สรุป OPPDAY หุ้น PDJ
Oppday
สรุป OPPDAY
PDJ Oppday สรุปผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568: ความท้าทายจากราคาทองคำผันผวนและแนวโน้มในอนาคต
สวัสดีครับ วันนี้ผมและคุณดุสิตมาร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ Pandagroup หรือ PDJ ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา รวมถึงความคืบหน้าของแผนงานและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากความผันผวนระดับโลกในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้เราจะพูดถึงแนวโน้มและอนาคตของอุตสาหกรรมและตลาดในสหรัฐอเมริกาในปีหน้าที่จะเกิดขึ้นครับ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
- ผลกระทบเชิงลบ:
- ยอดขายลดลง: ยอดขายรวมลดลง 39% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว
- กำไรขั้นต้นลดลง: อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 4% เหลือ 22%
- การขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาทองคำ: ขาดทุนรวม 133 ล้านบาท
- ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบ:
- ราคาทองคำผันผวน: ทำให้ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อและมีผลต่อกำลังซื้อ
- ผลกระทบจากภาษีของสหรัฐอเมริกา: ส่งผลกระทบต่อการส่งออก
- เศรษฐกิจซบเซาในประเทศไทย: ทำให้ยอดขายชะลอตัว
- ข้อมูลทางการเงินและสถิติ:
- ยอดขายรวมไตรมาส 3: ลดลงจาก 1,079 ล้านบาท เหลือ 664 ล้านบาท (ลดลง 38%)
- กำไรขั้นต้น: ลดลงจาก 20.7% เหลือ 21.67%
- ขาดทุนสุทธิ: 133 ล้านบาท (ปีที่แล้วขาดทุน 90 ล้านบาท)
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
- ไม่มีการระบุโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อย่างชัดเจนในเนื้อหา
- การเน้นการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายมากกว่าการแสวงหาโอกาสใหม่
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
- ความเสี่ยงด้านตลาด: ราคาทองคำผันผวน, เศรษฐกิจซบเซา, การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค
- ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน: การแข่งขันในตลาดเครื่องประดับ
- ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น: ยอดขายลดลง, กำไรลดลง, ขาดทุนเพิ่มขึ้น
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
- การควบคุมค่าใช้จ่าย: ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
- การปรับกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์: ปรับเปลี่ยนส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับราคาและกำลังซื้อ
- การปรับปรุงกระบวนการผลิต: เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
- การขยายช่องทางออนไลน์: เพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์
- การทำตลาดร่วมกับศิลปิน: สร้างความน่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
- การคาดการณ์ผลประกอบการปี 2568: คาดว่าจะมียอดขายรวม 1,900 ล้านบาท (ต่ำกว่าเป้าหมาย 20%)
- แนวโน้มในอนาคต:
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: นิยมซื้อเครื่องประดับผ่านช่องทางออนไลน์และแบรนด์ดีไซเนอร์มากขึ้น
- การเติบโตของตลาดเครื่องประดับแบรนด์ดีไซเนอร์: แม้ตลาดรวมจะเล็กลง แต่กลุ่มแบรนด์ดีไซเนอร์ยังคงเติบโต
- เป้าหมายระยะยาว:
- การรักษาฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง
- การตอบสนองความต้องการของตลาดแบรนด์ดีไซเนอร์
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 50:00]
คำถาม: หากราคาทองคำไม่ผันผวน ยอดขาย 9 เดือนที่ผ่านมาจะลดลงหรือไม่?
คำตอบ: ถึงแม้ราคาทองคำจะไม่ผันผวน แต่ผลกระทบจาก Tariff ก็ยังมีอยู่ เพราะ Tariff มีผลกระทบต่อการทบทวนเรื่องต้นทุนไปยังผู้บริโภคในช่วงที่มีความไม่แน่นอน ลูกค้าก็ต้องชะลอการสั่งซื้อเช่นกัน
คำถาม: หากเศรษฐกิจโลกยังแย่ไปอีก 3-5 ปี ยอดขายลด ยังมี room ให้ลดต้นทุนกับยอดขายที่ลดไหม?
คำตอบ: segment ที่เราทำที่เป็น Jewelry Designer และ Brand Jewelry จริงๆ ยัง continue ที่จะมีการเติบโต ถ้าเราทำการรีเสิร์ชเรื่องนี้ใน Luxury คงเห็นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรายังมองว่าเรายังมีฐานผลิตที่แข็งแกร่ง และยังสามารถมี demand ที่ใช้ผลผลิตเหล่านี้ได้ เพราะฉะนั้นเรายังไม่ได้อยู่ในโหมดลดต้นทุน แต่ตัว Retail เองก็จะผันผวนตามกับยอดขาย อย่างที่อธิบายไปแล้วเมื่อสักครู่
หัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป:
- ผลกระทบหากทองไม่ผันผวน: Tariff ยังคงเป็นปัจจัยกดดัน
- เศรษฐกิจโลกแย่กระทบต้นทุน: Jewelry Designer ยังมีโอกาสเติบโต
โดยสรุป Pandagroup เผชิญกับความท้าทายสำคัญจากราคาทองคำผันผวนและผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามบริษัทกำลังปรับตัวโดยการควบคุมค่าใช้จ่าย ปรับกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ และขยายช่องทางออนไลน์ เพื่อรับมือกับสถานการณ์และรักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว