MEDEZE
บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

โอเคครับ นี่คือสรุปผลการประชุม Oppday หุ้น MEDEZE ปี 2568 ไตรมาส 3 ตามโครงสร้างที่คุณกำหนด:

MEDEZE เผยกลยุทธ์ปี 2568: มุ่งสู่ผู้นำ Biotech ด้วย ATMP และขยายตลาด Franchise

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 MEDEZE มีรายได้รวม 181 ล้านบาท ลดลง 8% จากไตรมาสก่อนหน้า (Q on Q) และลดลง 21% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (Year on Year) โดยมีกำไรขั้นต้น 120 ล้านบาท คิดเป็น 71% และมี EBITDA 48 ล้านบาท คิดเป็น 26% กำไรสุทธิอยู่ที่ 31 ล้านบาท คิดเป็น 17%

สำหรับรายได้รวม 9 เดือน บริษัทมีรายได้รวม 588 ล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อนหน้า กำไรขั้นต้น 425 ล้านบาท คิดเป็น 75% EBITDA 216 ล้านบาท คิดเป็น 37% และกำไรสุทธิ 160 ล้านบาท คิดเป็น 27% ซึ่งลดลงจากปีก่อน 33%

สาเหตุหลักที่ทำให้รายได้ลดลงคือ สภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายในสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็น

อย่างไรก็ตาม รายได้หลักยังคงมาจาก Core Business (การจัดเก็บสเต็มเซลล์) คิดเป็น 94% ในไตรมาส 3 และ 96% ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ส่วนรายได้จาก Patent Fee (Franchising) คิดเป็น 5% และการขายสินค้า 1%

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตจาก:

  1. การเติบโตของรายได้จากการจัดเก็บสเต็มเซลล์รากผม ซึ่งมีการเปิดบริษัทใหม่ในช่วงต้นปี
  2. การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศผ่าน Franchising Model ในฟิลิปปินส์ มองโกเลีย และประเทศอื่นๆ ในอนาคต
  3. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ATMP (Advanced Therapy Medicinal Products) ซึ่งเป็นยาสำหรับการบำบัดรักษาระดับสูง

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงจาก:

  1. สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคในการจัดเก็บสเต็มเซลล์
  2. การแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดสเต็มเซลล์
  3. ความเสี่ยงในการดำเนินงานเพื่อให้ได้มาตรฐาน GMP และการขึ้นทะเบียนยา ATMP

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทมีแผนในการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบดังนี้:

  1. การลงทุนในระบบ GMP และมาตรฐานธนาคารเซลล์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
  2. การเพิ่มจำนวนพนักงานห้องปฏิบัติการและบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อรองรับโครงการ ATMP Sandbox
  3. การขยายฐานลูกค้าและเพิ่มการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัท

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำด้าน Biotech โดยมีเป้าหมายหลักคือการขึ้นทะเบียนยา ATMP ให้ได้ภายในปี 2569 และผลักดันให้ ATMP เป็นรายได้หลักของบริษัทภายใน 3 ปี

บริษัทจะใช้เงินทุนจากการ IPO เพื่อขยายธุรกิจการเก็บและเพาะรากผม ลงทุนในระบบ Robotic ในห้องแล็บ หาที่ดินสร้างโรงงานผลิตยา พัฒนาซอฟต์แวร์ AI และเพิ่มทุนใน MEDEZE Treasury เพื่อบริหารเงินสดและมองหาโอกาสในการลงทุน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 28:38]

  • ภาพรวมปี 2568:
    • คำถาม: จะมีการปรับเป้าหมายรายได้ปี 2568 จากเดิมที่ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาทหรือไม่? ถ้ามีการปรับ จะปรับเพราะเหตุใด?
    • คำตอบ: ปัจจุบันยังไม่มีการปรับแผน และบริษัทยังคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
  • มาตรฐาน GMP:
    • คำถาม: การลงทุนเพื่อให้ได้มาตรฐาน GMP จะมีประโยชน์อย่างไรต่อบริษัท?
    • คำตอบ: การมีมาตรฐาน GMP จะทำให้บริษัทสามารถผลิตยา ATMP ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่ไม่มีมาตรฐาน GMP ได้ อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
  • แนวโน้มไตรมาส 4:
    • คำถาม: แนวโน้มในไตรมาส 4 จะเติบโตกว่าไตรมาสก่อนหน้า (Q on Q) และปีที่แล้ว (Year on Year) หรือไม่?
    • คำตอบ: บริษัทเชื่อมั่นว่าไตรมาส 4 จะดีขึ้น เนื่องจากการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่อง ATMP Sandbox และความรู้ความเข้าใจในเรื่องสเต็มเซลล์ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาด้านกฎหมายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-time Payment) จะไม่เกิดขึ้นอีกในไตรมาส 4
  • ความร่วมมือกับคณะแพทย์:
    • คำถาม: เหตุใด MEDEZE จึงยังไม่มีความร่วมมือกับคณะแพทย์ชั้นนำของไทย เช่น จุฬาฯ, ศิริราช, รามาฯ, หรือสงขลานครินทร์?
    • คำตอบ: บริษัทกำลังจะมีความร่วมมือกับจุฬาฯ ในการทำคลินิก และจุฬาฯ จะเข้ามาช่วยดูเรื่องมาตรฐานต่างๆ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนมหาวิทยาลัยก่อน และบริษัทเอกชนจะได้รับการสนับสนุนในลำดับถัดไป
  • Franchising Model:
    • คำถาม: การทำ Franchising ในฟิลิปปินส์และมองโกเลียจะเริ่มมีรายได้เมื่อไหร่? และมีประเทศที่จะทำเพิ่มในไปป์ไลน์อะไรบ้าง?
    • คำตอบ: รายได้จาก Consulting Fee มีเข้ามาแล้วบางส่วน รายได้ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องคือ Patent Fee 5% และ Royalty Fee 1% โดยคาดว่าจะเริ่มมีรายได้จากฟิลิปปินส์ในปี 2570 และมองโกเลียในปีถัดไป ส่วนประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในไปป์ไลน์คือ อินโดนีเซีย ไนจีเรีย และอื่นๆ โดยตั้งเป้าเพิ่ม Franchising ใหม่ 1 ประเทศต่อปี
  • ข้อจำกัดทางกฎหมาย:
    • คำถาม: หากประเทศอื่นมีกฎหมายกีดกันต่างชาติเหมือนไทย MEDEZE จะยังทำ Franchising Model เหมือนเดิมหรือไม่?
    • คำตอบ: บริษัทไม่ได้เข้าไปถือหุ้นใหญ่ใน Franchising แต่เข้าไปให้ความรู้และ Knowledge โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงเป็นคนในประเทศนั้นๆ ทำให้ไม่เข้าข่ายการกระทบความมั่นคงของชาติ

สรุป: MEDEZE กำลังเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจ แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตในระยะยาวด้วยการพัฒนา ATMP ขยายตลาด Franchising และลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้าน Biotech ในภูมิภาคเอเชีย