OSP
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

Alright นี่คือ Oppday OSP สรุปให้แล้วครับ

OSP โชว์ผลงาน Q3/2568 ฝ่าตลาดผันผวน รักษาแชร์ เพิ่มกลยุทธ์ ขับเคลื่อนปี 2569

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ธุรกิจเผชิญความท้าทายในไตรมาส 3/2568 โดยตลาด Personal Care มีการออ่อนตัวลงในหลาย Segment แต่บริษัทปรับตัวได้ดีด้วยกิจกรรมทางการตลาดและ Innovation ทำให้ Market Share เพิ่มขึ้น และเป็น Number One ใน Baby Liquid Soap

Energy Drink มีการเติบโต 3.5% แต่ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 6.2% หลักๆ มาจาก Traditional Trade ที่เติบโตออ่อนตัวลง แต่บริษัทใช้กลยุทธ์ Brand Portfolio, ปรับ Route to Market, และใช้ Data Driven ทำให้รักษา Market Share ที่ 44% ได้ ซึ่งเป็นการรักษาระดับใกล้เคียงเดิมตลอด 9 เดือนได้เป็นครั้งแรกหลังขึ้นราคา 12 บาท

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทมองเห็นโอกาสในตลาด Adult Segment และใช้ Brand Equity ของ Baby Mild ที่มีความอ่อนโยนในการขยายตลาด

การออก Brand ใหม่ เช่น Ultramild และ Baby Mild and Beyond ทำให้เพิ่มรายได้ในส่วนนี้ถึง 82%

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ตลาด Personal Care ในประเทศมีการอ่อนตัวลงตั้งแต่ต้นปี

สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาอาจส่งผลกระทบ แต่ Contribution จากกัมพูชาค่อนข้างน้อย (น้อยกว่า 1%)

ความไม่แน่นอนในตลาดต่างประเทศและภาพ Macro ระดับ Global ที่ไม่ค่อยดีนัก

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทพยายามแสวงหาการเติบโตใน Segment ที่ Healthy และมี Gross Profit หนาขึ้น (Adult Segment)

การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น สเปรย์ deodorant และ Feminine Wash ที่ขายดีอันดับ 1 ใน Watsons

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

ตลาดพม่ามีสัญญาณฟื้นตัวที่แรงและแข็งแกร่ง

ตลาด Middle East และแอฟริกามีการเติบโตสูงถึง 30% ในไตรมาส 3 ซึ่งอาจเป็น Contribution ที่ดีในอนาคตหากยังรักษาระดับการเติบโต Double Digit ได้

Domestic Beverage Break the Norm สามารถโตทั้ง QQ และ YOY ได้ และ profitability ก็ทำได้ดีเช่นกัน

Gross Profit Margin สูงถึง 38.5% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 2.5% และถือเป็นอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดตั้งแต่จดทะเบียน

บริษัทควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี (SG&A to Sales รักษาที่ 24.4% และลดลงจากไตรมาสก่อน 17%)

Cash Cycle ปรับลดลงจากไตรมาสก่อนถึง 4 วัน

บริษัทให้ความสำคัญกับ ESG และบรรลุเป้าหมายในเกือบทุกด้าน โดยล่าสุดคือการลดการใช้ PVC ใน Packaging

บริษัทได้รับรางวัลต่างๆ เช่น Best CFO, Outstanding CEO, และ Outstanding IR Award

ในไตรมาส 4 จะมี Innovation ใหม่ๆ ในเรื่องเครื่องดื่มประมาณ 8 SKU และมี Feminine Wipe

เครื่องดื่มใหม่ เช่น M-150 Matcha (กลิ่นชาเขียว) และ Capiiz (5 SKU) รวมถึง Soda แทน (Japanese Ume) และกลิ่นส้ม

Lemon Honey (Fiber 5,000 มิลลิกรัม และ Sugar 0%) จะอยู่ในเซเว่นต่อ

Capiiz Beauty Edition จะตอบโจทย์สาวๆ ที่ต้องการคอลลาเจนและไฟเบอร์ (8,000 มิลลิกรัม) และ C-Vitt รสใหม่ (ลิ้นจี่) ที่มีวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม

Feminine Wipe จะใช้ความอ่อนโยนของ Baby Mild เป็นจุดขาย

บริษัทยังคงทำ Market Expansion, ปรับ Route to Market, และใช้ Operational Excellence เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่ม Efficiency

SD ปี 2569-2573 จะทำต่อเนื่องจาก 5 Pillars เดิม และเพิ่ม Human Capital และ Waste Management

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 23:00] * ภาพรวม 9 เดือน และ Q4 * Q: ภาพรวม 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และ Q4 จะเติบโตหรือไม่ * A: 9 เดือนที่ผ่านมามีความท้าทาย แต่โดยรวมยังสามารถ Drive efficiency ได้ดี ท่ามกลางความท้าทายจาก Macro ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน Q4 จะเติบโตกว่า Q3 ด้วยความเป็น seasonality * แผนปี 2573 * Q: แผนธุรกิจปี 2573 มีเป้าหมายและกลยุทธ์อย่างไร * A: เน้น One OSP คือการเป็นบริษัทที่มี Portfolio หลากหลาย ทั้ง Beverage และ Personal Care มีทีม Marketing ที่ดูแลทั้งในและต่างประเทศ โดยจะ Drive ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นใน 2 ส่วนหลัก: * Route to Market ในเมืองไทย: ปรับวิธีการขายและช่องทางจัดจำหน่ายให้แข็งแกร่งขึ้น * Brand: Categorize และจัดกลุ่ม Brand ให้เหมาะสมกับ Consumer แต่ละกลุ่มและช่วงอายุ * การเติบโตในต่างประเทศ * Q: มีแผนการเติบโตในตลาดต่างประเทศอย่างไร * A: มุ่งเน้นการ Export ให้มากขึ้น เพราะการเติบโตในประเทศอาจไม่สูงมากนัก (Low ถึง Single Digit) แต่ยังโตมากกว่า Forecast GDP ของประเทศไทย คาดว่าธุรกิจต่างประเทศจะเติบโตได้เร็วกว่าในประเทศ * Operational Excellence * Q: มีแผนการปรับปรุง Operational Excellence อย่างไร * A: ทำต่อเนื่องจากปี 2568 โดยให้ทุกกระบวนการและขั้นตอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ Compromise เรื่องคุณภาพ แต่ทุกอย่าง (การผลิต, Spending) ต้องมี Effectiveness มากขึ้น (More ROI) * Enabler * Q: มีการสนับสนุน Enabler อย่างไรบ้าง (คน, ระบบ, Governance) * A: สร้างองค์กรที่มี Governance Culture ทำให้ทำงานได้ Smart และรวดเร็วขึ้น Digitalization จะเป็นปีที่ Focus (ปี 2570) โดยจะรวบรวม Data องค์กรให้เป็นฐานเดียวกัน และเรียก Data ขึ้นมาให้ได้ Time และ Accurate มากขึ้น รวมถึง Compliance และ Control เป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญเสมอมา * เป้าหมายการเติบโต และ งบลงทุน * Q: เป้าหมายการเติบโตในปีหน้า และ งบประมาณการลงทุนเป็นเท่าไร * A: ตั้งเป้าเติบโตให้แรงกว่าเดิม Target ในปีหน้าจะไม่เยอะ งบลงทุนไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งจะเน้น Digitalization (ระบบ ERP ใหม่ และ AI) ที่ปีนี้เริ่มทดลองใช้ในการ Predict และ Project ทั้งเรื่อง Campaign และ Market Share * การบริหารจัดการต้นทุน * Q: มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างไร * A: บริหารจัดการเรื่องราคา และซื้อล่วงหน้าเพื่อให้ได้ราคาที่ดี เพื่อให้ Q1/69 และ Q2/69 ได้ต้นทุนที่ดี ควบคุมความเสี่ยง และหากต้นทุนไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ก็คาดว่าจะเห็น Improvement ได้ * Premium Segment * Q: กลยุทธ์สำหรับ Premium Segment เป็นอย่างไร * A: Premium Segment ที่ทำอยู่ยังทำต่อไป ปี 2570 จะเห็นเรื่องนี้มากขึ้น เช่น สินค้าที่มีราคาสูงขึ้น (15, 20, 25 บาท) เพราะ OSP อยากจะ Drive Category (ทั้ง Beverage และ Personal Care) ให้เติบโตอยู่แล้ว และการออกสินค้า M-150 ในราคา 15 บาท ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก * ปีหน้าสินค้าที่เป็น Sport Drink ก็จะ Innovate และ Launch อย่างต่อเนื่อง * Personal Care: ปีนี้ Ultramild เติบโตดีมาก (80%) ปีหน้าก็คาดหวังการเติบโตที่ไม่ต่ำ แม้ว่ากำลังซื้ออาจเป็น Challenge แต่ในกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อในสินค้า Premium ส่วนนี้มีการเติบโตที่ดีมาก และ Portfolio ในเรื่องสินค้าก็พยายามสร้างสรรค์สินค้าเหล่านั้นที่จะมาตอบโจทย์ (Health & Wellbeing) * CEO คนใหม่ * Q: CEO คนใหม่มีวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินงานอย่างไร * A: CEO คนใหม่ (เข้าร่วมงานเมื่อ 1 ตุลาคม) มีส่วนร่วมในการทำแผนปี 2573 ที่ได้แชร์ไปเมื่อสักครู่นี้ โดยแผนดังกล่าวมีการ Focus และมี Measurement ที่ชัดเจนกว่าเดิม * ประธานบริหาร (ประธานบอร์ด) ยังเป็นท่านเดิม มีการเปลี่ยน CEO แต่ประธานบอร์ดยัง Leading กันต่อไป

โดยสรุป OSP มุ่งเน้นการปรับตัวและสร้างการเติบโตในทุกมิติ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับ Innovation, Operational Excellence, และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว