สรุป OPPDAY หุ้น PJW
Oppday
สรุป OPPDAY
OK ครับ เริ่มเลยครับ
PJW เผยผลประกอบการ Q3 ปี 2568: โอกาสและความท้าทายในโลกที่เปลี่ยนแปลง
วันนี้บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) ได้นำเสนอผลการดำเนินงาน 9 เดือนประจำไตรมาส 3 ของปี 2568 โดยมีคุณวิวัฒน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร และคุณพิมม์ ชัยวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) เป็นผู้ให้ข้อมูล
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ธุรกิจของ PJW มี 5 segmentation หลัก ได้แก่ Lubricant Packaging, Milk & Yogurt Product Packaging, Consumer & Agrochemical Product, Automotive Plastic Part & Painting Part และ Industrial Laundry Services โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- Lubricant Packaging: สัดส่วนรายได้ 45% ของรายได้รวม เติบโต 8.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Q on Q) และ 1.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
- Milk & Yogurt: สัญญาณลดลง 10.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปัญหาการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
- Consumer Product: เติบโต 7.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า 5.7% จากปัญหาการส่งออกเช่นกัน
- Automotive: ลดลงเนื่องจากเป็นช่วงปลายโมเดลและการเตรียม New Model ใหม่ที่จะออกในปีหน้า ลดลง 17.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
- Laundry Services: ลดลงเล็กน้อย 2.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2568
ราคาพลาสติกโดยรวมทรงตัวอยู่ที่ 41.58 ลดลง 9% เมื่อเทียบกับปีก่อน
Sale Growth เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Q on Q) เพิ่มขึ้น 2.5% และ GP เพิ่มขึ้นจาก 18.6% เป็น 19.4% จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง
Net Profit เพิ่มขึ้นเป็น 4.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 3.9%
Total Asset เพิ่มขึ้น 1.08% แต่ Debt to Equity Ratio สูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.58% จากการลงทุนต่อเนื่อง
Financial Cost สูงขึ้นเล็กน้อยจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
PJW มีเป้าหมายที่จะเป็น Global Brand และผู้นำด้าน Lubricant Packaging โดยมีสาขาในประเทศจีน 2 แห่ง
บริษัทเป็น Supporting Industry ที่มี Partnership ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า Global Brand หลากหลาย โดยเป็น Solution Provider และ One-Stop Service ให้กับลูกค้า
มีการใช้กลยุทธ์ด้าน Sustainability และมี Quality System ที่บริหารด้วย TPM (Total Productive Maintenance) สำหรับการบริหารโรงงาน
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ความเสี่ยงหลักคือความผันผวนของราคาวัตถุดิบพลาสติก ปัญหาการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และการแข่งขันในตลาด Automotive
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริษัทเน้นเรื่องความ Reliable และ Quality of Product, Production Stability และการส่งมอบที่ทันเวลา
มีการขยาย Capacity และ Process Development พร้อม Cost Management
Maintain Relationship กับ Customer ในฐานะคู่ค้า Partnership
ปรับโครงสร้างหนี้สินระยะสั้น (Short-Term Loan) เป็นระยะยาว (Long-Term Loan) ให้เหมาะสมกับการลงทุน
บริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาพลาสติก โดยพยายามส่งต่อผลกระทบให้ลูกค้าน้อยที่สุด
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
บริษัทคาดการณ์การเติบโตของทุก Sector ในปีหน้า โดยเฉพาะ Automotive ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากมี New Model ใหม่
Master Laundry คาดว่าจะเติบโตตามการขยายกำลังการผลิต
Medical Sector จะเริ่มขายเต็มที่ในปีหน้า โดยเน้นสินค้าทดแทนการนำเข้า
บริษัทให้ความสำคัญกับการใช้ AI และ Automation ในการจัดการและผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 40:17]
สินค้า Custom Mode มี Switching Cost มากกว่า Common Mode หรือไม่?
- Custom Mode ส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวเลขมากกว่า หาก Customer มาเป็นตัวเลขน้อย ๆ เวลาเปลี่ยนแม่พิมพ์ไปมาจะมี Fix Cost ในการเปลี่ยนแม่พิมพ์ไปมาในแง่ของ Switching Cost แต่ Common Mode บางทีตัวเลขก็ไม่ได้มาก หลักการคือ Common Mode จะมีต้นทุน Switching Cost ต่ำกว่า แต่ตัวแปรคือปริมาณในการสั่งซื้อแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นแม่พิมพ์ตามลูกค้า ไม่ได้มี Common Mode เท่าไหร่
สินค้าใดของบริษัทมีอัตรากำไรดีที่สุด เรียงจากมากไปน้อย?
- ถ้าเป็นแนวที่ไม่ผันผวนจะเป็น Packaging ที่เป็น Cash Cow ไม่ค่อยผันผวน กำไรไม่สูงมากแต่ไม่ผันผวนและค่อนข้างแน่นอนในแต่ละไตรมาส
- ยานยนต์จะมี Fix Cost สูง มี Operating Leverage สูง ถ้าตัวเลขยอดมาต่ำจะขาดทุนหรือกำไรน้อย แต่ถ้ายอดมาเกินจุดตัดจะมีกำไรเยอะ เพราะ Fix Cost สูงมาก จุดตัดแต่ละปีจะเปลี่ยนแปลงไป ปีหน้าจะเริ่มผ่านจุดตัด ถ้าผ่านจุดนั้นได้จะมีกำไรค่อนข้างสูง
- Master Laundry จะเหมือน Packaging แต่นิ่งกว่า เพราะการทำงานกับโรงพยาบาลและผู้ป่วยจะมี Recurring Income ที่ค่อนข้างนิ่ง ปีนี้กำไรอาจจะตึงนิดนึง เพราะมีการลงทุน กำลังการผลิตเยอะ แต่ยอดขายยังไม่ถึง กรรมการผลิตจะมีการแบกภาระ Fix Cost พอปีหน้าเริ่มมีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ก็จะดีขึ้น
- ผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวถือเป็น Packaging
- Medical เพิ่งเริ่ม รายได้ยังไม่ถึง 10 ล้าน แต่ Net Margin ดี ต้องใช้เวลา ปีหน้าเต็มปีน่าจะดี เพราะมีสินค้าอีก 2 ตัวคือ Oxygen Humidifier ที่เริ่มขายแล้ว
- Suction Bag ที่เป็นตัวดูดซับของเสีย เดี๋ยวครั้งหน้าจะใส่ Product มาให้ดูในเว็บไซต์
งบลงทุนปี 2569 เป็นเท่าไหร่ จะใช้ขยายส่วนไหนบ้าง?
- งบลงทุนกำลังรวบรวมอยู่ ปีหน้าหลัก ๆ จะเน้นในส่วนของ Master Laundry ค่อนข้างทรง เพราะ 2-3 ปีที่ผ่านมาลงทุนค่อนข้างเยอะ ปีที่ผ่านมามีการลงทุนในส่วนของ Packaging บ้าง ปีหน้าจะยังคงลงทุนต่อเนื่องในส่วนของ Packaging ในการขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้า ในส่วนของ Automotive จะค่อนข้างทรงตัว การลงทุนทั้งหมดของ Automotive จะเป็นเรื่องของการทำ Digital และ Automation เป็นหลัก การปรับปรุงโรงงาน ต้องใช้เงินลงทุน แต่ก็เพื่อรองรับการเติบโตของ New Model รวมถึงการลดการใช้กำลังคน ในแง่ของการหาแรงงานที่เป็นอุปสรรคในอนาคต
แนวโน้มของแต่ละธุรกิจในปีหน้าเป็นอย่างไร?
- Packaging โตได้ประมาณ 3-5% ทั้งไทยและจีน รวมถึงผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวและน้ำมันเครื่อง ปีหน้าจะโตประมาณนี้ ตัว Consumer Product จะเติบโตมากขึ้นตามกระแสการที่นมเริ่มมีผลิตภัณฑ์ที่เป็น Lactose Free และมี Probiotics และ Yogurt มากขึ้น คนดื่มได้ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น ผู้สูงอายุก็บริโภคนมได้มากขึ้น
- น้ำมันเครื่องยังไม่ลดลง ยังเติบโตอยู่ เพราะไทยเป็นฐานการผลิตของอาเซียน การเติบโตในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ทำให้ไทยเติบโตด้วย เพราะหลายแบรนด์ที่อยู่ในไทยที่เป็นแบรนด์ของต่างชาติใช้ไทยเป็นฐานการผลิตในการส่งออกไปยังอาเซียน การเติบโตในไทยก็เริ่มดีขึ้น ปีหน้าก็มีแนวโน้มดีขึ้น อาจจะมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนหนึ่ง
- ยานยนต์ ปีหน้าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ 30-40% เพราะมี New Model เข้ามา คือมีของเก่าที่ยังทำอยู่และมี New Model ที่ทำแม่พิมพ์เสร็จแล้ว รอส่งให้ลูกค้าประกอบ ไม่เกินไตรมาส 2 ปีหน้าจะออกไป
- Master Laundry จะนิ่งกว่า เพราะทำงานกับโรงพยาบาลและผู้ป่วยจะมี Recurring Income ที่ค่อนข้างนิ่ง
- Medical เริ่มต้นได้ดี ตัว Net Margin ดี แต่ต้องใช้เวลา ปีหน้าเต็มปีน่าจะดี เพราะมีสินค้า Oxygen Humidifier ที่เริ่มขายแล้ว
เครื่องซักผ้าตามร้านสะดวกซักกับของบริษัทต่างกันอย่างไร เป็นคู่แข่งหรือไม่?
- ไม่เหมือนกัน บริษัทเป็น B2B ลูกค้าคือประมาณ 50% คือโรงพยาบาล ในขณะที่ซักสะดวกซื้อเป็นบุคคลทั่วไป วางตามคอนโด ตามหอพัก ตามปั๊มน้ำมันต่าง ๆ อีกประมาณ 20% อยู่ที่ Logistic พวก รถไฟ บขส. ต่าง ๆ และเป็นโรงแรมอีกส่วนหนึ่ง ประมาณ 20% และอีก 10% กลม ๆ เป็น Uniform ที่กำลังซักมากขึ้น โครงสร้างธุรกิจไม่เหมือนกัน
กรณีที่ต้นทุนเม็ดพลาสติกปรับขึ้น สามารถส่งผ่านต้นทุนทั้งหมดให้ลูกค้าได้ 100% หรือไม่?
- ส่งได้หมด แต่จะมี Tolerance เช่น +/- 5% คือเวลาขึ้น 5% ถ้าขึ้น 3% ยังส่งไม่ได้ ต้องขึ้นถึง 5% ถึงจะส่งให้ลูกค้าไป ถ้าลงไม่ถึง 5% ก็ยังไม่ลงให้ลูกค้า Gain Loss แต่ละปีจะไม่ค่อยมีนัยยะอะไรมาก จะมี Gain Loss ในช่วงที่มันวิ่งระหว่าง 5% แต่ว่าอันนี้เป็นการบริหารความเสี่ยง เพราะธุรกิจไม่ได้กำไรเยอะอยู่แล้ว คือประมาณ 5% ที่เห็น หรือบาง Sector อาจจะกำไรเยอะนิดนึง ภาพใหญ่ยังอยู่ที่ Packaging
กันยายนมีการขายหุ้นรายใหญ่ เป็นการขายภายในครอบครัวหรือขายบุคคลภายนอก?
- เป็นการขายในพี่น้อง มีพี่น้อง 5 คน มีผู้บริหาร 3 คน อีก 2 คนไม่ได้บริหารก็จะเป็น Shareholder ซึ่งอันนี้ก็เป็นเหตุผลในการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อความ Sustainable ของบริษัท เพื่อความเติบโตทั้งในแง่ของความเติบโตของ Family ด้วยที่มีความมั่นคงของการถือหุ้นของครอบครัวอันที่ 2 คือการเติบโตของธุรกิจมีความต่อเนื่อง ให้มีความเป็นมืออาชีพในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ พอเราเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อ 15 ปีที่แล้วจะมี Family บางคนที่ Silent และอยากจะ Exit บางส่วน ก็เลยถึง Timing นึงเค้าก็จะมี Exit บางส่วนออกมา ก็จะเป็นเรื่องปกติของการที่ Exit
แนวโน้มต้นทุนเริ่มดูนิ่ง ๆ กระทบเราแค่ไหน?
- เริ่มนิ่งแล้ว ปกติ Lock ราคาไว้หรือเปล่า หรือต้นทุนสต็อกไว้แค่ไหน? Lock ราคาไม่ได้ แต่มีการบริหารวัตถุดิบ เริ่มซื้อของ มีโรงงานที่เมืองจีน มีการ Monitor ราคาที่เป็น Global มากขึ้น วันนี้ราคาเม็ดพลาสติกในตลาดโลกมี Over Supply ในตลาดโลก มีปริมาณมากขึ้น พอ Supply มีปริมาณมากจะมีคนมาติดต่อมากขึ้น แต่ต้องระวังในการซื้อเม็ดพลาสติกจากต่างประเทศ เพราะคุณภาพมีความผันผวน และก็มีความสมดุล
แนวโน้ม Q4 ดีต่อเนื่องไหม เราจะ Lock ราคาเม็ดพลาสติกไว้ล่วงหน้านานแค่ไหน?
- ไม่ได้ Lock ไว้ไว้นาน แต่มีซื้อไว้ล่วงหน้าบ้างจำนวนนึง บนที่เรามองว่ามันน่าจะเป็นแนวโน้มที่เล่นนิดหน่อย แลก Spot แต่ไม่ได้เก็งกำไรจน Over ความเสี่ยง เพราะกรรมการบริหารความเสี่ยงไม่อนุญาต ราคาเม็ดพลาสติกก็ยังถือว่าให้คุณกับเราอยู่ แต่ไม่ได้ให้คุณแบบมีนัยยะขนาดว่าเรากำไรเพราะเม็ดพลาสติก
คาดคะเนยอดขายและกำไรปีหน้าเป็นอย่างไร แนวโน้มค่าวัตถุดิบผลักพาสอทต้นทุนให้ลูกค้าได้หรือไม่?
- ยอดขายปีหน้าเติบโต 5-10% โดยภาพรวม จะให้เป็นเลขกว้าง ๆ เพราะมันมีราคาเป็นตัวแปรด้วย ไม่ใช่แค่ Quantity อัตรากำไรปีหน้าดีกว่าปีนี้ Packaging ดีกว่า Automotive ดีกว่า เพราะ Automotive มี Fix Cost สูงและตัวเลขผ่านจุดตัดแล้ว กำไรจะมีนัยยะสำคัญ Master Laundry ก็จะกำไรดีขึ้น เพราะปีนี้มี Fix Cost สูงเหมือนกันเพราะมีการขยายการลงทุน มีการรับค่าเสื่อมและดอกเบี้ยบางส่วน แต่ว่ายอดขายยังไม่มาปีหน้าก็จะ Cover ดีขึ้น Medical มีการลงทุน Fix Cost สูงปีนี้ ต้นทุนในการ Setup Cost ในการ Startup Cost สูง ปีหน้าก็จะเริ่มมีการขายได้ ก็จะดีขึ้น
ค่าวัตถุดิบก็ยังส่งต่อให้ลูกค้าได้นะครับ?
- ได้ครับ ทั่วไปอายุการใช้งานเครื่องจักรเครื่องจักมีตั้งแต่ 5 - 15 ปี แต่ว่าจริง ๆ หลังจากที่ถ้าทำ TPM แล้วก็จะพบว่ามีเครื่องจักรใช้ได้นานกว่านั้น ที่ว่าเป็น 5 ถึง 5 ปีมาแล้วแต่ว่าประเภทของเครื่องจักร รอบ Salary ว่าตัวเล็ก หรือว่าถ้าเป็นเครื่องจักรหลัก เครื่องจักรต่างประเทศที่เป็นแบบยุโรปก็อาจจะ 15 ปี ซึ่งปัจจุบันก็มีใช้จนสภาพดีก็คือถ้า 15 ปี ก็น่าจะอายุมากกว่า 15 ปี ได้
ช่วงครึ่งปีแรกสีมีกี่กะ แล้วครึ่งปีหลังล่ะ?
- Rate ค่อนข้างดี กะนึงเต็มแคปเลย แต่ครึ่งปีหลัง Drop ลงมาเล็กน้อยเพราะมันเป็น Event แล้วก็ครึ่งปีหน้าอาจจะเดินกะเต็มในครึ่งปีหลัง หลังจากที่มีอีเว้นของ New Model ขึ้นแล้ว
หุ้นที่ซื้อจากตลาดมาจะทำการลดทุนหรือขายคืนในตลาด ตัดสินใจยัง?
- คุยกันหลาย Option ยังไม่ได้ตัดสินใจ ขอคุยกับในกรรมการอีกทีนึง
เรื่องดอกเบี้ยให้พิมตอบอีไหม?
- โดยภาพรวมดอกเบี้ยทรงตัว มีการเจรจาตัวดอกเบี้ย ในส่วนของการลงทุนมีการลงทุนที่ดินและอาคาร ปีหน้า Capitalized เป็นส่วนของต้นทุนก่อน เทรนด์ของดอกเบี้ยตอนนี้ในตลาดลดลง จะพยายามถึงแม้ว่าจะลงทุนเพิ่มในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นแต่ว่าจะพยายามในเรื่องของ Monitor ค่าใช้จ่ายและเจรจาต่อรองใช้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง
โดยสรุปแล้ว PJW ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยมีแผนการจัดการความเสี่ยงและการลงทุนที่รอบคอบ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
ผู้บริหารให้ความมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้