สรุป OPPDAY หุ้น LHK
Oppday
สรุป OPPDAY
แน่นอนครับ นี่คือสรุปผลการดำเนินงานและประเด็นสำคัญจากงาน Oppday ของ LHK ประจำปี 2568 ไตรมาส 2 ครับ
LHK เผยผลประกอบการ Q2/2568: กลยุทธ์ปรับตัวรับตลาดผันผวน พร้อมลุย New S-Curve
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มบริษัท LHK ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 มียอดขายรวม 1,215 ล้านบาท ลดลง 9.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจาก:
- น้ำหนักขายที่ลดลงของทั้งกลุ่ม
- ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยและตลาดโลก
- ราคาตลาดสแตนเลสที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถปรับตัวได้ดีขึ้น โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.66% สูงขึ้น 1.67% จากปีก่อนหน้า เนื่องมาจากการ:
- ใช้กลยุทธ์ Sourcing ที่หลากหลาย (Multi-Supplier) เพื่อลดต้นทุนวัตถุดิบ
- ควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่อง (Cost Reduction)
กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 50.1 ล้านบาท ลดลง 2.2 ล้านบาทจากปีก่อน แต่เปอร์เซ็นต์กำไรสุทธิต่อรายได้รวมยังคงสูงขึ้นกว่าปีก่อนที่ 4.1%
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาด New S-Curve โดยเฉพาะกลุ่ม Data Center ที่มีการใช้สแตนเลสใน Hard Disk Drive จำนวนมาก รวมถึงกลุ่มเครื่องชาร์จรถ EV (Charger) ที่มีการใช้ EG (Electrogalvanized Steel) หรือ เหล็กชุบสังกะสี ค่อนข้างเยอะ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่ม Mass มากขึ้น โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการและราคาของตลาดกลุ่มนี้
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงจาก:
- ความผันผวนของราคาวัตถุดิบหลัก
- การแข่งขันที่สูงในตลาด
- กำลังซื้อภายในประเทศที่ยังอ่อนตัว
- ความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ โดยเฉพาะกลุ่ม SME และเกษตรกร
การเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ของ LHK ในระยะยาว
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
บริษัทมีวิธีการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบดังนี้:
- เน้น Customer-Centric โดยการพูดคุยกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์และความต้องการ
- บริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบโดยใช้ Multi-Supplier และควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่อง
- รักษาสมดุลระหว่างการลงทุนเพื่อขยายกิจการ การจ่ายเงินปันผล และการลดภาระหนี้สิน
- ให้ความสำคัญกับ ESG เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
บริษัทมองว่าในระยะสั้น (5 ปี) รถยนต์สันดาปภายใน (ICE) จะยังคงมีความสำคัญอยู่ ควบคู่ไปกับรถยนต์ Hybrid และ Plug-in Hybrid อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวและคว้าโอกาสในตลาด EV และ New S-Curve
บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์เหล็กและโลหะ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพ นวัตกรรม และความยั่งยืน
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 32.59]
- กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบ
- คำถาม: ในสภาวะที่ราคาวัตถุดิบมีความผันผวนสูง LHK มีกลยุทธ์ในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบและการจัดการสินค้าคงคลังอย่างไร เพื่อรักษากำไรขั้นต้น?
- คำตอบ: LHK ปรับตัวโดยเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric), พูดคุยกับลูกค้าเพื่อเข้าใจสถานการณ์, สนับสนุนลูกค้าด้วยโครงการใหม่ๆ, รักษาปริมาณการสั่งซื้อที่สม่ำเสมอ, บริหารจัดการต้นทุน (Cost Management) โดยนำเข้าวัตถุดิบในจำนวนที่เหมาะสมเพื่อเฉลี่ยต้นทุนและต่อรองราคา รวมถึงผลิตสินค้าให้เต็มที่เพื่อรักษาระดับสินค้าคงคลังและลดต้นทุนต่อหน่วย
- แผนการลงทุนและขยายธุรกิจไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีกำไรสูงหรืออุตสาหกรรมใหม่ๆ
- คำถาม: นอกเหนือจากธุรกิจเหล็กกล้าไร้สนิม LHK มีแผนการลงทุนหรือขยายธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรที่สูงขึ้น (Higher Margin) หรือกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าอย่างไร?
- คำตอบ: LHK มองหาโอกาสในตลาดที่มีการแข่งขันสูงโดยเพิ่ม Value Added ในผลิตภัณฑ์ เช่น ท่อไอเสียรถยนต์ที่มีการดัดแปลงตามความต้องการลูกค้า และลดต้นทุน (Cost Focus) เพื่อเพิ่มกำไรโดยไม่ต้องขึ้นราคา นอกจากนี้ LHK ยังมองหาอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น กลุ่ม Data Center และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับรถ EV (เครื่องชาร์จ) รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์เดิมในกลุ่ม Mass โดยการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดกลุ่มนี้
- ผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการเตรียมพร้อมของบริษัท
- คำถาม: การเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ EV จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ของ LHK อย่างไร และบริษัทได้เตรียมความพร้อมในการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์หรือมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในห่วงโซ่อุปทานของ EV อย่างไร?
- คำตอบ: ในระยะสั้น (5 ปี) LHK ยังไม่เห็นผลกระทบมากนัก เนื่องจากรถยนต์ ICE (เครื่องยนต์สันดาปภายใน) ยังคงมีความสำคัญ แต่บริษัทก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและมองหาโอกาสในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ EV เช่น กลุ่ม EG ที่ใช้ในเครื่องชาร์จไฟฟ้า และศึกษาการนำ Smart Grid มาใช้ในบริษัทเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และพร้อมให้ข้อมูล Carbon Credit แก่ลูกค้าที่ส่งออกไปยังตลาดยุโรป
- นโยบายการจัดสรรเงินทุน (Capital Allocation)
- คำถาม: บริษัทมีนโยบายในการจัดสรรเงินทุนระหว่างการลงทุนเพื่อขยายกิจการ (CAPEX), การจ่ายเงินปันผล (Dividend), และการลดภาระหนี้สินอย่างไร เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว?
- คำตอบ: LHK จัดสรรงบประมาณ CAPEX สำหรับการบำรุงรักษาเครื่องจักร และลงทุนในด้าน Digital เช่น โปรแกรม ERP และ Data Analytics เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน บริษัทจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอหากไม่มีโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และไม่มีภาระหนี้สินระยะยาว โดยหนี้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้สินระยะสั้น (TR) ที่ใช้หมุนเวียนในธุรกิจ
- ธุรกิจหรือบริษัทย่อยที่ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน (Break Even) หรือขาดทุน
- คำถาม: บริษัทมีธุรกิจหรือบริษัทย่อยใดที่ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนหรือยังขาดทุนอยู่หรือไม่ และหากมี บริษัทมีกรอบเวลาหรือแผนงานในการปรับปรุงการดำเนินงานของธุรกิจกลุ่มดังกล่าวให้กลับมามีกำไรอย่างไร?
- คำตอบ: ปัจจุบัน LHK มีบริษัทร่วมและบริษัทย่อย 2 แห่งที่ไม่ได้ดำเนินงานแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการปิดบริษัท ซึ่งอาจมีผลขาดทุนเล็กน้อยเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ แต่บริษัทคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีหน้า นอกจากนี้ บริษัทไม่มีธุรกิจอื่นที่ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน
- การวัดผลและตั้งเป้าหมายด้านการดำเนินงานที่สอดคล้องกับหลักการ ESG
- คำถาม: LHK มีการวัดผลหรือตั้งเป้าหมายด้านการดำเนินงานที่สอดคล้องกับหลักการ ESG อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบริษัทมองว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในระยะยาวอย่างไร?
- คำตอบ: LHK ให้ความสำคัญกับ ESG และมีแผนระยะยาวที่สอดคล้องกับหลักการนี้ บริษัทเริ่มใส่ปัจจัย ESG ในรายงานประจำปี (One Report) มีการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง และร่วมมือกับ กฟผ. ในการนำ Smart Grid มาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ บริษัทเตรียมพร้อมที่จะให้ข้อมูล Carbon Credit แก่ลูกค้า และมองว่า ESG เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
โดยสรุป, LHK เผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่ผันผวน แต่ยังคงสามารถปรับตัวและรักษาระดับกำไรได้ดี บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดใหม่ และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและความยั่งยืน เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว