MTC
บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

OK ครับ ถอดความและสรุปประเด็นจากไฟล์เสียงงาน Oppday ของ MTC ปี 2567 ไตรมาส 4 ตามโครงสร้างที่กำหนดดังนี้

สรุป Oppday MTC: ปีทอง 2024 สู่เป้าหมาย Microfinance อันดับ 1 ของโลก

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ปี 2024 เป็นปีที่บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมากและอาจถือได้ว่าเป็นปีที่ดีที่สุดตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์

  • การเติบโตของฐานลูกค้าและสินเชื่อที่ปล่อยเพิ่มขึ้น 15%
  • ยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 164,242 ล้านบาท
  • NPL เริ่มปรับตัวลดลงตามแผนที่วางไว้
  • บริษัทได้รับการยอมรับในระดับสากลด้วย Rating ทั้งในและต่างประเทศ
    • Fitch Rating ในประเทศอยู่ที่ A-(tha)
    • Fitch Rating ต่างประเทศอยู่ที่ BB
    • S&P Rating ต่างประเทศอยู่ที่ BB-
  • การออกหุ้นกู้ต่างประเทศจำนวน 335 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการออกหุ้นกู้ครั้งแรกของบริษัทไทยที่เป็น High Yield และได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก
  • การลงทุนจาก IFC ซึ่งเป็น Entity ของ World Bank สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานในระดับสากล
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทมุ่งมั่นที่จะผลักดันตัวเองให้ขึ้นสู่มาตรฐานสากลเพื่อเป็น World Class Thai Microfinance โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็น Number 1 Microfinance ของโลกในอนาคต

  • การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ
  • การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ถึงแม้ว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ก็ยังมีความเสี่ยงและความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น สภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด

  • ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
  • การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบและนโยบายของรัฐบาล
  • ความเสี่ยงด้านเครดิตและการบริหารจัดการ NPL
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทมีแผนการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ โดยการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์

  • การบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินและการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
  • การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
  • การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

บริษัทมองว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นในอนาคต และรัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัท

  • การเติบโตของสินเชื่อ Microfinance ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
  • การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและการใช้เทคโนโลยีในการเข้าถึงบริการทางการเงิน
  • การให้ความสำคัญกับ ESG และความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 32:00 * เป้าหมายรายได้ปี 2568 (นาทีที่ 32:05):

คาดว่าจะขยายตัวสอดคล้องกับการเติบโตของสินเชื่อที่ 15% โดยอ้างอิงจากข้อมูลในสไลด์ที่นำเสนอ

* การตั้งสำรองในอนาคต (นาทีที่ 32:44):

ยังคงระมัดระวังในการตั้งสำรอง โดยจะพิจารณาจากสัญญาณที่ชัดเจนของเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจดีขึ้น อาจไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองมากนัก บริษัทยังคงเน้นความยั่งยืนขององค์กรและเงินลงทุนของผู้ถือหุ้น

* แผนการขยายสาขาปีนี้ (นาทีที่ 33:44):

ยังคงตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 600 สาขา โดยเน้นประสิทธิภาพและทำเลที่ตั้ง มีทีมงานและเครื่องมือติดตามที่มีประสิทธิภาพ

* งบลงทุนรวมปีนี้ (นาทีที่ 34:45):

งบหลักๆ ใช้สำหรับการเปิดสาขาใหม่ 600 กว่าสาขา เป็นหลักร้อยล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ และ IT ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน

* ทิศทาง NIM หลังรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายดอลลาร์บอนด์ (นาทีที่ 35:22):

การออกดอลลาร์บอนด์เป็นการเปิดช่องทางหาแหล่งเงินทุนเพื่อเติบโตพอร์ตสินเชื่อ ช่วยด้าน Liquidity แม้ต้นทุนบางช่องทางจะสูงกว่า แต่ในระยะยาวไม่ได้ต่างกันมากนัก บริษัทให้ความสำคัญกับการ Diversify แหล่งเงินทุน

การ Diversify ต้นทุนทางการเงินต้อง Trade-off กับต้นทุนที่สูงขึ้น เป็นเรื่องไก่กับไข่ บริษัทเน้นความยั่งยืน จึงอาจต้องจ่ายต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นนิดหน่อย

* แผนจัดหาวงเงินกู้สำหรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด (นาทีที่ 37:11):

บริษัทมีแผน Funding สำหรับเงินกู้และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดใน 6 เดือนข้างหน้าแล้ว ไม่ได้กังวลมากนัก เงินทุนมาจากเงินกู้สถาบันการเงินที่หลากหลายและการออกหุ้นกู้

บริษัทออกหุ้นกู้ไป 5,000 ล้านบาทเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก และยังมีเงินกู้อยู่ใน Pipeline อีกประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท

* การบริหารความเสี่ยงและเป้า Funding Cost ปีนี้ (นาทีที่ 38:51):

บริษัทต้องการ Extend เทอมของหุ้นกู้ให้ยาวขึ้น เพื่อให้การลงทุนมีความยั่งยืนและเหมาะสมกับพอร์ตที่ใหญ่ขึ้น

Funding Cost ในครึ่งปีแรกไม่เกิน 4.5-4.6% หากมีการเปลี่ยนแปลงจะอัปเดตอีกครั้ง

* ผลกระทบของ D/E ที่ 3.7 เท่า (นาทีที่ 39:56):

D/E ปัจจุบันอยู่ที่ 3.62 เท่า ลดลงจาก 3.70 เมื่อปลายปี 2566 สถาบันการเงินชอบ D/E ที่ลดลง เพราะเป็นการส่ง Signal ว่าบริษัทมีความเสี่ยงลดลง และยังคงมีเงินกู้อยู่ใน Pipeline อีกมาก

* NPL ที่ลดลงมาจากรถประเภทไหน และแนวโน้ม Secure Loan (นาทีที่ 41:07):

NPL ที่ลดลงส่วนใหญ่มาจาก Secure Loan และคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอีก

* มุมมองและเป้าหมาย NPL ไตรมาส 1 และปัจจัยที่กังวล (นาทีที่ 41:33):

ตั้งเป้า NPL ปีนี้ไม่เกิน 2.70% (2.75% ในไตรมาสล่าสุด) ไม่ต้องการตั้งเป้า aggressive เกินไป เพราะเศรษฐกิจยังเปราะบาง

ณ ตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยที่น่ากังวลเป็นพิเศษ ยังคงลุ้นตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในแต่ละไตรมาส บางพื้นที่เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น เช่น ภาคการเกษตรและการท่องเที่ยว

* เหตุผลที่ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น (นาทีที่ 43:11):

นอกเหนือจากคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น และการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น เป็นการให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่าคุณภาพพอร์ตสินเชื่อยังคงรักษาให้เป็นไปตามสถานการณ์และมีความเหมาะสม