สรุปงบล่าสุด NETBAY
บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
กำไรสุทธิลดลง QoQ จาก 53.83 ล้านบาทเหลือ 51.31 ล้านบาท (-4.68%) เนื่องจากรายได้จากกลุ่มโลจิสติกส์ลดลงตามเหตุภัยธรรมชาติ ในส่วนสินทรัพย์รวมของบริษัทลดลง 27.37 ล้านบาท เนื่องจากการจ่ายเงินปันผล สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทถือว่ามั่นคง และยังคงลงทุนในโครงการพัฒนาระบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในอนาคต
รายได้จากการให้บริการในไตรมาส 3 อยู่ที่ 137.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น YoY (+17.70%) แต่ลดลง QoQ (-5.06%) จากปัญหาการขนส่งโลจิสติกส์ ค่าใช้จ่ายในการให้บริการและบริหารในไตรมาสนี้เท่ากับ 42.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น YoY (+4.04%) แต่สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงเป็น 31.10% จากประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัท
แผนการเติบโตในอนาคตของบริษัทมุ่งเน้นการขยายตัวในธุรกิจบริการออนไลน์ และการร่วมลงทุนในโครงการใหม่ ๆ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติจะมีผลกระทบชั่วคราว แต่บริษัทมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม โดยยังคงวางแผนเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่และการศึกษาการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
มีคดีฟ้องร้องหนึ่ง บริษัทถูกฟ้องเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 67 ให้จ่ายค่าเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ National Single window (NSW) จำนวน 323 ล้านบาท แต่บริษัทเองได้ชี้แจงว่า บริษัทมีสิทธิ์ในการใช้งานระบบ NSW ซึ่งมีหน่วยงานรัฐเป็นผู้ดำเนินการให้บริการตามสิทธิ์เดิม ซึ่งหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องไม่เคยเรียกเก็บค่าใช้บริการ NSW จากบริษัท
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการบริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) ไตรมาส 3 ปี 2567
บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) มีรายได้จากการให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 137.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.70% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยมีการรับรู้รายได้จากโครงการพัฒนาระบบและโครงการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มกลางการจัดเก็บฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจก อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 รายได้ลดลง 5.06% เนื่องจากปัญหาภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าทางบกจากประเทศจีนผ่านประเทศเวียดนาม ทำให้สินค้าไม่สามารถเดินทางเข้าถึงประเทศไทยได้ตามกำหนด ส่งผลให้รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Logistics ลดลง ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้นจากการปรับเงินเดือนพนักงานประจำปี และการเพิ่มจำนวนทีมงานเพื่อรองรับการขยายตัวของโครงการในอนาคต กำไรขั้นต้นในไตรมาส 3 ปี 2567 จึงลดลงจากผลกระทบจากภัยธรรมชาติ แต่เป็นการลดลงเพียงชั่วคราว
แผนธุรกิจของบริษัทเน้นการพัฒนาและขยายบริการ Digital Business Technology Platform ทั้งในส่วนของ B2G, B2B และ B2C บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้จากบริการที่มีอยู่ รวมถึงการพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อรองรับเทรนด์ดิจิทัลในอนาคต บริษัทคาดหวังว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องในปี 2568
ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างรายได้ของบริษัทที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้จะมีผลกระทบจากภัยธรรมชาติในช่วงไตรมาส 3 แต่บริษัทก็สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและรักษาอัตรากำไรสุทธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ที่ 0.38 เท่า ซึ่งต่ำกว่า 1 เท่า สะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทมีโอกาสในการขยายกิจการและลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลกับภาระหนี้สินมากเกินไป อย่างไรก็ตาม อัตราส่วน P/E ที่อยู่ที่ 17.22 เท่า แสดงให้เห็นว่านักลงทุนคาดหวังการเติบโตของบริษัทในระดับปานกลาง วงจรเงินสดของบริษัทอยู่ที่ 49.16 ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะต้องจ่ายเงินสดออกไปให้กับเจ้าหนี้การค้า ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อความสามารถในการทำกำไร เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานอยู่ในระดับที่สูง บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินสด บริษัทมีโอกาสในการลงทุนต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ ซึ่งหมายถึงบริษัทนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว
**โอกาสการลงทุน:**
* บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีโอกาสขยายกิจการและลงทุนในโครงการใหม่ๆ
* มีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
* บริษัทมีความสามารถในการบริหารจัดการเงินสดที่มีประสิทธิภาพ
* บริษัทมีโอกาสในการพัฒนาบริการใหม่ๆ และขยายตลาดในอนาคต
**ความเสี่ยง:**
* ผลกระทบจากภัยธรรมชาติอาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
* การแข่งขันในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูง
* การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ดิจิทัลอาจส่งผลต่อธุรกิจ
**สรุป:**
บริษัท เน็ตเบย์ เป็นโอกาสการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตระยะยาว บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง และมีความสามารถในการบริหารจัดการเงินสดที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก เช่น ภัยธรรมชาติ หรือ การแข่งขันในอุตสาหกรรม
(4.44%)
(18.23%)
(8.62%)
(13.38%)
(4.36%)
(4.11%)
(8.58%)
(4.04%)
(4.68%)
(19.11%)
(71.03%)
(70.83%)