก่อสร้าง
  3. Laminate
  4. Holseler

สัดส่วนหลักๆ เป็น Middle East เพิ่มขึ้นจาก 66% ในปี 2567 เป็น 76% ในปี 2568 ตลาดของเอเชียอาคเนย์ลดลงไปอยู่ที่ 10% กลุ่มประเทศอื่นๆ อยู่ที่ 7% สัดส่วนภายในประเทศไม่ต่างจากเดิมมากนัก คือประมาณ 7%

ปีนี้มีสัดส่วนการขายตรงเพิ่มขึ้น จาก 55% เป็น 59% ในปีนี้

หลักๆ ยังคงเป็นการส่งออกอยู่ ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โตขึ้นเล็กน้อยในส่วนของการขายภายในประเทศ จาก 7% เป็น 9% แต่ถ้าดูภาพรวม 9 เดือนของปีนี้เทียบกับปีก่อนหน้า ก็จะไม่ต่างกันมาก อยู่ที่ประมาณ 7% สำหรับการขายภายในประเทศ

Incoterm สัดส่วนหลักๆ ยังคงเป็น CFR อยู่ที่ 49% รองลงมาจะเป็น FOB และมีช่องทางการขายอื่นๆ ประมาณ 11% ถ้าดูสำหรับภาพรวมของ 9 เดือน สัดส่วนของ FOB จะอยู่ที่ประมาณ 50% และ CFR จะอยู่ที่ 46% และเป็นอื่นๆ สัก 4%

Project Investment ตัวของ Kraft Paper ยังอยู่ในส่วนของการขออนุญาตที่เกี่ยวข้องอยู่

การขยายการลงทุน Line ผลิตที่ 3 ของบริษัท ได้เริ่มทำการติดตั้งไปแล้ว โดยส่วนของ Project เองก็ยังถือว่า On Time อยู่

งบการเงินรวมของบริษัท ประกอบด้วย SKN เอง, S-Creiber (ผู้ผลิตกาวและสารเคมี) และ SKN Kraft and Paper (ผู้ผลิตกระดาษรีไซเคิล)

ฝั่งของ Asset ในงบการเงินรวมจะต่ำกว่างบเฉพาะกิจการอยู่เล็กน้อย สาเหตุมาจากการที่งบเฉพาะกิจการจะรับรู้เงินลงทุนในบริษัท ย่อยเป็นตัวจำนวนวงเงินที่ลงทุนทั้งหมดไปเต็มๆ แต่ในส่วนของงบการเงินรวม จะมีในส่วนของพอเอาเงินลงทุนไป ตัวบริษัท ย่อยไปลงทุนในส่วนของอาคารและเครื่องจักรต่างๆ ตัวนี้ก็จะรับรู้ตัวค่าเสื่อมเข้าไปตามงวดของการใช้ Asset นั้นๆ ซึ่งทำให้ตัว Asset ของงบการเงินรวมจะต่ำกว่างบเฉพาะกิจการอยู่เล็กน้อย

หนี้สินจะสูงกว่าเล็กน้อยในงบการเงินรวม มาจากเจ้าหนี้ของบริษัทผลิตกาวและสารเคมี

ผู้ถือหุ้นจะต่ำกว่างบเฉพาะกิจการเล็กน้อย มาจากการที่บริษัท ย่อยปัจจุบันยังคงมีขาดทุนสะสมอยู่

บริษัทแยกโชว์ผลการดำเนินงานเป็นด้านบนจะเป็นงบการเงินรวม และด้านล่างจะเป็นงบเฉพาะกิจการ

บริษัท ย่อยทั้ง 2 แห่ง Kraft and Paper ยังคงอยู่ในช่วงของการดำเนินงานขอใบ อนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้ไม่ได้มีตัวรายได้เข้ามา และก็จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่เล็กน้อย ส่วนของบริษัทผลิตกาว S-Creiber มีการดำเนินงานอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ารายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ยังคงเป็นรายได้ที่ขายให้กับบริษัท แม่ 100% ในส่วนของตัว ผลการดำเนินงานของบริษัทผลิตกาวเอง ปัจจุบันก็คือจะค่อนข้างใกล้เคียงกับช่วงที่ผ่านมา ซึ่งก็คือจะมีกำไรในส่วนของ Gross Profit แต่ว่าใน 9 เดือนนี้ในส่วนของงบ ตัว Net Profit เองอันนี้จะยังคงมีเป็นขาดทุนอยู่

ส่วนของ SKN ขออนุญาตอธิบายในหน้าถัดไป

ตัวรายได้ และค่าใช้จ่ายและต้นทุนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ถ้ามองเทียบในส่วนของตัวไตรมาส 3 และ 9 เดือนเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ปัจจัยต่างๆ จะค่อนข้างใกล้เคียงกัน ซึ่งก็คือเริ่มที่ตัวรายได้ก่อน ตัวรายได้เองจะเห็นได้ว่าลดลงช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ปัจจัยหลักๆ เลยก็คือปริมาณการขายน้อยลงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ประกอบกับตัวค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น และก็จะมีอันนึงเลยก็คือการขายในเทอมของ CNF ที่รวมค่าเฟรดเข้าไปด้วยเนี่ย จะมีสัดส่วนการขายที่ต่ำลง

ทำให้ในส่วนของตัวรายได้น้อยลง

ส่วนของตัวต้นทุนการขาย ปัจจัยที่กระทบกับต้นทุนการขายหลักๆ ก็จะเป็นเรื่องของตัวราคา Raw Material หลักที่ใช้ในการผลิต ซึ่งทั้งในช่วงของไตรมาส 3 เองและก็ในช่วงของ 9 เดือนที่ผ่านมา ตัวราคาของตัว Raw Material หลักที่ใช้ในการผลิตอ่ะค่ะ จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ค่าใช้จ่ายในการขาย และค่าใช้จ่ายในการบริหาร ค่าใช้จ่ายในการขายจะลดลง ซึ่งก็จะสอดคล้องกับการขายในเทอมของ CNF ที่ลดลงค่ะ ทำให้ตัวภาระค่า ค่าเฟรดสายการเดินเรือเนี่ยลดลงด้วยเช่นเดียวกัน ในขณะที่ตัวค่าใช้จ่ายในการบริหารนะคะ โดยรวม 9 เดือนของปีนี้นะคะ ตัวค่าใช้จ่ายในการบริหารเนี่ยจะเพิ่มขึ้นมาจากปัจจัยของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของการลงทุนในสายการผลิตที่ 3 นะคะ

แต่ว่าจะมีในเฉพาะของตัวไตรมาส 3 เองเนี่ยที่ก็จะลดลงเล็กน้อยนะคะ อันนี้สาเหตุหลักมาจากที่ว่าในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเนี่ยค่ะ ในค่าใช้จ่ายในการบริหารเนี่ย จะมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ ซึ่งในช่วงควอเตอร์ 3 ปีนี้นะคะ จะเป็นกำไรจึงรับรู้เข้าไปในส่วนของตัวรายได้อื่นๆ ค่ะ

อัตราส่วนทางการเงิน จะเห็นได้ว่าในส่วนของปีนี้เองเนี่ยค่ะ ทั้ง ROA แล้วก็ ROE อ่ะค่ะ จะดรอปลง สาเหตุปัจจัยหลักๆ เลยค่ะ ก็จะมาจากตัว Net Profit ที่ต่ำลงนะคะ

ส่วนของ Current Ratio ค่ะ อันนี้ก็จะต่ำลงเช่นเดียวกันนะคะ เอ่อมาจากการที่ตัวเงินสดนะคะ ลดต่ำลง ในขณะที่ตัว หนี้สินอ่ะค่ะ เพิ่มสูงขึ้น อันนี้ก็จะมาจากการลงทุนในสายการผลิต เอ่อที่ขยายกำลังการผลิตสาย การผลิตที่ 3 ค่ะ

ส่วนของตัว DE นะคะ จะเพิ่มขึ้นแต่ว่ายังคงอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำอยู่นะคะ อันนี้สาเหตุหลักก็จะมาจากตัวหนี้สินที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในการขยายกำลังการผลิตค่ะ

ความเสี่ยงของบริษัท มี 4 ข้อ:

  1. ที่ตั้ง (บริษัทก็ยังคงตั้งอยู่ใน Location เดียวกัน)
  2. มาตรการการค้าระหว่างประเทศ
  3. ค่าพลังงาน
  4. Exchange Rate

มาตรการการค้าระหว่างประเทศ มี 3 อัน ตัวที่เพิ่มขึ้นมาคือประเทศเกาหลี สำหรับตัวสินค้าที่ Import เข้าไปจากประเทศไทย

ราคาค่าพลังงาน ช่วงปีก่อนหน้า 2 ปีก่อนหน้า จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง และมีการทรงตัวเล็กน้อยในช่วงของปีที่แล้ว และปีนี้มีการปรับตัวลงเล็กน้อย

อัตราแลกเปลี่ยน ในช่วงของไตรมาสที่ 3 จะเป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่มีแนวโน้มที่แข็งค่า ไม่ว่าจะเทียบกับช่วงก่อนหน้า หรือว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อันนี้ก็จะเป็นปัจจัยนึงที่ เอ่อกระทบกับตัวรายได้ของบริษัท

สรุป: SKN ยังคงมุ่งมั่นในการผลิตแผ่นไม้ MDF คุณภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาสนี้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกหลายประการ แต่บริษัทก็ยังคงเดินหน้าลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [50:05]

ไม่มีช่วง Q&A ในคลิปนี้