สรุป OPPDAY หุ้น MICRO
Oppday
สรุป OPPDAY
MICRO ปี 2568 ไตรมาส 3: สรุปโอกาสและความท้าทายในตลาดสินเชื่อรถบรรทุกมือสอง
สรุปผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ของบริษัท ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) โดยเน้นถึงผลกระทบต่อธุรกิจ, โอกาส, ความเสี่ยง, แนวทางการแก้ไข, และแนวโน้มในอนาคต รวมถึงช่วงถาม-ตอบ
- ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
บริษัทฯ ยังคงให้บริการสินเชื่อรถบรรทุกมือสองเป็นหลัก (73%), สินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ (25%), และสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ (2%) นอกจากนี้ยังมีบริการนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต
ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเครดิตเรตติ้งที่ "BB" มุมมอง Negative มีการจ่ายคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระจำนวน 478 ล้านบาท และออกหุ้นกู้ใหม่เพิ่มเติมจำนวน 123 ล้านบาท ครึ่งปีหลังจ่ายคืนหุ้นกู้ครบตามกำหนด
ธุรกิจของบริษัทฯ ประกอบด้วย:
- บริษัท ไมโครลิสซิ่ง: ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง
- บริษัท ไมโครอินชัวร์โบรกเกอร์: บริการประกันวินาศภัยและประกันชีวิต
- บริษัท ไมโครฟิน จำกัด: ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล
- บริษัท ไมโครพลัสลิสซิ่ง: ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่
พอร์ตของบริษัทฯ ประกอบด้วยรถยี่ห้อ Isuzu (30.4%), Hino (35.8%), Fuso (2.3%) และอื่นๆ (5.4%) ส่วนมอเตอร์ไซค์เป็น Yamaha, Honda, GPX Derian (26%) ประเภทรถส่วนใหญ่เป็นรถ 6 ล้อ (27.6%) รถ 10-12 ล้อ (25.6%) หัวลาก (14%) และมอเตอร์ไซค์ (26%) พอร์ตเช่าซื้อปัจจุบันอยู่ที่ 2,685 ล้านบาท จำนวนสัญญา 22,000 สัญญา และลูกค้า 21,000 ราย
อายุของรถบรรทุกที่รับเฉลี่ย 15 ปี (ระหว่าง 6-25 ปี) มอเตอร์ไซค์เป็นรถใหม่ทั้งหมด อัตราดอกเบี้ยรถบรรทุก 8-15% (Flat Rate) มอเตอร์ไซค์ 11-13% (Flat Rate) ระยะเวลาผ่อนชำระรถบรรทุก 4-5 ปี มอเตอร์ไซค์ 2-4 ปี มูลค่าเฉลี่ยต่อสัญญารถบรรทุก 720,000 บาท มอเตอร์ไซค์ 63,000 บาท
ลูกหนี้คงเหลือส่วนใหญ่อยู่ที่ 4 ปี (24.9%) และ 3 ปี (22.4%) สัดส่วนอายุรถส่วนใหญ่เป็นมอเตอร์ไซค์ใหม่ (55.3%) รถบรรทุก 11-15 ปี (15.3%) และรถบรรทุก 6-10 ปี (14.9%)
บริษัทฯ ปล่อยสินเชื่อ Nano Finance รวม 46 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็น Key Loan (33.9 ล้านบาท) และ Title Loan (12 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ย Key Loan 25% Title Loan 24% ระยะเวลาผ่อน Key Loan 1-4 ปี Title Loan 2.5 ปี มูลค่าต่อสัญญา Key Loan 240,000 บาท Title Loan 380,000 บาท ลูกหนี้คงเหลือส่วนใหญ่อยู่ที่ 3 ปี (55.4%) และ 2 ปี (17.9%)
พื้นที่ให้บริการปัจจุบันมี 12 สาขาสำหรับไมโครลิสซิ่ง และ 7 สาขาสำหรับไมโครพลัส (รวมกับไมโคร) มี Sub-branch ที่เพชรบูรณ์อีก 1 สาขา
ในไตรมาส 3 ปี 2568 สัดส่วนรถบรรทุกมือสองปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า Market Share อยู่ที่ 1% ลดลงจากปีก่อนหน้า ยอดโอนรถจักรยานยนต์ Market Share อยู่ที่ 0.3% เท่าเดิม
มูลค่าการโอนในไตรมาส 3 ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปล่อยสินเชื่อใหม่ (New Loan) รวม 184 ล้านบาท มอเตอร์ไซค์ 1.3 ล้านคัน สินเชื่อรวม 3,724 คัน
New Loan Growth ลดลง 34.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แบ่งเป็นรถบรรทุก 183 ล้านบาท มอเตอร์ไซค์ 222 ล้านบาท สินเชื่อส่วนบุคคล 6 ล้านบาท Port Growth ลดลง 21% จากปีก่อนหน้า สินเชื่อรวมอยู่ที่ 2,733 ล้านบาท
Revenue Growth ลดลงจาก 585 ล้านบาท เหลือ 452 ล้านบาท (ลดลง 22.71%) แต่ Net Profit Growth ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 24 ล้านบาท
สินทรัพย์ปรับตัวลดลงเนื่องจาก Port สินเชื่อลดลงจากมาตรการความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ หนี้สินปรับลดลงเนื่องจากการคืนเงินกู้ที่ครบกำหนดและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ทำให้ DE Ratio เหลือไม่ถึง 1 เท่า (0.81 เท่า)
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มขนส่ง (58.5%) ก่อสร้าง (21.9%) และเกษตร (15%) ลูกค้าไมโครพลัสส่วนใหญ่เป็นพนักงาน (36.7%) เกษตร (30.1%) และพ่อค้าแม่ค้า (16.3%)
แนวโน้ม NPL และ NPA ลดลงต่อเนื่องจากการบริหารจัดการรถยึดและการเก็บหนี้ หลักประกันส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุกอายุ 11-15 ปี (29%) 16-20 ปี (26%) และมอเตอร์ไซค์ใหม่ (26%)
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยังคงเดิม (66%) Free Float อยู่ที่ 33.93%
รายได้ลดลงเนื่องจาก Port สินเชื่อปรับลดลง ค่าใช้จ่ายและต้นทุนทางการเงินลดลงเนื่องจากการคืนเงินกู้และหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระ
โครงสร้างรายได้ยังคงเดิม: รายได้ดอกเบี้ย (79%) ค่าธรรมเนียมบริการ (19%) อื่นๆ (2%) โครงสร้างค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายพนักงาน (59%)
DE Ratio ปรับลดลงเหลือ 0.81 แสดงว่ามีสภาพคล่องที่จะขยายธุรกิจต่อในปี 2569 คุณภาพหนี้: ลูกค้าชำระปกติ (71.8%)
Loan Yield: Interest Yield ปรับลดลงเล็กน้อย (16.1%) รวมกับ Fee Yield (19%) Fee Yield ปรับเพิ่มขึ้น (2.9%) NIM ทรงตัว (12.2%) Interest Cost ปรับลดลง (5.8%) Cost to Income ปรับเพิ่มสูงขึ้น
Credit Cost ในไตรมาส 3 ลดลงเหลือ 8% (จาก 11.6% ในปีที่แล้ว) เนื่องจากมีการบริหารจัดการรถยึดและทรัพย์สินรอการขาย Net Profit และ Net Profit Margin ปรับเพิ่มขึ้น
- โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
การรักษาสภาพคล่อง: บริษัทฯ ทำได้ตามเป้าหมายที่ให้ไว้ในการรักษาสภาพคล่อง เพื่อจ่ายคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระทั้งหมดในปี 2568 จำนวน 1,050.9 ล้านบาท
การปล่อยสินเชื่ออย่างเข้มงวด: ทำให้ได้ลูกหนี้ที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น
การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและปรับโครงสร้าง: ทำไปค่อนข้างมากแล้ว เช่น การปรับโครงสร้างภายในและการรวมศูนย์การอนุมัติสินเชื่อ
แผนปี 2569: บริหารสภาพคล่อง, เน้นคุณภาพหนี้, คุม Cost, และเพิ่มรายได้
การบริหารจัดการสภาพคล่องภายใน: ผ่านพ้นช่วงที่น่าจะหนักสุดไปแล้ว สามารถคืนหุ้นกู้ได้เกือบ 3,000 ล้านบาท DE Ratio ลดลงเหลือ 0.6 เท่า เงินกู้เหลือน้อยมาก
เงินกู้ที่เหลือ: หุ้นกู้ประมาณ 500 กว่าล้านบาท เงินกู้ธนาคาร (ระยะยาว) ประมาณ 400 กว่าล้านบาท รวมกันประมาณ 1,000 ล้านบาท
ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรวม 1,200 ล้านบาท (รถมอเตอร์ไซค์ รถบรรทุก สินเชื่อส่วนบุคคล) เพื่อ Maintain Port
คุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ: เนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินและคุณภาพหนี้ลูกค้าที่เข้ามา Drop ลง
สภาพคล่อง: เงินสดคงเหลือประมาณ 400 กว่าล้านบาท (หลังคืนหุ้นกู้) เพียงพอต่อการขยายสินเชื่อปี 2569
การบริหารจัดการ Cost: Cost to Income ดูสูงขึ้นเนื่องจากรายได้ลดลงเร็ว แต่ Credit Cost ดีขึ้น
Credit Cost: 8% (รวม Q4 ปีที่แล้ว) หากนับเฉพาะ 3 ไตรมาสของปี 2568 จะเหลือประมาณ 5%
วางแผนเตรียมการปี 2569: แก้ปัญหาสภาพคล่องส่วนเกิน โดยการปล่อยสินเชื่อเพิ่ม ควบคู่กับการคัดกรองอย่างเข้มงวด
ลดความเสี่ยง: ปรับ LTV ลง ดูหลักทรัพย์ค้ำประกันอื่น หรือ Wealth อื่น มาช่วย Support
Control Credit Cost: Maintain NPL Ratio ไม่เกิน 4%
เจาะตลาด: สามารถเจาะตลาดรถบรรทุกได้เพิ่ม เพราะทุกรายระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ ราคาหลักประกันกลับสู่ภาวะปกติ
ขยายตลาดรถมอเตอร์ไซค์: ทีมบริหารมีประสบการณ์ดูแล Port หลัก 6-7 พันล้าน ปัจจุบัน Port แค่ 700 ล้าน จึงมีโอกาสขยายได้อีกมาก
ติดปัญหา: สภาพคล่อง ทำให้ไม่กล้า Commit Volume กับ Dealer
แก้ไข: สภาพคล่องดีขึ้น สามารถขยายในจุดนี้ได้
- ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ภาคก่อสร้าง: น่าจะลำบากมากในปี 2569 (ยกเว้นงานก่อสร้างภาครัฐและ Mega Project) ภาคอสังหาฯ ยังดูด้อยกว่าภาคอื่น
ภาคขนส่ง: เริ่มแผ่วลงเล็กน้อยจากอัตราภาษี (รอการเจรจาการส่งออกข้าว)
สภาวะเศรษฐกิจ: ผันผวนสูง ต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ
พยายาม Maintain Port: แต่คุณภาพลูกค้าไม่ค่อยดี สภาพคล่องต้องคืนหุ้นกู้ก่อน
การแข่งขัน:สูง แต่บริษัทก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป
- วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
แก้ปัญหา: กระบวนการเตรียมการหลังบ้าน การคุมต้นทุน การเคลียร์ Port เก่าที่ีปัญหา
ปล่อย Port ใหม่: พยายามเติมน้ำที่ค่อนข้างใส (คุณภาพดี) ควบคู่กับการควบคุมความเสี่ยง
เร่งการปล่อยสินเชื่อ: จากสภาพคล่องที่เหลือ ควบคู่กับการคัดกรองเข้มงวด
เน้น Control Credit Cost: ถึงรายได้จะหายไปมาก แต่มีกำไรเมื่อเทียบกับช่วงที่ขาดทุน
เน้นการดูแลลูกค้า: พยายามให้มีผลิตภัณฑ์ที่ Support กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการให้ดีที่สุด
ปรับ Cost ให้เหมาะสม: ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น
Optimize Cost: ให้เหมาะสมกับสถานการณ์แต่ละ Cycle ของแต่ละ Product
หาผลิตภัณฑ์: ที่เกี่ยวข้องมาขยายเพิ่มเติม
ทดลอง Pilot Project: ก่อนลงทุนระบบขนาดใหญ่
- แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
วางแผน 3-5 ปี: ระยะกลาง แต่ต้องยอมรับว่าวางแผนให้ Growth ได้ยาก
วางแผนแบบ: มี Growth แต่ไม่เหมือนช่วงเข้าตลาด (30%)
Port สินเชื่อ: อาจกลับมาไม่เท่าช่วง 5,000 ล้าน เน้นโตแบบยั่งยืน ดูแลลูกค้าที่ดี
Growth รายได้: ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม
ขยายผลิตภัณฑ์: ที่เกี่ยวข้อง ลงทุนอย่างเหมาะสม
เริ่มมี Pilot Project: เช่น งานทะเบียน โอนรถ
มี Pilot Project: ค่อนข้างหลายตัว จะชี้แจงและ Update ให้ทราบเป็นระยะ
- ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 43:20]
คำถามที่ 1: บริษัทคาดว่าในปี 2569 รถบรรทุกในกลุ่มก่อสร้างมีโอกาสฟื้นมากน้อยแค่ไหน และบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในฝั่งนี้ (Micro และ Micro Plus) อย่างไร?
คำตอบ: ปีหน้าความผันผวนยังสูงมาก ภาคก่อสร้างน่าจะลำบากมาก (ยกเว้น Mega Project ภาครัฐ) ภาคอสังหาฯยังดูด้อยกว่า แต่จะพยายามดูกลุ่มที่ยังไหวอยู่ งานก่อสร้างภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ มีส่วนต่อขยายที่กำลังเปิดประมูลอยู่ (เส้นวงแหวนรอบนอกไปอยุธยา เส้นต่อขยาย M81 จากบางใหญ่ไปกาญจนบุรี) ซึ่งนครปฐมเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท อาจพอได้
ภาคขนส่ง: อาจจะ Drop ไปบ้างเล็กน้อย แต่ดูว่ารัฐบาลจะเจรจาเรื่องการส่งออกข้าวกับอเมริกาได้หรือไม่ ปีหน้าเป็นปีแห่งความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ แต่บริษัทเองรักษาสภาพคล่องได้แน่นอนแล้ว การขยายต้องระมัดระวัง มองภาพเศรษฐกิจยังลำบาก ขอรอดูอีกหน่อยว่าปรับอะไรได้บ้าง เป็นปีที่ต้องปรับตลอดเวลา
การขยาย Market Share รถบรรทุก: ไม่ได้ยากมาก เพราะทุกบริษัทระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ บริษัทที่เข้ามาใหม่ก็เริ่มแผ่วลง บางที่เริ่มทยอยปิดสาขา ทรงยังดูน่ากังวลเล็กน้อย แต่บริษัทปลอดภัยในมุมที่ไม่ต้องกู้เงินเยอะ สภาพคล่องแน่นอน การคุมหนี้มั่นใจสูง จะสามารถเจาะตลาดได้เพิ่ม
ราคาหลักประกันเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ สามารถดูราคาที่สมเหตุสมผลได้มากขึ้น กล้าปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ลูกค้าก็มีการดาวน์ เราไม่ค่อยกังวลเรื่องการออกไปแล้วมีปัญหา (ยกเว้นช่วงที่ผ่านมาที่งานมีปัญหาเยอะจริง ๆ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมาก) รถบรรทุกออกไปเพื่อทำงาน
การขยาย Market Share รถมอเตอร์ไซค์: Micro Plus สามารถขยายได้อีกมาก ทีมบริหารเคยดูแล Port หลัก 6-7 พันล้าน ปัจจุบัน Port แค่ 700 ล้าน ยังน้อยอยู่ ติดปัญหาเรื่องสภาพคล่อง พยายาม Control สภาพคล่องทั้งของตัวเองและบริษัทลูก
สามารถเข้าไปในร้าน Dealer ที่ค่อนข้างใหญ่ได้ แต่ต้อง Commit Volume (หลักพันคันต่อเดือน) ซึ่งสภาพคล่องช่วงนั้นไม่อำนวย ตอนนี้สภาพคล่องดีขึ้นมาก Micro Plus สามารถขยายในจุดนี้ได้ นี่คือวิธีการแบ่ง Market Share ของทั้งสองที่ ที่รู้สึกสบายกว่าช่วงที่ผ่านมา มั่นใจสภาพคล่อง คุมคุณภาพหนี้
คำถามที่ 2: อยากให้ช่วยแชร์ Business Model ของ Micro Insurance Broker และสาเหตุที่ค่าใช้จ่ายในการขายของ Micro Insurance Broker ปรับเพิ่มสูงขึ้น มีนัยยะสำคัญอะไรหรือไม่?
คำตอบ: อยาก Support แต่ก่อนมีการขายประกันกับยอดสินเชื่ออยู่แล้ว แต่แทนที่จะแบ่งค่า Commission ให้ Broker อื่น ก็มาตั้ง Micro Insurance Broker เพื่อ Support บริษัทแม่ แล้วมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อในการ Lead
วาง Model ในมุมที่ว่า เป็นบริษัทที่ Support บริษัทแม่ Micro มีการปล่อยสินเชื่อลดลง ทำให้ Micro Insurance Broker ยอด Drop ลงด้วย ค่าใช้จ่ายอาจไม่ได้เพิ่มอะไรมาก แต่รายได้ (ค่าเบี้ยประกัน) ลดลง
แก้ไข: เปลี่ยนวิธี เริ่มทยอยเปลี่ยนตั้งแต่ปีที่แล้ว Micro Insurance Broker เน้นขายตัวประกันที่เป็นรายย่อยมากนัก ไม่ได้ไปขายพวกตัวที่เป็นรถเล็ก เพราะไม่ถนัด ต้องเน้นขายที่เป็น Platform ระบบ ต้องลงทุนค่อนข้างเยอะ
Micro Insurance Broker: ขยายกับลูกค้ากลุ่มเดิม (แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าของ Micro เท่านั้น) แต่ก่อนเอาสินเชื่อไป Lead ตัวประกัน ตอนนี้จะเอาประกันไป Lead สินเชื่อแทน เอาประกันเข้าไปคุยกับผู้ประกอบการหลายเจ้า เพราะมีความถนัดในมุมรถบรรทุก (โดยเฉพาะมือสอง) ช่วยลดต้นทุน ช่วยดูแลเรื่องการบริหารต้นทุนของตัวประกันให้ลูกค้าได้ ลูกค้าไม่เยอะ แต่ Ticket Size ใหญ่ ดูแลเป็นราย ๆ ได้
Business Model: ดูแลลูกค้าผู้ประกอบการ ทั้งรายใหญ่ที่มีหลายสิบคัน และรายย่อยที่มีคันสองคัน ช่วยดูแลเรื่องการต่อประกัน เคลม ดูแลภาพรวมความเสี่ยงภัยทั้งหมด
นอกจากประกันที่เกี่ยวกับรถแล้ว ยังขยายในผลิตภัณฑ์อื่นได้ ประกันสามารถคุ้มครองได้ทุกอย่าง เก็บรวบรวม Pain Point ของลูกค้าว่ามีจุดไหนที่เกี่ยวกับการทำงานขนส่ง หรือเป็นการดูแลที่บ้าน (ธุรกิจหรือที่บ้าน) สามารถเข้าไปช่วยดูแลในมุมความเสี่ยงภัย
เมื่อเกิดเหตุ ก็เป็นที่ปรึกษา เป็นการดูแลได้
เน้นกลุ่มลูกค้าที่ถนัด ขยาย Product ที่เกี่ยวข้อง Cover กลุ่มลูกค้าทั้งหมด
คำถามที่ 3: อยากทราบเป้าหมายในอีก 3-5 ปีข้างหน้าของบริษัท?
คำตอบ: เป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะเหมือนถามเศรษฐกิจประเทศไทยในอีก 3 ปีข้างหน้า
บริษัทมีการทำแผน 3 ปี และ 5 ปี (ระยะกลาง) แต่การวางแผนช่วงนี้ไม่สามารถวางแผนให้ Growth ได้ เพราะมันไม่ reasonable ในการดูจากภาพรวมสิ่งแวดล้อมในตอนนี้ สภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการ Growth เยอะ ๆ
วางแบบมี Growth แต่คงไม่เหมือนตอนเข้าตลาด (30%) เพราะยังมีความเสี่ยงในมุมที่สภาพสิ่งแวดล้อม สภาพเศรษฐกิจยังไม่อำนวย
Port สินเชื่อ: อาจกลับมาไม่เท่ากับช่วงที่ Growth สูงสุดที่ประมาณ 5,000 ล้าน
โตแบบ: ค่อย ๆ โต ยั่งยืน เน้นดูแลลูกค้าที่ดี
ทำธุรกิจ: ต้องวางให้ Growth เรื่อย ๆ
Growth: รายได้ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม หาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมาขยาย
การขยาย: รายได้ค่าธรรมเนียมต้องมีการลงทุนบ้าง (แต่คงไม่ลงทุนแบบซื้อระบบเยอะแยะ) ดูให้เหมาะสมกับ Cycle ของการเติบโต อาจมี Test Pilot Project ในบางกลุ่มธุรกิจ ถ้าเวิร์คจะทำมาเป็น Main Product เป็น Core Product
Micro Insurance Broker: เริ่มมี Pilot Project เช่น งานทะเบียน ดูแลเรื่องการโอนรถ ภาษี ถ้าสามารถดำเนินการส่วนนี้ได้ หรือตัวไหนที่ทำแล้วเริ่มเวิร์ค จะมารายงานเรื่องการเปิด Product ใหม่ ๆ ให้ทราบเป็นระยะ (Update ทุก Oppday)
มี Pilot Project: ค่อนข้างหลายตัว ขอลองให้เรียบร้อยก่อน ถ้าโอเคตรงไหนแล้วจะชี้แจงเพิ่มเติม
จากการประชุม Oppday สรุปได้ว่า MICRO มุ่งเน้นการเติบโตอย่างระมัดระวัง โดยให้ความสำคัญกับการบริหารสภาพคล่อง การควบคุมความเสี่ยง และการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนในระยะยาว ท่ามกลางความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน