6/62

เดือนนี้ / เดือนก่อน

530/134

ปีนี้ / ปีก่อน

  • kaohoon

    CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,270-1,285 จุด ชูหุ้นเด่น KTB-BCH 04/12/68

    ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ธนาคารกรุงไทยมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน และตั้งเป้าที่จะรักษาอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ในระดับสองหลักในอีกสามปีข้างหน้า (Take profit : 29.50 / Stop loss : 27.75) บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH คาดการณ์รายได้เติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนในปี 2569 ท่ามกลางภาวะการกลับมาของผู้ป่วยจากตะวันออกกลางที่ชะลอตัว ด้วยรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะจากตะวันออกกลางและกัมพูชาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 เชื่อว่า Downside risks เริ่มจำกัด (Take profit : 10.60 / Stop loss : 10.10)

  • thunhoon

    KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 04/12/68

    #ทันหุ้น – ทันหุ้น – นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.90 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.92 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน หลังจากแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงวันก่อนหน้า (แกว่งตัวในกรอบ 31.85-31.94 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้ระดับ 31.85 บาทต่อดอลลาร์ (ซึ่งเป็นระดับคาดการณ์ ณ สิ้นปีนี้ ที่เราประเมินไว้ล่าสุด) ตามการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ออกมาแย่กว่าคาด โดยเฉพาะ ยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ในเดือนพฤศจิกายน ลดลง 3.2 หมื่นราย แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5 พันราย ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ และยังคงเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด จะช่วยหนุนราคาทองคำ (XAUUSD) บ้าง แต่ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวมก็กดดันราคาทองคำ ทำให้ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถวโซน 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่าเฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ จากรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ที่ออกมาแย่กว่าคาดไปมาก ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับถูกกดดันโดยการปรับตัวลดลงของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Microsoft -2.5% และ Nvidia -1.0% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.30% แต่ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้นเพียง +0.17%

  • thunhoon

    KTB ประเมินค่าเงินบาท 03/12/68

    #ทันหุ้น – นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.04 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน แถวโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 31.98-32.09 บาทต่อดอลลาร์) แม้จะมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง เข้าใกล้โซน 32.10 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการปรับตัวลงของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่เผชิญแรงขายทำกำไรจากผู้เล่นในตลาด หลังตลาดการเงินโดยรวมกลับมาเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง จากความหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจ (Fully Priced-In) ว่าเฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ย 25bps ได้ ซึ่งมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดยังได้กดดันให้ เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงอีกครั้ง และพอช่วยพยุงราคาทองคำให้สามารถแกว่งตัวแถวโซน 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น จากความหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งหนุนให้บรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ ธีม AI/Semiconductor รีบาวด์สูงขึ้นบ้าง จากที่ปรับตัวลงในวันก่อนหน้า นำโดย Apple +1.1%, Nvidia +0.9% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญแรงกดดันบ้าง ตามการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่ม Healthcare และกลุ่มพลังงาน เป็นต้น ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.25% แต่ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.59%

  • thunhoon

    หุ้นไทยวันนี้(2 ธ.ค.) บวก 1.01 จุด ซื้อ KTB-BBL-BANPU หนุนตลาด 02/12/68

    #ทันหุ้น-ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้(2 ธ.ค.2568) ปิดที่ 1,277.58 จุด บวก 1.01 จุด หรือ 0.08% มีมูลค่าการซื้อขาย 32,540.19 ล้านบาท ภาวะการซื้อขายภาคบ่ายดัชนีแกว่งตัวอยู่ในกรอบที่จำกัด โดยตลาดรอดูการประชุมเฟดภายในเดือนนี้ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่ ขณะที่มหาลัยหอการค้าไทย ได้ปรับลดจีดีพีของไทยปี 2568 เหลือโต 1.9% จากเดิมคาดที่ 2% เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมในภาคใต้ โดยช่วงบ่ายวันนี้หุ้นขนาดใหญ่หลายตัวราคาปรับขึ้นลงไม่มาก โดยหุ้นที่ปรับขึ้นส่วนใหญ่เป็นหุ้นแบงก์เหมือนกับภาคเช้า ได้แก่หุ้น BBL, KTB และ KBANK ขณะเดียวกันหุ้น BANPU ราคายังปรับตัวขึ้นโดดเด่น บวก 4.66% ขณะที่หุ้นที่ปรับตัวลงได้แก่หุ้น DELTA,ADVANC และ PTTEP

  • thunhoon

    KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 02/12/68

    #ทันหุ้น – นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.02 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.97 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) อ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่โดยรวมยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน (แกว่งตัวในกรอบ 31.90-32.04 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง (จากโซน 154.60 เยนต่อดอลลาร์ กลับไปยังระดับ 155.50 เยนต่อดอลลาร์) จากที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงวันก่อนหน้า จากการปรับเพิ่มความคาดหวังของผู้เล่นในตลาด โดยปัจจัยกระตุ้นการอ่อนค่าของเงินเยนญี่ปุ่นนั้นมาจากการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด อีกทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีจังหวะทยอยปรับตัวสูงขึ้นบ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มปรับสถานะถือครองก่อนรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด โดยเฉพาะการประชุม FOMC เฟดในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ได้ นอกจากนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมบ้าง จากการทยอยย่อตัวลงของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงวันก่อนหน้า ทว่าภาวะระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาดยังพอช่วยพยุงราคาทองคำให้สามารถทรงตัวเหนือโซน 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ อย่างเงินเยนญี่ปุ่นเพิ่มเติมในช่วงนี้ ทำให้เงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ชัดเจน บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น ตามการปรับสถานะถือครองก่อนรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด โดยเฉพาะในการประชุม FOMC เดือนธันวาคมนี้ได้ โดยผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ ธีม AI/Semiconductor ออกมาบ้าง อาทิ Broadcom -4.2%, Alphabet -1.7% ขณะที่การรีบาวด์ขึ้นของ Nvidia +1.7% ก็พอช่วยประคองตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.53%

  • thunhoon

    KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 01/12/68

    #ทันหุ้น – นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.09 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.21 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Down เข้าใกล้โซนแนวรับ 32.00-32.10 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.03-32.22 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการทยอยอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับจังหวะการรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อมั่นว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุม FOMC เดือนธันวาคมนี้ นอกจากนี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ก็ลดความต้องการถือครองเงินดอลลาร์ลง อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง โดยเฉพาะในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น จากผลการประชุมกลุ่ม OPEC+ ที่ระงับแผนการเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาสแรกของปี 2026 ลดความกังวลของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ส่วนเงินหยวนจีน (CNY) ก็มีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง จากรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ ในเดือนพฤศจิกายน ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 50 จุด (สะท้อนถึงภาวะหดตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตและภาคการบริการ) แย่กว่าที่ตลาดคาด สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง ตามการปรับเพิ่มความคาดหวังของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดและข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่แย่กว่าคาด

  • thunhoon

    KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 28/11/68

    #ทันหุ้น -นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.22 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.24 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.20-32.26 บาทต่อดอลลาร์) ท่ามกลางปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดการเงินที่เบาบางลงจากปกติ เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดเทศกาล Thanksgiving ในฝั่งสหรัฐฯ โดยการเคลื่อนไหวของบรรดาสกุลเงินหลักยังคงสอดคล้องกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ได้ (โอกาสยังคงอยู่แถว 83%) ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของตลาดการเงินฝั่งเอเชีย เงินบาทพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าบ้าง ตามการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ทว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทยังคงเป็นไปอย่างจำกัดในช่วงนี้ ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์และการปรับสถานะถือครอง ช่วงปลายเดือนของผู้เล่นในตลาด แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการเนื่องในวันหยุดเทศกาล Thanksgiving แต่ความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟดยังคงเป็นปัจจัยช่วยหนุนบรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ สะท้อนจากสัญญาฟิวเจอร์สของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นราว +0.20%

  • thunhoon

    กรุงศรี ส่อง 3 หุ้นปัจจัยพื้นฐานเด่น KTB-GULF-GLOBAL 27/11/68

    #ทันหุ้น-บล.กรุงศรี แนะนำหุ้นพื้นฐานเด่นในวันนี้ได้แก่หุ้น KTB, GULF และ GLOBAL โดยประเมินแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาส 4/68 พร้อมทั้ง Catalyst และราคาเป้าหมายในหุ้นแต่ละตัว หุ้น KTB ราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 30 บาท -คาดกำไรสุทธิปี 2568-2569 อยู่ที่ 4.85 และ 4.70 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เพราะรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย(Non-NII)ดีกว่าคาด ขณะที่ปรับกำไรสุทธิปี 2570อยู่ที่ 4.66 หมื่นล้านบาท

  • kaohoon

    “กรภัทร” ชี้น้ำท่วมใต้กระทบ GDP เล็กน้อย–ลุ้นฟันด์โฟลว์ไหลเข้า ชูหุ้น KTB–GULF–GLOBAL 27/11/68

    นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ว่า ตลาดหุ้นหลักในภูมิภาคยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเชิงบวก บรรยากาศการลงทุนโดยรวมมีความสดใส แม้ว่าตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศอาเซียนจะเคลื่อนไหวสวนทาง โดยดัชนีหลายประเทศปรับตัวลงอยู่ในแดนลบ ซึ่งประเมินว่าเป็นผลจากปัจจัยเชิงโครงสร้างและปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังต้องได้รับการแก้ไขเชิงลึก สำหรับตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ KSS ระบุว่า อินโดนีเซียยังคงเป็นตลาดที่โดดเด่น แม้จะมีการพักตัวบางช่วง แต่ดัชนียังคงทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง (All time high) จากแรงสนับสนุนนโยบายภาครัฐ ขณะที่ฟิลิปปินส์ยังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจคล้ายกับไทย และหลังจากดัชนีปรับขึ้นต่อเนื่องราว 2 สัปดาห์ เริ่มมีการพักฐานตามภาวะตลาดปกติ ด้านประเทศไทย KSS ประเมินว่า เหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาและอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งมีสัดส่วนเศรษฐกิจรวมราว 1.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปี 2568 ให้ต่ำกว่าคาด โดยในกรณีฐานที่ระยะเวลาฟื้นฟูอยู่ที่ 25 วัน ความเสียหายจะอยู่ที่ประมาณ 19,700 ล้านบาท ขณะที่กรณีรุนแรงที่ใช้เวลา 30 วัน ความเสียหายอาจแตะ 24,000 ล้านบาท ซึ่งอาจทำให้ GDP หายไปราว 0.25–0.5%

  • thunhoon

    KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 27/11/68

    #ทันหุ้น – นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.22 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.20-32.27 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าเงินดอลลาร์จะทยอยอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลักเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในฝั่งเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หลังผู้เล่นในตลาดไม่ได้กังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลอังกฤษ จากการประกาศแผนงบประมาณล่าสุด ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็พอได้รับอานิสงส์จากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มกลับมาปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในเดือนธันวาคมนี้ แต่การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงบ้างตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) รวมถึง รายงานผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) ที่ไม่ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอย่างมีนัยสำคัญ โดยผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินโอกาสราว 82% ที่เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ โดยเงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันบ้าง จากแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะโฟลว์ธุรกรรมในช่วงปลายเดือน รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง ทองคำและน้ำมันดิบ ทำให้เงินบาทยังคงไม่สามารถแข็งค่าขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ต่างเชื่อว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ยังคงช่วยหนุนบรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่อง สะท้อนผ่านการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่ม AI/Semiconductor อย่าง Microsoft +1.8% ส่งผลให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.69% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.82%