สรุปงบล่าสุด RBF
บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการ บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF
บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF มีรายได้จากการขายและให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 1,082.52 ล้านบาท ลดลง 76.52 ล้านบาท หรือ -6.60% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 การลดลงของรายได้ส่วนใหญ่เกิดจากยอดขายต่างประเทศที่ลดลง 99.07 ล้านบาท เนื่องจากการปรับลดราคาขายสินค้าในกลุ่มแป้งและซอสในตลาดอินโดนีเซีย ในขณะที่ยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 22.54 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มวัตถุแต่งกลิ่นรสและสีผสมอาหาร
บริษัทได้ขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยเน้นการพัฒนาโรงงานในอินโดนีเซียและเวียดนาม เพื่อสร้างฐานการผลิตที่แข็งแกร่งและลดต้นทุนในการผลิต นอกจากนี้ RBF ยังมีการลงทุนในประเทศไทย โดยการเพิ่มกำลังการผลิตและเปิดโรงงานใหม่ในจังหวัดอยุธยา เพื่อรองรับการเติบโตของยอดขายในประเทศ
แผนธุรกิจในอนาคตของ RBF มุ่งเน้นการขยายตลาดไปยังยุโรป เพื่อเพิ่มความหลากหลายของช่องทางการจำหน่ายและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดเพียงไม่กี่แห่ง บริษัทคาดการณ์ว่าการลงทุนในโรงงานใหม่ในต่างประเทศจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของกำไรขั้นต้นในระยะยาว RBF ตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2568 ที่ 5,000 ล้านบาท
**การวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน:**
* **P/E:** 18.13 (ต่ำกว่า P/E เฉลี่ยของหุ้นในกลุ่มเดียวกัน) บ่งชี้ว่านักลงทุนมีความคาดหวังต่อผลประกอบการของ RBF ในระดับปานกลาง
* **P/BV:** 2.38 (บ่งชี้ว่าบริษัทมีมูลค่าที่น่าสนใจ)
* **YIELD:** 3.1 (บ่งชี้ว่าบริษัทให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ)
* **D/E:** 0.19 (บ่งชี้ว่าบริษัทมีภาระหนี้สินที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีในแง่ของความสามารถในการชำระหนี้และความเสี่ยง)
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน:** 874.29 ล้านบาท (บ่งชี้ว่าบริษัทมีกำไรและสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ดี)
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน:** ติดลบ (บ่งชี้ว่าบริษัทนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ)
**อัตราส่วนทางการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เมื่อเทียบกับอัตราส่วนทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566:**
* **อัตราส่วนสภาพคล่อง:** 5.04 เท่า (เพิ่มขึ้นจาก 4.83 เท่า)
* **อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว:** 2.89 เท่า (ลดลงจาก 2.95 เท่า)
* **ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย:** 84 วัน (เพิ่มขึ้นจาก 83 วัน)
* **ระยะเวลาขายสินค้าเฉลี่ย:** 155 วัน (ลดลงจาก 159 วัน)
* **ระยะเวลาชำระหนี้:** 46 วัน (ลดลงจาก 49 วัน)
* **วงจรเงินสด:** 193 วัน (คงที่)
* **อัตรากำไรขั้นต้น:** 35.47% (ลดลงจาก 37.57%)
* **อัตรากำไรจากการดำเนินงาน:** 13.76% (ลดลงจาก 18.52%)
* **อัตรากำไรสุทธิ:** 11.68% (ลดลงจาก 14.66%)
* **อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น:** 10.97% (ลดลงจาก 14.12%)
* **อัตราผลตอบแทนทรัพย์สิน:** 11.78% (ลดลงจาก 14.93%)
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น:** 0.17 (ลดลงจาก 0.19)
**โอกาส:**
* การขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในอินโดนีเซียและเวียดนาม
* การเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศไทย
* การลงทุนในโรงงานใหม่ในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ
* มีโอกาสในการเติบโตของกำไรขั้นต้น หลังจากโรงงานในอินโดนีเซียและเวียดนามเปิดดำเนินการ
* มีมูลค่าที่น่าสนใจ และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ
* บริษัทมีภาระหนี้สินที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีในแง่ของความสามารถในการชำระหนี้และความเสี่ยง
**ความเสี่ยง:**
* การแข่งขันในตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
* ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
* ความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ
* ความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
**เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภท:**
* นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีโอกาสในการเติบโต
* นักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล เนื่องจากบริษัทมี YIELD ที่น่าสนใจ
โดยสรุป RBF เป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว เนื่องจากบริษัทมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน และมีโอกาสในการเติบโต ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามผลประกอบการของบริษัทอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยง และประเมินผลตอบแทน จากการลงทุนในหุ้น RBF
(4.62%)
(6.47%)
(4.93%)
(17.92%)
(0.29%)
(12.25%)
(1.43%)
(9.63%)
(6.71%)
(47.85%)
(71.34%)
(59.01%)