สรุป OPPDAY หุ้น RBF
Oppday
สรุป OPPDAY
โอเคค่ะ นี่คือสรุปจากการถอดความงาน OPPDAY ของ RBF ในรูปแบบ Bootstrap พร้อมสำหรับลงฐานข้อมูล:
R&B Food Supply: สรุป OPPDAY ไตรมาส 3 ปี 2568 - เจาะลึกผลประกอบการและกลยุทธ์ธุรกิจ
R&B Food Supply กลับมาพบนักลงทุนอีกครั้งในงาน Oppday โดยมีการสรุปภาพรวมธุรกิจที่ก่อตั้งในปี 2528 เริ่มต้นจากธุรกิจ Flavor และขยายสู่ Food Coating, ผลิตภัณฑ์อบแห้ง และการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม, อินโดนีเซีย, จีน, ญี่ปุ่น และล่าสุดคืออินเดีย ปัจจุบันมีโรงงานหลายแห่งในไทย (6-7 โรง), อินโดนีเซีย (2 โรง), เวียดนาม (1 โรง) และมีสำนักงานในญี่ปุ่น
ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
- รายได้อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม ยังไม่เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
- ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกัน (ค่าเงินบาทแข็งขึ้น)
- Year-on-Year ติดลบ 4.2 ล้านบาท (0.39%)
- QoQ ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ยอดขายเพิ่มขึ้น 14.69 ล้านบาท (1.38%)
- 9 เดือน Year-on-Year ติดลบ 2.48% (81.22 ล้านบาท)
- ผลกระทบหลักมาจากโครงการของจีนที่ยังติดค้าง (60 ล้านบาท) ในไตรมาส 1 ปีที่แล้ว
- หากปรับ Exchange Rate ให้เท่ากัน จะเห็นการเติบโตขึ้นเล็กน้อย (20-30 ล้านบาท)
รายได้ในประเทศ: กราฟตัวสั้น (คอลัมน์ที่ 3 ชุดที่ 3) เปรียบเทียบกัน, ต่างประเทศ: Quarter 3 Year-on-Year ปรับตัวดีขึ้น 41 ล้านบาท (19.14%), เทียบกับ Quarter 2 ปรับตัวดีขึ้น 26 ล้านบาท (11.46%), Domestic ติดลบ 45 ล้านบาท (5.28%), QoQ ติดลบ 11.82 ล้านบาท (1.42%)
9 เดือน: Oversea เติบโต 8.94 ล้านบาท (1.26%) แม้มี Impact จีนติดลบ 60 ล้านบาท, ต่างประเทศยังปรับตัวได้ดีต่อเนื่อง
Domestic Sales: 9 เดือนติดลบ 90 ล้านบาท (3.15%) ไม่ได้รับผลกระทบจาก Exchange Rate, เป็นเรื่องของ Consumption ที่ลดลง
สินค้า 6 กลุ่มหลัก: Food Coating ปรับตัวดีขึ้น 1.57% (8.67 ล้านบาท) มี Impact จาก Exchange Rate, Flavor & Fragrance ติดลบ 11.57 ล้านบาท (consumption ในประเทศลดลง), Dry ติดลบ 15.79 ล้านบาท (23.36%) ส่วนหนึ่งจากญี่ปุ่นและไทย, Frozen ปรับตัวดีขึ้น 11.54 ล้านบาท (63%), Trading ไตรมาส 3 กลับมาดีขึ้น 4.88 ล้านบาท (4.71%), Plastic ยังติดลบเล็กน้อย
สัดส่วนรายได้ 9 เดือน: 79% จาก QSR และโรงงานผลิต, 21% จาก Retail (Modern Trade และ Traditional Trade)
Gross Profit Drop: Quarter 3 ปีนี้ย่อตัวลงจาก Quarter 2 ประมาณ 9-11 ล้านบาท, เทียบกับปีที่แล้วย่อลง 13 ล้านบาท, หลัก ๆ มาจาก Flavor และอบแห้งที่ลดลง, สินค้าใหม่ Margin ต่ำกว่า
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ: Quarter 3 ปีนี้ใกล้เคียงปีที่แล้ว, ปรับตัวดีขึ้นลดลงจาก Quarter 2 ลงมา 10 กว่าล้านบาท, สัดส่วนปรับตัวลดลง, คาดว่าจะคงที่และมีการปรับโครงสร้างให้กระชับขึ้น, ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนเพื่อเติบโตระยะยาว
9 เดือน: ปรับตัวขึ้นประมาณ 19 ล้านบาท, ค่าใช้จ่ายในการขายและออกงานแสดงสินค้าเพิ่มขึ้น
Turnover Rate: อยู่ในสัดส่วนตามเดิม, ความสามารถในการชำระหนี้ยังอยู่ในระดับสูง, ROE/ROA ปรับตัวลดลงตามอัตรากำไรที่ลดลง, Debt Position ยังอยู่ที่ 0.2 เท่า
โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
- รัสเซีย: ทำ Trading, ไม่ลงทุนขนาดใหญ่เนื่องจากความเสี่ยง
- ปากีสถาน: เติบโตดี, มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า Local โดยตรง, มีแผนขยาย
- เกาหลี: ทำผ่าน Trading, เศรษฐกิจอยู่ในช่วง Plateau (ไม่โตเร็ว)
- อินโดนีเซีย: ทำได้ดีในตลาด Local และตลาดส่งออก, มี Growth
- เน้น 3 ประเทศหลัก: อินเดีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม
อัพเดทโรงงาน: ขยาย Line ที่อยุธยา (Liquid Sauce), โรงงานอินเดียใกล้เสร็จ, พร้อมรับออเดอร์ (จ่ายไฟแล้ว, คาดเริ่มผลิตพฤศจิกายน-ธันวาคม, เห็นภาพชัดเจนใน Quarter 1)
ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
- อินเดีย: Delay ต่อเนื่องจาก Regulation, การสร้างโรงงานต้องมี Permit หลายชนิด, การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจยังไม่เท่าไทย
- Margin ลดลง: การหายไปของ Flavor และสินค้าอบแห้ง, Product Mix เปลี่ยนไป (Margin ต่ำกว่า)
วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
- แก้ไขปัญหาความล่าช้าที่อินเดีย: ดำเนินการตามแผน, คาดปีหน้าเริ่มผลิตเต็ม 100%, ขยายตลาดได้เต็มที่
- แก้ไข Margin ที่ลดลง: ปรับปรุงเรื่องต้นทุน, เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- โรงงานอยุธยา: เริ่มผลิตปลายกรกฎาคม, พฤศจิกายน-ธันวาคมเริ่มผลิต Flavor เต็มที่, ประเมินผลประโยชน์จาก BOI
แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
- ภาพรวมปี 2568: คาดว่าจะโต Single Digit, ต่างประเทศเติบโตได้ดีและ Offset ส่วนที่หายไป
- ต่างประเทศ: คาดว่าสัดส่วนจะมากขึ้น (35-40%)
- Potential ลูกค้าจีน: ต้นทุนการผลิตจีนเพิ่มขึ้น ทำให้ราคา RBF สามารถแข่งขันได้
- เน้นสินค้า Coating: คุณภาพดีกว่า, มี Warehouse ช่วยลด Lead Time
- มองหาโรง OEM ที่จีน: จ้าง OEM ก็ยังขายได้อยู่
- Potential ลูกค้าจีน: ต้นทุนการผลิตจีนเพิ่มขึ้น ทำให้ราคา RBF สามารถแข่งขันได้
- เน้นสินค้า Coating: คุณภาพดีกว่า, มี Warehouse ช่วยลด Lead Time
- มองหาโรง OEM ที่จีน: จ้าง OEM ก็ยังขายได้อยู่
- อินโดนีเซีย: เน้น Flavor การตลาด, และมีแนวทางส่งน้องคนไทยไปอยู่แลปเพื่อพัฒนาเรื่องรสชาติให้ตอบโจทย์มากขึ้น
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 31.05
- แนวโน้มตลาดในประเทศและต่างประเทศ:
- Q: มองภาพแนวโน้มตลาดในประเทศ Quarter 4 และปีหน้าอย่างไร? ปัจจัยสำคัญให้ยอดกลับมาโตคืออะไร?
- A: ในประเทศปีนี้ไม่น่าโต, หวังยอดจากต่างประเทศเท่านั้น, เศรษฐกิจไทยกระทบ, การส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านลดลง (เมียนมาร์, กัมพูชา), ในประเทศมี Win ใหม่แต่ไม่สามารถชดเชยตัวใหญ่ได้
- Q: หลังรวมงบอินเดีย ภาพจะเป็นอย่างไร (Gross Profit, Depreciation, SG&A)?
- A: รายได้รวมของอินเดีย (เดิมมีแค่ส่วนที่ไทยขายให้, จะมีส่วนที่อินเดียขายออกเพิ่ม), Gross Profit Margin น่าจะดีขึ้น (เดิม RBF ไทย subsidize ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำ, ต้นทุนแป้งสาลีที่ไทยแพงกว่าอินเดีย 30%), คาดว่าค่าเสื่อมของอินเดียอยู่ที่ปีละ 15-18 ล้านบาท, SG&A ช่วงแรกๆ น่าจะอยู่ที่ 20-20 ต้นๆ % ของรายได้
- Q: ตอนนี้ตลาดต่างประเทศมี Potential Customer ที่ไหน? กลุ่มประเทศไหนที่บริษัทจะใส่แรงมากที่สุด?
- A: อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม
- Margin และ Product Mix:
- Q: Margin ที่ลดลงเยอะใน Quarter 3 เกิดจากการหายไปของ Product ไหนเป็นหลัก?
- A: Flavor ส่วนหนึ่ง, กลุ่มอบแห้ง (ยอดขายลง, สินค้าที่ผลิต Margin ต่ำกว่า), ระยะยาวปรับเรื่องต้นทุนน่าจะกลับมาดีขึ้นได้
- Q: อยากทราบ Margin ราย Business มีการลดลงไหม?
- A: หลักๆ มาจาก Product Mix (เช่น Flavor), Food Coating ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง (Margin ดีขึ้นมาตลอดตั้งแต่ช่วงมีปัญหาเรื่องแป้งสาลี)
- กำไรและแผนธุรกิจ:
- Q: เหตุใดกำไรในส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่รับรู้ตามวิธีส่วนได้เสียจึงลดลง Year-on-Year?
- A: เป็นตัวที่อินเดีย (RBF), กำไรส่วนหนึ่งมาจาก Interest (ดอกเบี้ย) เนื่องจากการลงทุนระหว่างรอสร้างโรงงาน, ตอนนี้จะเน้นเรื่อง Performance บริษัท (ระยะยาวตลาดขยายได้เต็มที่และต้นทุนการผลิตถูกลงน่าจะ Recover ได้)
- การขยายโรงงาน:
- Q: หากโรงงานใหม่ที่อยุธยาดำเนินการ จะสร้างความแข็งแกร่งอย่างไรต่อยอดขายและกำไรในอนาคต? (อาคาร A - Flavor, อาคาร B - Source)
- A: Flavor: ต้องการโรงงานที่มีมาตรฐานดีขึ้นเพื่อเข้าสู่ผู้เล่นที่ใหญ่ขึ้นและระดับ Inter (Recognize และ Audit), โรงเดิมก็ยังใช้แต่เกือบเต็ม, สร้างเผื่อรองรับออเดอร์จากต่างประเทศ, Sauce: Cap เต็ม, มี Request เยอะ, ตลาดต่างประเทศโต, รับ OEM มาเรื่อยๆ (Cap เต็ม), ดีที่จะสามารถรับกำลังการผลิตเพิ่มได้, มาตรฐานการผลิตดีขึ้น (เข้าวงการเจ้าใหญ่ขึ้นได้)
- การฟื้นตัวของธุรกิจ:
- Q: การฟื้นตัวทั้งรายได้และกำไรปีนี้เป็นไปค่อนข้างช้า, ปัจจัยที่บริษัทเห็นและเตรียมแผนปีหน้าและปีต่อๆ ไปเพื่อเร่งการฟื้นตัวคืออะไร?
- A: ยอดของจีนที่มาเป็นครั้งเดียวแล้วหายไป, พยายามหารายได้อื่นมาโปะ, ในปีนี้มีปัจจัยหลายอย่าง (สงครามประเทศเพื่อนบ้าน, เศรษฐกิจไทยไม่ดี, ภาษีจากอเมริกา), เรื่องภาษีน่าจะเคลียร์แล้วและคำสั่งซื้อมาเป็นปกติ, ตลาดประเทศเพื่อนบ้านคงต้องรออีกนิด, แนวโน้มน่าจะดีขึ้น, แผน: โฟกัส 3 ประเทศ (ใส่แรงและลงเงิน), ประเทศอื่น (เช่น ฟิลิปปินส์) ใส่แรงคนแต่ไม่เอาแรงเงิน (เครื่องจักร, ตึก, Office), การไปทำงานกับลูกค้าปลายทางมากขึ้นในต่างประเทศ, ดัน Product ใหม่ในไทย (เช่น Ingredient สำหรับอาหารสัตว์โตตามคาดแต่ยัง Offset ตัวที่หายไปไม่ได้)
- Q: บริษัทมีความเห็นแนวโน้มปัจจัยท้าทายอะไรบ้างที่จะทำให้ปีหน้าและปีต่อๆ ไปการฟื้นตัวยังเป็นแบบนี้หรือแย่ลง?
- A: ไม่คิดว่าจะแย่ลง, Office ต่างประเทศเริ่ม Catch Up และทำได้ดี, 3 ประเทศ (เวียดนาม, อินเดีย, อินโดนีเซีย) จะดึงขึ้นได้ (Offset), Worst to Worst: คิดอย่างงี้, ปัจจัยที่ควบคุมได้: ใส่แรงตัวเอง, หวังว่าจะไม่มีเรื่องควบคุมไม่ได้เข้ามาอีก
- อาหารแช่แข็ง:
- Q: อาหารแช่แข็งเติบโต ช่วยวิเคราะห์สภาพตลาด สภาวะและปัจจัยการแข่งขันรวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภค?
- A: ในอดีตทำเป็น Community และ Value Added, ปัจจุบัน Move ไปทำ Ready Meal (Ready to Eat Food) มากขึ้น, ทำเสิร์ฟพวก QSR เพิ่มขึ้น (QSR ในไทยมี Kiosk เยอะ, ทำสินค้าที่เสิร์ฟเข้าไปในพวกอาหารแช่แข็งที่หน้าสามารถเอาไปอุ่นทานได้เลย), ทำสินค้า Retail (Ready to Eat Advance มากขึ้นส่งต่างประเทศ, เริ่มทำพวกกล้วยทอดขนมครก, ตลาดอาหารไทย/ขนมไทยเริ่มเป็นที่นิยมในต่างประเทศในโซนยุโรปหรืออเมริกา), จะไปขยายตลาดในโซนนั้นเพิ่ม
- ข้อดีข้อเสียแต่ละประเทศ (เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย) :
- อินเดีย: ตัดสินใจเร็ว, รับราคาได้ค่อนข้างดี, การทำงานของลูกค้าอาจจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา (Brief งานไม่ขาด), ต้องเตรียมใจว่าหลังซื้อขายกันอาจจะมีปัญหาตามมา, อินโดนีเซีย: ตลาด Coating ไปได้ดีแต่ Flavor ไม่ดี (แบรนด์ในไทยอยู่กันอย่างคับคั่ง), ปัญหาเรื่องฮาลาล (ใช้เวลาในการขอและ Proof นาน), ลูกค้าต้องรอฮาลาลเหมือนกัน, Project ออกช้าที่สุด, การเคลื่อนไหวช้า, ตรวจแล้วตรวจอีก, เวียดนาม: อยู่ตรงกลางระหว่างอินโดและอินเดีย, เร็วไม่เท่าอินเดียแต่มี เนื่องประเทศกำลังโต (ไม่ใช่แค่อาหาร), ตลาดคึกคักมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเรื่อยๆ แต่ความเร็วอาจจะสูสีกับอินเดีย, อัตราการ Proof ช้ากว่านิดนึง (คู่แข่งเยอะกว่า)
- อื่นๆ:
- Q: สินค้าในประเทศไทยที่ยอดลดลง Year-on-Year ใน Quarter 3 มีอะไรบ้าง? กลุ่มลูกค้า Flavor ยอดขายลดลงเท่าไหร่?
- A: โชว์อยู่ในสไลด์แล้ว
- Q: มีแพลนลด Cost ตรงไหนบ้าง? จำนวน Headcount Sale จะปรับลดได้ไหมหลังจ้างสหพัฒน์และ DKSH มาเป็น Distributor?
- A: ตอนนี้ไม่มีแพลนลด Headcount Sale, มีสินค้าอื่น ๆ ใน Pipeline (Margin สูงขึ้น) อยากให้ Sale วิ่งเอง, เช่น ไซรับตัวอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตัวเฮลโหล, ผงฟู (Margin ดี), อุปกรณ์หรือสินค้าในกลุ่มเบเกอรี่, สินค้าแบรนด์เราเองที่พยายามจะดันออกมา
- Q: เอาต์ลุคโกรสของแต่ละประเทศเป็นอย่างไร?
- A: ขออนุญาตกำลังอยู่ในช่วงรีวิว Budget
- Q: Tax Benefit จะเข้า Quarter ไหนบ้าง? Quarter ละเท่าไหร่?
- A: จะเริ่มตั้งแต่ Quarter 4 ปีนี้, คาดว่ายังไม่เยอะ, กำลังพิจารณาว่าจะม ีสินค้ากลุ่มไหนที่จะโยกไปทำการผลิต
- Q: แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4 เป็นอย่างไร?
- A: ยังหวังว่าจะบวกนิดหน่อย (เป็นไตรมาสที่ลูกค้าเอาของเข้าและเตรียมของไปปาร์ตี้, หวังว่าลูกค้าจะออก), อาจจะไม่ได้ 2 Digit แต่ยังหวังว่าจะ Growth บ้าง
- Q: ภาพรวมปี 2568 ประเมินรายได้จบที่เท่าไหร่? การเติบโตมาจากส่วนไหนบ้าง?
- A: คาดว่าจะโต Single Digit (ในประเทศไทยยังมีการย่อตัวลง, ต่างประเทศยังเติบโตได้ดีและ Offset ส่วนที่หายไป, เพิ่มขึ้นมาในส่วนของจีนที่หายไป)
- Q: มองปัจจัยบวกและลบในช่วงที่เหลือของปี 2568 ถึงปีหน้า 2569 จะมีอะไรบ้าง?
- A: ปัจจัยบวก: การทำงานในต่างประเทศ (ทีมต่างประเทศทำได้ดี), ปัจจัยลบ: ไทย (สงบศึกกับประเทศเพื่อนบ้าน, เคลียร์ฝั่งซ้ายขวาได้เร็ว)
- Q: สัดส่วนรายได้แต่ละประเทศรวมไทยด้วยจะเป็นอย่างไร?
- A: คาดว่าต่างประเทศจะมากขึ้น (30-35-40%)
- Q: มีสัญญาณอะไรไหมที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เก็บหุ้นเข้าพอร์ต?
- A: เป็น Personal ของผู้ถือหุ้นใหญ่, คงเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นต่อบริษัท
- Q: ผลประกอบการในอินโดนีเซียที่พลิกมีกำไรได้มากน้อยแค่ไหน ใช้ Benefit Attack Loss ได้?
- A: ตอนนี้ได้เริ่มใช้ Manufacturer (แต่ยังไม่เยอะ), จะประมาณการใหม่รอบหน้า (จะให้ข้อมูล Tax ที่จะใช้ของเวียดนาม, Tax Benefit ที่น่าจะมีได้ของอินโด, และ Tax ที่น่าจะได้จากการใช้เปิดโรงงานเฟลเวอร์ที่อยุธยา)
- Q: ทำไมถึงยุบแผนที่จะไปตั้งบริษัทลูกที่รัสเซียครับ?
- A: ส่วนหนึ่งคือรู้สึกว่ายังไม่ค่อยมั่นใจในตัวพาร์ทเนอร์ที่นี่
- Q: การใช้ประโยชน์ภาษีจากที่เวียดนามและอินโดเริ่มใช้ได้เมื่อไหร่?
- A: ที่เวียดนามปีนี้อาจจะยัง (เริ่ม Break Even ในช่วงครึ่งปีหลัง), อินโดของที่เป็น Manufacturer เริ่มใช้แล้ว (แต่น้อย)
- Q: ช่วยเล่าปัจจัยท้าทายที่บริษัทประสบจากการขยายกลุ่ม Flavor ไปยังต่างประเทศที่ยังไม่สามารถทำได้ดีนัก
- A: ในเวียดนามและอินเดียทำได้ดี, ที่ยังทำได้ไม่ดีหนัก (เทียบกับแรงที่ใส่ลงไป) คือ อินโดนีเซีย (แผน: เพิ่มกำลัง Sale, ส่งน้องคนไทยไปอยู่ที่แลปที่นั่นเพื่อเรียนรู้รสชาติ)
- Q: รบกวนถามถึงเรื่องราคาหุ้น เป็นเรื่องของราคาหุ้นนะครับ ตอนนี้ผู้บริหารมองว่า "หุ้น"ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของ"หุ้น"หรือไม่ มีแผนการซื้อ"หุ้น"คืนหรือไม่?
- A: เรื่องของมูลค่า"หุ้น"ก็คงเป็นเรื่องของความคาดหวังตลาดนะครับ แผนการซื้อ"หุ้น"คืนตอนนี้บริษัทมีการซื้อคืนอยู่เรื่อยๆ ตามกระแสเงินสด
โดยสรุป, R&B Food Supply ยังคงเผชิญกับความท้าทายในตลาดในประเทศ แต่มีโอกาสเติบโตในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเดียและอินโดนีเซีย บริษัทกำลังปรับกลยุทธ์และโครงสร้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างความมั่นคงในระยะยาว