RCL
บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

RCL: ทิศทางธุรกิจปี 2568 ท่ามกลางความผันผวน สู่การเติบโตที่ยั่งยืน

ในการประชุม Oppday ของหุ้น RCL ในไตรมาส 3 ปี 2568 ผู้บริหารได้ให้ข้อมูลและวิเคราะห์ภาพรวมธุรกิจ, โอกาส, ความเสี่ยง, แนวทางการแก้ไข, และแนวโน้มในอนาคต โดยมีรายละเอียดดังนี้:

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ธุรกิจของ RCL ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบดังนี้:

  • การขยายธุรกิจไปยังตลาดเวียดนามภาคกลาง ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
  • การเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจตู้เย็นและตู้ขนส่งสินค้าพิเศษ
  • การขยายฝูงเรือตู้เย็นเพื่อรองรับความต้องการสินค้าอาหารที่เพิ่มขึ้น
  • ค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อกำไร

ข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ:

  • รายได้ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2
  • กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
  • สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 70,000 ล้านบาท เป็น 75,000 ล้านบาท

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

RCL มองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญดังนี้:

  • การเติบโตของตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก
  • การขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ เช่น เวียดนามภาคกลาง
  • การเพิ่มความแข็งแกร่งในธุรกิจตู้เย็นและตู้ขนส่งสินค้าพิเศษ
  • โอกาสในการขยายธุรกิจไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หากสถานการณ์ในรัสเซียและยูเครนคลี่คลาย
  • การขยายขนาดเรือที่ให้บริการในตลาดเม็กซิโก

กลยุทธ์ในการคว้าโอกาส:

  • การลงทุนในเรือใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง
  • การพัฒนาบุคลากร
  • การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

RCL ตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจดังนี้:

  • ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
  • การเพิ่มขึ้นของจำนวนเรือในตลาด ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าระวางลดลง
  • ความไม่แน่นอนทางการเมืองและสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ
  • การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

RCL มีแผนการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้:

  • การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน
  • การลงทุนในเรือใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • การขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโต
  • การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
  • การพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญและสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

RCL มองเห็นแนวโน้มของธุรกิจในอนาคตดังนี้:

  • ความต้องการสินค้าจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้บริโภคและประเทศเกิดใหม่ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • ความสำคัญของธุรกิจตู้เย็นและตู้ขนส่งสินค้าพิเศษจะเพิ่มขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจสายเรือ

วิสัยทัศน์และเป้าหมายของ RCL:

  • การเป็นบริษัทสายเรือที่เติบโตอย่างยั่งยืน
  • การสร้างความแข็งแกร่งในตลาดที่มีการเติบโตสูง
  • การเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 27.40 ]

  1. คำถาม: ทำไมค่าระวางเรือ RCL ไตรมาส 3 ดีกว่า Shanghai Containerized Freight Index (SCFI) และ China Containerized Freight Index (CCFI)? คำตอบ:

    ดัชนี SCFI ไม่ได้ครอบคลุมทุกเส้นทางที่ RCL ให้บริการ

    SCFI ไม่ได้รวมอินเดียซึ่ง RCL มีการเติบโตสูง

    RCL มีผลประกอบการที่ดีจากเส้นทางที่ไม่ใช่จีน เนื่องจากจีนถูกกดดันจากมาตรการกีดกันทางการค้า

    ค่าเฟรดเฉลี่ยของ RCL มาจากการรวมทุกเครือข่าย

    China Freight Index เน้นเฉพาะมุมจีน ซึ่งได้รับผลกระทบหนัก

  2. คำถาม: แนวโน้มจะเป็นเช่นนี้ต่อไปหรือไม่? คำตอบ: ถ้าไม่มีปัจจัยมากระทบ ก็จะเป็นเช่นนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ธุรกิจมีความไม่แน่นอนสูง
  3. คำถาม: ปี 2569 จะมีเรือใหม่จำนวนมาก ราคาและค่าระวางจะลดลง RCL จะขาดทุนหรือไม่? คำตอบ:

    การมีเรือใหม่จำนวนมากเป็นไปตามหลัก Demand-Supply

    RCL จะขาดทุนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าค่าระวางจะลดลงมากแค่ไหน ซึ่งยังตอบไม่ได้

    ในอดีต หากค่าระวางลดลงเหมือนในอดีต โอกาสขาดทุนก็สูง แต่ปัจจุบัน RCL ไม่ได้อยู่ในสถานะเดิม

    RCL มีเรือใหม่ในกองเรือมากขึ้น เรือใหม่มีต้นทุนการดำเนินงาน (Operating Cost) ที่ต่ำกว่า

    ถึงแม้ค่าระวางจะลดลงเหมือนอดีต RCL ก็ไม่น่าจะขาดทุนเหมือนในอดีต

  4. คำถาม: ค่าระวางเท่าไรถึงจะทำให้ RCL ขาดทุน? คำตอบ:

    การกำไรขาดทุนต้องดูทั้งรายรับและรายจ่าย

    RCL ควบคุมรายจ่าย แต่ในอนาคตหากค่าระวางตกต่ำมาก ก็ต้องดูว่าค่าใช้จ่ายจะลดลงด้วยหรือไม่

    หากเศรษฐกิจไม่ดี ราคาน้ำมันและ Financial Cost อาจลดลง

    มีตัวแปรเรื่องต้นทุน (Cost) ที่ควบคุมไม่ได้หลายอย่าง

  5. คำถาม: จะเตรียมตัวอย่างไร? คำตอบ:

    เตรียมตัวในสิ่งที่ควบคุมได้ให้ดีที่สุด เช่น เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการ Operating Cost

    ลงทุนในเรือใหม่ เพราะเมื่อตลาดลำบาก การมีเรือใหม่ใน fleet เยอะๆ เป็นโอกาส

    มองหาอุปกรณ์ที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ติดตั้งอุปกรณ์กับเรือ

    ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดความผิดพลาด (error) และสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า

    มองหาตลาดตู้เย็นและสินค้าที่ใส่ตู้คอนเทนเนอร์ไม่ได้ ซึ่งมี margin สูงกว่า

  6. คำถาม: ผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ และค่าธรรมเนียมเทียบเรือต่อ RCL เป็นอย่างไร? คำตอบ:

    เมื่อก่อนไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ปัจจุบันเริ่มมีผลกระทบเพราะมีตลาดเม็กซิโก

    เม็กซิโกมีสนธิสัญญากับสหรัฐฯ เมื่อสหรัฐฯ ขึ้นภาษีกับจีน สินค้าไปเม็กซิโกก็ถูกกีดกัน ทำให้สินค้าชะลอตัวลง

    ตลาดเม็กซิโกยังเล็ก ผลกระทบโดยรวม (overall) จึงไม่มากนัก

    ผลดีคือเร่งให้ผู้ผลิตจีนขยายฐานผลิตไปยังที่ต่างๆ เช่น อาเซียน อินเดีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดที่ RCL ให้บริการอยู่แล้ว

    ยุโรปตะวันออกก็เช่นกัน ซึ่งเห็นได้ว่าตลาดเหล่านั้น RCL ให้บริการอยู่แล้ว

    เมื่อมีการเร่งย้ายฐานการผลิต สินค้าก็ต้องเข้าไปด้วย ก่อนผลิตก็ต้องไปสร้าง สินค้าเข้าไป สร้างเสร็จไปสร้าง ก็ต้องเริ่มจาก assembly ก่อน ก็ต้องขนชิ้นส่วนไป

    การเร่งย้ายฐานการผลิตเป็นผลประโยชน์ทางด้านเชิงบวกที่ RCL ได้รับ

  7. คำถาม: ลูกค้าเส้นทางไปเม็กซิโกคือใคร? หาลูกค้าอย่างไร? คำตอบ:

    ลูกค้าที่ใช้บริการไปเม็กซิโกคือกลุ่มที่ซื้อขายสินค้าอยู่แล้ว

    ไม่ใช่ทีม คือเราไม่ได้เสิร์ฟตลาดอาเซียนเท่าไหร่ เพราะ space เรานี้น้อยมาก

    RCL ให้บริการตลาดจากจีนและเกาหลีไปเม็กซิโก

    ปีหน้าจะขยายไซส์เรือ เปิดพื้นที่รับสินค้าจากอาเซียนและอินเดียด้วย

    การหาลูกค้าไม่ใช่เรื่องยาก สามารถหาข้อมูลในตลาดได้ว่าใครส่งออก ใครนำเข้า แล้วไปคุยกับเขา

  8. คำถาม: เส้นทาง Intra West คืออะไร? หากมีเส้นทางที่หลากหลาย ควรใช้ข้อมูลใดในการอ้างอิงค่าระวาง? คำตอบ:

    Intra West คืออีกหนึ่ง region ที่ RCL define ขึ้นมา ประกอบด้วยอินเดีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา วิ่งอยู่แถวนั้น Red Sea

    การใช้ข้อมูลอ้างอิงค่าระวาง เป็นคำถามที่ดี เพราะเครือข่ายเหล่านั้นไม่ได้ขึ้นตรงกับ Shanghai Freight Index

    RCL จึงไม่ได้ lost ตาม Freight Index ของเซี่ยงไฮ้ 100%

    มีธุรกิจโซนนั้นมากขึ้น ตาม ratio ที่แชร์ให้ผู้ลงทุนเห็นก่อนหน้านี้แล้ว

    ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลในตลาดเท่าที่ทราบ

  9. คำถาม: ตู้เย็นมีอัตรากำไรดีกว่าตู้ธรรมดาแค่ไหน? คำตอบ:

    ตอบยาก เพราะขึ้นอยู่กับว่าขนอะไร สินค้าตู้เย็นแต่ละชนิดให้ราคาต่างกัน

    สินค้าที่ไม่ sensitive มาก เช่น อาหารทะเลแช่แข็ง ก็ได้ราคาหนึ่ง แต่ถ้าเป็นผลไม้ที่ต้องดูแลพิเศษก็ได้อีกราคาหนึ่ง

    อันไหนที่ยิ่งดูแลยากกำไรก็ยิ่งมาก

    ถ้าสินค้าไม่ sensitive มาก อาจดีกว่าตู้ปกติ 10% 10-15% แต่ถ้า sensitive มากก็อาจจะเท่าตัว

    ขึ้นอยู่กับฤดูของเขาด้วย ถ้าเกิดเป็นผลไม้ก็ต้องดูฤดู

    ในแต่ละตลาดที่เขามีสินค้าเหล่านั้น

    ไม่สามารถบอกได้ว่า ACL นะมีตู้เย็น 3,000 ตู้ เพราะฉะนั้น 3,000 คูณ 50% additional margin รายตรงนี้ไป

มันจะไม่เป็นอย่างนั้นทั้งปี มันขึ้นอยู่กับขึ้นอยู่กับฤดู แล้วก็ขึ้นอยู่กับ ณ ตอนนั้นเนี่ยสินค้าอะไรที่มีให้คน เพราะว่าสินค้า sensitive เนี่ย บางทีมันไม่ได้มาทั้งปี มันแค่มาบางช่วงโดยธรรมดา