MTC
บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

MTC เมืองไทย Capital สรุป Oppday ไตรมาส 3 ปี 2568: เจาะลึกผลประกอบการและทิศทางอนาคต

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 พบว่าพอร์ตสินเชื่อปิดที่ 184,453 ล้านบาท เติบโต 13.26% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตที่ 10-15% ที่ตั้งไว้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2568 พอร์ตสินเชื่อเติบโต 3.2% แสดงถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รายได้รวมไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 7,894 ล้านบาท เติบโต 10.1% (YoY) และ 4.6% (QoQ) กำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 1,724 ล้านบาท เติบโต 15.63% (YoY) และ 4.68% (QoQ) Net Profit Margin ทรงตัวที่ 21.8% (QoQ) สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2568 รายได้รวมอยู่ที่ 22,682 ล้านบาท เติบโต 9.9% เมื่อเทียบกับปี 2567 กำไรสุทธิ 9 เดือน อยู่ที่ 4,942 ล้านบาท เติบโต 14% (YoY) และ Net Profit Margin อยู่ที่ 21.79% ผู้บริหารค่อนข้างพอใจกับผลการดำเนินงาน โดยมองว่าเป็น New High ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 10 แล้ว

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทมีเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อที่ 10-15% ต่อปี และยังคงอยู่ในกรอบที่ประกาศไว้ บริษัทยังคงเห็นโอกาสในการขยายสาขาในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ แม้ว่าจะมีสาขาครอบคลุมอยู่แล้ว

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ผู้บริหารกล่าวถึงราคาหุ้นที่ตกลงหลังประกาศงบการเงิน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากผลประกอบการที่ไม่ดี หรือการต้อนรับ CEO คนใหม่ (แต่ผู้บริหารเชื่อว่าเป็นอย่างหลังมากกว่า) มีการกล่าวถึงปัจจัยต่างๆ ที่อาจกระทบต่อธุรกิจ เช่น สภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาชายแดน หรือมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทบริหารจัดการคุณภาพลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุม NPL ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม บริษัทพยายาม Build Coverage Ratio ให้สูงขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับงบการเงินและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน บริษัทมีแผนการเปิดสาขาที่เน้นประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโฟกัสในพื้นที่ที่มีศักยภาพและใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

ผู้บริหารคาดการณ์ว่าไตรมาส 4/2568 และปี 2569 จะยังคงเติบโตสอดคล้องกับสิ่งที่คาดหวังไว้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของสาขาไว้ที่ 600 สาขาในปี 2568 และคาดว่าจะทำได้ตามเป้า บริษัทมีแผนการออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทในช่วงปลายปี 2568 และจะมีการออกหุ้นกู้อย่างต่อเนื่องในปี 2569

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 41:20

Q: ทำไมรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 11% YoY แต่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% YoY ทั้งๆ ที่ดอกเบี้ยนโยบายเป็นขาลง?

  • A: มีเงินสดในบัญชี 6,000 ล้านบาท ณ วันที่ปิดบัญชีไตรมาส 3 (ปกติเหลือ 1,000 ล้าน) เนื่องจากการออกหุ้นกู้ ทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น แต่ไตรมาส 4 ไม่ต้องระดมทุนเพิ่ม จะเอาเงินนี้มาปล่อยกู้ ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง

Q: ทำไมถึงเลือกออกหุ้นกู้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ ทั้งๆ ที่ทำธุรกิจในสกุลเงินบาท และอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์อยู่ที่เท่าไหร่?

  • A: ต้องออกเป็น USD เพราะ NDFI ไม่ได้รับเงินฝากโดยตรง ต้องกระจายตะกร้าออกไปใน Currency ต่างๆ ปัจจุบันมี USD อยู่แล้ว 10,000 ล้านบาท (Demand ในตลาด USD ต้องการซื้อ 30,000 ล้านบาท) เป็นผลดีกับบริษัท เพราะมีนักลงทุนที่เป็น Fixed Income ยินดีใส่เงินให้ MTC ปล่อยกู้ต่อไป การออกหุ้นกู้ USD และเรทที่รับได้ แต่ช่วงเดือน 7 ที่ออกหุ้นกู้ไป มีเรื่องของ Tariff ต้องเก็บ Liquidity ไว้ก่อน เผื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จะมี Liquidity พร้อมใช้

Q: ปัจจุบันมีสาขาที่ถูกน้ำท่วมบ้างไหม? และเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้จะกระทบผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ในแง่ไหนบ้าง?

  • A: มีหลักสิบสาขาที่ท่วม (จาก 8,600 สาขา) ผลกระทบยังไม่เยอะ น้ำมาแล้วก็ไป ไม่น่าจะท่วมนาน แต่ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

Q: แผนธุรกิจปี 2569 เป็นอย่างไร?

  • A: ยังพูดไม่ได้ เพิ่งประกาศงบไตรมาส 3 ต้องประกาศงบไตรมาส 4 อีก แต่ทิศทางทุกอย่างจะเติบโตอย่างนี้แหละ ปีนี้เติบโต 10-15% ปีหน้าก็น่าจะเติบโตได้ 10-15%

Q: มีแผนออกหุ้นกู้หรือไม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และปี 2569?

  • A: ปีนี้เหลืออีก 1 ครั้ง ขายช่วง Week สุดท้ายของเดือนนี้ หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนเดิม ปีหน้าคงมีการออกหุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง

Q: จากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยล่าสุด มีผลดีผลเสียต่อ MTC อย่างไร ในเรื่องของตัว AMC?

  • A: AMC ไม่ได้เข้าร่วม จริงๆ จากข่าวของแบงก์ชาติที่ออกมา เป็นในส่วนของสถาบันที่เกี่ยวข้อง ก็จะเป็นในส่วนของธนาคารกับ Bank ในส่วนของอย่าง MTC เอง อันนี้คือจากข่าวสารที่ปรากฏในปัจจุบันก็คือไม่เกี่ยวข้อง

Q: ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณสินเชื่อเฉลี่ยต่อสาขาที่เท่าไหร่ครับ? ยังมีโอกาสขยับขึ้นอีกไหมครับ?

  • A: ตอนนี้อยู่ที่ 21 ล้านบาทต่อสาขา เพิ่มขึ้นจาก 15 ล้านบาทต่อสาขาเมื่อ 3 ปีก่อน แนวโน้มก็อาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ ไตรมาส สินเชื่อต่อสาขาก็น่าจะเพิ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ Income ลดลง พยายามผลักดันประสิทธิภาพต่อสาขา น่าจะมีโอกาสเติบโตอีกเยอะ

Q: มูลค่าของลูกหนี้ของ MTC ที่เข้าโครงการสู้เราช่วย มีมูลค่าเท่าไหร่ครับ?

  • A: (จำตัวเลขไม่ได้) เทียบเท่ากับที่ได้รับสนับสนุนจากธนาคารออมสิน มูลค่าของพอร์ตเองก็คือไม่ต้องกังวล ค่อนข้างไม่เยอะ ไม่ถึง 1% ของพอร์ตสินเชื่อ น้อยกว่านั้นมากๆ

Q: ทำไมราคาหุ้น YTD ลดลง 20% สวนทางกับผลประกอบการ?

  • A: (ไม่ทราบเหมือนกัน) ค่อนข้างที่จะพึงพอใจกับผลประกอบการ ต้องไปเทียบ คงไม่ได้ดูเฉพาะบริษัทเราบริษัทเดียว คงจะต้องไปเทียบกับอุตสาหกรรมด้วย ปกติเวลา Benchmark Performance ของเรา เราก็จะ Benchmark กับอุตสาหกรรมด้วย
  • B: อุตสาหกรรมโต เราก็โต แต่ถ้าอุตสาหกรรมโต เราโตช้ากว่าอุตสาหกรรม เราก็มองว่า Performance เราถือว่า Flat นะ ถ้าอุตสาหกรรมติดลบ แล้วเราติดลบน้อยกว่า เราก็จะมองว่า Performance ของเราดีกว่า เหตุที่ต้องเทียบกับอุตสาหกรรม เนื่องจากว่ามันจะมี Factor Involved นอกเหนือจากผลประกอบการ อะไรหลายๆ อย่าง อย่างเช่น สภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้น
  • C: อาจจะผลกระทบของสภาวะเศรษฐกิจ การบริหารงานของทางฝั่งนโยบายเอง ที่ทำให้เศรษฐกิจไม่ได้เติบโตอย่างที่เราคาดคิดหรือประมาณการไว้ บางทีก็เกิดขึ้นจากผลกระทบกับปัญหาชายแดนเป็นต้น หรือว่าผลกระทบจาก Tariff เป็นต้น ท่านจะเห็นว่า Factor เหล่านี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประกอบการเลย

สรุป: MTC ยังคงเติบโตได้ดี แม้จะมีปัจจัยท้าทายต่างๆ แต่ผู้บริหารมั่นใจว่าจะสามารถรักษาการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว