13/62

เดือนนี้ / เดือนก่อน

537/134

ปีนี้ / ปีก่อน

  • kaohoon

    CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,240-1,265 จุด ชูหุ้นเด่น KTB-BCH 12/12/68

    ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน และ ตั้งเป้าที่จะรักษาอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ในระดับสองหลักในอีกสามปีข้างหน้า (Take profit : 29.00 / Stop loss : 27.50) บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH คาดการณ์รายได้เติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนในปี 2026 ท่ามกลางภาวะการกลับมาของผู้ป่วยจากตะวันออกกลางที่ชะลอตัว ด้วยรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะจากตะวันออกกลางและกัมพูชาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 เชื่อว่า Downside risks เริ่มจำกัด (Take profit : 10.50 / Stop loss : 9.85)

  • thunhoon

    KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 12/12/68

    #ทันหุ้น – นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.63 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดของวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.77 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 31.60-31.87 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดต่างยังคงมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปี 2026 มากกว่าที่เฟดระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่ได้อานิสงส์จากทั้งการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และความต้องการถือครองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ เริ่มเผชิญความไม่แน่นอน จากประเด็นความกังวลต่อผลประกอบการของหุ้นธีม AI รายใหญ่ อย่าง Oracle -10.8% ซึ่งส่งผลกดดันให้ บรรดาหุ้นธีม AI ต่างปรับตัวลดลง บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังพอได้แรงหนุนจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่มั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ถูกกดดันจากความกังวลแนวโน้มผลประกอบการของหุ้น AI ใหญ่ อย่าง Oracle -10.8% ซึ่งกดดันให้บรรดาหุ้นธีม AI ต่างปรับตัวลดลง ส่งผลโดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.21% แต่ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลดลง -0.25%

  • thunhoon

    KTB บล.ฟินันเซีย ไซรัส หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ “ซื้อ” เป้า 29 บาท 11/12/68

    Fund Flow 2 วันที่ผ่านมาเงินทุนต่างชาติผสมผสาน ไหลออกวันอังคาร และไหลเข้าพุธ รวมสุทธิไหลเข้าภูมิภาค US$491 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ ขณะที่อาเซียน เงินไหลเข้าไทย US$29 ล้าน แต่ไหลออกจากประเทศอื่นเกือบทั้งหมดสูงสุดที่เวียดนาม US$107 ล้าน แนวโน้มคาดว่าเงินทุนจะไหลเข้าต่อ หลัง Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯ อ่อนตัว หนุนค่าเงินเอเชียแข็งขึ้น ตัวเลขที่ต้องติดตาม– นักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ 49 (1–7 ธ.ค.) รวม 669,991 คน เฉลี่ย 9.57 หมื่นคน/วัน เพิ่ม %5 w-w ลด %4 y-y โดยจีนเพิ่มขึ้น 4% w-w ส่วน Non-Chinese เพิ่ม 6% w-w คาดไฮซีซันหนุนตัวเลขสัปดาห์ถัดไป– คาดนักท่องเที่ยวปี 2025 รวม 33 ล้านคน (-7% y-y) KTCกำไรสุทธิปี 2026 คาด +2.1% y-y จากค่าใช้จ่ายต่อรายได้สูงขึ้นและสินเชื่อโต 2.8% แต่ต้นทุนความเสี่ยงลดเหลือ 5.4–5.7% และ NPL ต่ำกว่า 2% ในปี 2025–27 มี Upside จาก Payout ที่อาจเพิ่มจาก 45% เป็น 50–60% ซึ่งจะทำให้ Dividend Yield อยู่ที่ 5.3–6.4% จากฐาน 4.8% ราคาเป้าหมาย 35 บาท แนะนำ “ซื้อ”

  • thunhoon

    KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 11/12/68

    #ทันหุ้น – นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.73 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดของวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.82 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา (วันที่ 10 ธันวาคม เป็นวันหยุดทำการของตลาดการเงินไทย) เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางในกรอบ Sideways ก่อนที่จะผันผวนสูงขึ้น และทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด และถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในช่วง Press Conference (แกว่งตัวในกรอบ 31.72-31.87 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง หลังเฟดมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ ลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 3.50-3.75% ตามที่ตลาดคาด ทว่า คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด สะท้อนมุมมองของเฟดที่มีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้น (เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในปี 2026 จาก 1.8% เป็น 2.3%) อีกทั้ง คาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยใหม่ของเฟด (Dot Plot) ก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมในส่วนของค่ากลาง (Median) ทำให้ผู้เล่นในตลาดมีความกังวลต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ทำให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีจังหวะปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำ (XAUUSD) และเงินบาท ก่อนที่สุดท้ายในช่วง Press Conference ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาประเมินว่า เฟดยังมีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม แม้อาจจะค่อยเป็นค่อยไป (ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้ง ในปีหน้า แต่ Dot Plot ยังสะท้อนว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง) ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาย่อตัวลงอีกครั้ง หนุนให้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สูงกว่าระดับก่อนรับรู้ผลการประชุม FOMC ส่วนเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นตามเช่นกัน บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทยอยเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดยังคงทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า เฟดยังมีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้าง และหนุนการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ส่วนใหญ่ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.67%

  • hoonsmart

    หุ้นวันนี้เตือนระวังลงทุน เชียร์ KTB เป้า 30 บาท 09/12/68

    HoonSmart.com>>บล.ลิเบอเรเตอร์คาด SET วันนี้ “Sideways” ในกรอบ 1250-1270 จุด แม้ดอกเบี้ยสหรัฐฯเดือนธ.ค. มีโอกาสลด แต่ทิศทางดอกเบี้ยปีหน้ายังไม่แน่นอน เป็นปัจจัยเพิ่มแรงกดดันสั้น ผสานมาตรการกระตุ้นการออมในประเทศน่าผิดหวัง จึงแนะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยกลยุทธ์ยังเน้นกลุ่มที่จ่ายปันผลสูง โดยสำหรับวันนี้แนะนำ “KTB” ให้ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 30 บาท เมื่อวานนี้ ครม.เศรษฐกิจ เคาะมาตรการกระตุ้นการออมและความมั่นคงทางการเงินของประชาชน ผ่านการเปิดบัญชี TISA ซึ่งจะมีวงเงินรวมลดหย่อนภาษีทั้งสิ้น 800,000 บาท โดยสิทธิลดหย่อนสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อปีจะลดหย่อนได้ 1.3 ของเงินลงทุน ส่วนผู้ที่มีรายได้เกินกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปี จะลดหย่อนได้เพียง 0.7เท่า โดยมุมมองของเรามองว่ารัฐฯพยายามจะเน้นกระตุ้นการออมของกลุ่มผู้มีรายได้กลาง-ต่ำมากขึ้นผ่านแรงจูงใจตัวคูณ 1.3 เท่า แต่ในเชิงกลับกันการที่ลดตัวคูณในกลุ่มผู้มีรายได้มากกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปี เหลือเพียง 0.7 เท่า นั้น จะทำให้กลุ่มหลักที่จ่ายภาษีมีแรงจูงใจในการออมที่น้อยลง จึงทำให้ตลาดอาจผิดหวังต่อประเด็นนี้ สะท้อนแรงขายที่ชัดเจนของSET เมื่อวาน ดังนั้นคงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ส่วนคำแนะนำซื้อหุ้น KTB คาดแนวโน้มผลประกอบการยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้จะเผชิญกับแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง โดยธนาคารมีการกัน สำรองหนี้เสียในระดับสูง และพอร์ตสินเชื่อมีความเสี่ยงที่ต่ำ จึงคาดว่า Credit cost ที่ต่ำลงจะช่วยชดเชยกับ NIM ที่ลดลงได้ ปัจจุบันเทรดเพียง PBV 0.8 เท่า และคาดอัตราการจ่ายปันผล 6% ต่อปี

  • mitihoon

    SET เช้านี้ดัชนีแกว่งไซด์เวย์ คาดกรอบ 1,260-1,295 จุด 08/12/68

    มิติหุ้น – ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (8 ธ.ค. 68) คาดดัชนี SET แกว่งไซด์เวย์ติดตามมาตรการส่งเสริมการออม (ISA) จะมีรายละเอียดที่น่าสนใจมากพอและดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้าตลาดเพียงใด รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ร้อนแรงอีกครั้ง ส่วนปัจจัยต่างประเทศ Core PCE สหรัฐที่เริ่มชะลอตัวหนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยง่ายขึ้น แต่สัญญาณลดดอกเบี้ยปีหน้า ยังเป็นสิ่งที่ตลาดสนใจ ทางเทคนิคตลาดยังไม่ยืนเหนือ 1275-1278 จุด ต้องยืนเหนือได้จึงจะแกว่งตัวขึ้นรอบใหม่ หากยืนไม่ได้ยังไซด์เวย์ที่แนวรับ 1265/1260 จุด และแนวต้าน 1285/1295 จุด ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

  • thunhoon

    KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 08/12/68

    #ทันหุ้น – นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.94 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.03 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันพฤหัสฯ สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และมีจังหวะแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 31.80 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันหยุดของตลาดการเงินไทย (แกว่งตัวในกรอบ 31.81-32.08 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับจังหวะการอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังผู้เล่นในตลาดยังคงมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุม FOMC เดือนธันวาคมนี้ (โอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดเกิน 90%) อย่างไรก็ดี ในช่วงคืนวันศุกร์ 5 ธันวาคม การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ถูกชะลอลงและเงินบาทเริ่มทยอยอ่อนค่าลงบ้าง หลังราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวลดลง ท่ามกลางแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด หลังตลาดการเงินสหรัฐฯ โดยรวมยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดก็อาจต้องการปรับสถานะถือครองบ้าง ก่อนที่จะรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด นอกจากนี้ เงินบาทยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมน้ำมัน หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางประเด็นความไม่แน่นอนของปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจกระทบต่อแนวโน้มอุปทานน้ำมันจากทั้งฝั่งรัสเซีย และเวเนซุเอลา สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงเพิ่มเติม หลังผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุม FOMC เดือนธันวาคมนี้

  • kaohoon

    CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,270-1,285 จุด ชูหุ้นเด่น KTB-BCH 04/12/68

    ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ธนาคารกรุงไทยมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน และตั้งเป้าที่จะรักษาอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ในระดับสองหลักในอีกสามปีข้างหน้า (Take profit : 29.50 / Stop loss : 27.75) บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH คาดการณ์รายได้เติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนในปี 2569 ท่ามกลางภาวะการกลับมาของผู้ป่วยจากตะวันออกกลางที่ชะลอตัว ด้วยรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะจากตะวันออกกลางและกัมพูชาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 เชื่อว่า Downside risks เริ่มจำกัด (Take profit : 10.60 / Stop loss : 10.10)

  • thunhoon

    KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้ 04/12/68

    #ทันหุ้น – ทันหุ้น – นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.90 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.92 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน หลังจากแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงวันก่อนหน้า (แกว่งตัวในกรอบ 31.85-31.94 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้ระดับ 31.85 บาทต่อดอลลาร์ (ซึ่งเป็นระดับคาดการณ์ ณ สิ้นปีนี้ ที่เราประเมินไว้ล่าสุด) ตามการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ออกมาแย่กว่าคาด โดยเฉพาะ ยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ในเดือนพฤศจิกายน ลดลง 3.2 หมื่นราย แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5 พันราย ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ และยังคงเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด จะช่วยหนุนราคาทองคำ (XAUUSD) บ้าง แต่ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวมก็กดดันราคาทองคำ ทำให้ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถวโซน 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่าเฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ จากรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ที่ออกมาแย่กว่าคาดไปมาก ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับถูกกดดันโดยการปรับตัวลดลงของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Microsoft -2.5% และ Nvidia -1.0% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.30% แต่ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้นเพียง +0.17%

  • thunhoon

    KTB ประเมินค่าเงินบาท 03/12/68

    #ทันหุ้น – นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.04 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน แถวโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 31.98-32.09 บาทต่อดอลลาร์) แม้จะมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง เข้าใกล้โซน 32.10 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการปรับตัวลงของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่เผชิญแรงขายทำกำไรจากผู้เล่นในตลาด หลังตลาดการเงินโดยรวมกลับมาเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง จากความหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจ (Fully Priced-In) ว่าเฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ย 25bps ได้ ซึ่งมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดยังได้กดดันให้ เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงอีกครั้ง และพอช่วยพยุงราคาทองคำให้สามารถแกว่งตัวแถวโซน 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น จากความหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งหนุนให้บรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ ธีม AI/Semiconductor รีบาวด์สูงขึ้นบ้าง จากที่ปรับตัวลงในวันก่อนหน้า นำโดย Apple +1.1%, Nvidia +0.9% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญแรงกดดันบ้าง ตามการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่ม Healthcare และกลุ่มพลังงาน เป็นต้น ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.25% แต่ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.59%