สรุปด้วย AI(O) BOT

## บทสรุปผลประกอบการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH) ปี 2567

บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH) รายงานผลประกอบการปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยมีกำไรสุทธิ 5,490.58 ล้านบาท ลดลง 26.62% เมื่อเทียบกับ 7,481.89 ล้านบาทในปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอยู่ที่ 16,099.53 ล้านบาท ลดลง 15.11% จาก 18,965.54 ล้านบาทในปี 2566 อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายลดลงจาก 27.91% เป็น 24.94% ส่งผลให้กำไรขั้นต้นลดลง 1,277.79 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทฯ จะมีกำไรจากการขายทรัพย์สินให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ (LHHOTEL) จำนวน 1,972.81 ล้านบาท จากการขายศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา แต่ก็ไม่สามารถชดเชยการลดลงของรายได้จากการขายบ้านได้ทั้งหมด อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นจากรายได้ค่าเช่าและบริการก็ลดลงจาก 37.94% เป็น 33.7% เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นจากการเช่าโรงแรมกลับคืนมาหลังจากการขายให้ LHHOTEL ถึงกระนั้น บริษัทฯ ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก LHHOTEL เพิ่มขึ้น 204.46 ล้านบาท ในขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมอื่น ๆ เช่น บมจ. ควอลิตี้ คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ และ บมจ. ควอลิตี้เฮ้าส์ ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 231.67 ล้านบาท เนื่องจากการใช้จ่ายด้านนายหน้าและค่าการตลาดที่มากขึ้นในธุรกิจให้เช่าและบริการ และค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้น 531.78 ล้านบาท จากการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 161.26 ล้านบาท

สำหรับแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต LH ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ปรากฏ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยประเภทต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดใหญ่ ๆ ในภูมิภาคต่าง ๆ นอกจากนี้ การขายทรัพย์สินเข้ากอง REITs อย่าง LHHOTEL ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการเพิ่มสภาพคล่องและปลดล็อกมูลค่าของสินทรัพย์ ในส่วนของ Outlook แม้ว่าผลประกอบการปี 2567 จะลดลง แต่การที่บริษัทยังคงมีกำไรและมีรายได้ที่มั่นคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ LH อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงความผันผวนของเศรษฐกิจ อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในอนาคตได้

การพิจารณาว่า LH เป็นโอกาสในการลงทุนหรือไม่นั้น จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้านประกอบกัน แม้ว่าราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 จะอยู่ที่ 5.57 บาท ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และมี P/E ratio ที่ 8.49 และ Yield ที่ 11.01% ซึ่งอาจดึงดูดนักลงทุนที่เน้นเงินปันผล แต่การที่กำไรสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 อาจเป็นสัญญาณเตือนที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ อัตราส่วน D/E ยังไม่ได้แสดงในข้อมูล ดังนั้นการที่อัตราส่วน D/E แสดงค่า 1.78 มาโดยตลอดอาจจะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งแสดงถึงการใช้เงินทุนจากการกู้ยืมค่อนข้างมาก และยังไม่สามารถวิเคราะห์วงจรเงินสดที่แน่นอนได้

**โอกาส:**

* **การเติบโตของเมือง:** การขยายตัวของเมืองและการเพิ่มขึ้นของประชากรในเขตเมืองยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนความต้องการที่อยู่อาศัย
* **ความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ:** LH มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยที่มีคุณภาพ ซึ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลากหลายระดับราคา
* **การลงทุนใน REITs:** การขายทรัพย์สินเข้ากอง REITs ช่วยให้ LH สามารถปลดล็อกมูลค่าของสินทรัพย์และเพิ่มสภาพคล่อง

**ความเสี่ยง:**

* **การแข่งขันที่รุนแรง:** ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันที่สูง ผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
* **ความผันผวนของเศรษฐกิจ:** ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค
* **อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น:** อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจทำให้ต้นทุนทางการเงินของ LH เพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบต่อกำไร

**ข้อมูลการเงินเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์:**

* **ลักษณะธุรกิจ:** พัฒนาโครงการที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารชุดพักอาศัย
* **กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย:** กลุ่มลูกค้าตามระดับความต้องการของลูกค้าในแต่ละระดับราคา
* **พื้นที่พัฒนาโครงการ:** กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และจังหวัดใหญ่ ๆ

โดยสรุป การตัดสินใจลงทุนใน LH ควรพิจารณาจากความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเป้าหมายการลงทุนของแต่ละบุคคล การวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการติดตามผลประกอบการของ LH อย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญก่อนการตัดสินใจลงทุน