สรุป OPPDAY หุ้น ITC
ITC
บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
Oppday
ไตรมาสที่ 3 ปี 2568
สรุป OPPDAY
ITC โชว์ผลงาน Q3/2568 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมเจาะลึกกลยุทธ์ดันยอดขายและรักษา Margin
ขอต้อนรับนักลงทุนทุกท่านเข้าสู่งาน Opportunity Day ของบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2568 โดยผู้บริหารได้นำเสนอข้อมูลของบริษัทอย่างละเอียด เริ่มต้นด้วยภาพรวมที่แสดงถึงการเติบโตที่แข็งแกร่ง แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากอัตราแลกเปลี่ยน
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
- การเติบโตของรายได้: รายได้เติบโต 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อนหน้าในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และ 6.4% เมื่อแปลงเป็นเงินบาท
- เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า: รายได้เติบโต 6.7% ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และ 5.5% ในสกุลเงินบาท
- ภาพรวม 9 เดือน: ยอดขายเติบโต 10% ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
- Premium Mix: Premium mix อยู่ในระดับ 55% ส่งผลให้ Gross Profit Margin อยู่ที่ 25.4%
- ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX): ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ
- Tariff Support: การให้ความช่วยเหลือลูกค้าในสหรัฐฯ เริ่มส่งผลกระทบต่อผลกำไรขาดทุนเล็กน้อย แต่เป็นการช่วยเหลือแบบชั่วคราว (ถึงปี 2568) และมีการคัดเลือกลูกค้า
- ตัวเลขสำคัญ: ยอดขาย 4,721 ล้านบาทในไตรมาส 3 โดยอเมริกาเป็น "ฮีโร่" และยุโรปเริ่มเติบโตตามมา
- Operating Profit: อยู่ที่ 728 ล้านบาท
- Adjusted Net Profit: อยู่ที่ 927 ล้านบาท
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
- ตลาด Treat: บริษัทให้ความสนใจกับตลาด Treat เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสินค้าพรีเมียมที่มีความต้องการสูง
- งาน SuperZoo: งาน SuperZoo ในลาสเวกัสแสดงให้เห็นถึงความนิยมของ Treat ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม Functional/Wellness, Seasonality, และ Humanization
- แนวโน้มตลาด: ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง (หมาและแมว) มีแนวโน้มเติบโต 3-4% ต่อปีจนถึงปี 2573
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
- อัตราแลกเปลี่ยน: ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนยังคงเป็นความเสี่ยงที่ต้องบริหารจัดการ
- Tariff: ผลกระทบจากอัตราภาษีของทรัมป์ แม้จะมีการสนับสนุนลูกค้า แต่ก็ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
- Tailwind Program: โครงการ Tailwind ช่วยให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 14 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็น Commercial, Manufacturing, และ Procurement
- Hedging: บริษัทใช้เครื่องมือทางการเงิน (hedging) เพื่อบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
- กลยุทธ์ Premium Mix: มุ่งเน้นการขายสินค้าพรีเมียมเพื่อให้ได้ Margin ที่สูงขึ้น
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
- เป้าหมาย: บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 3-5% และ Gross Profit Margin ที่ 23-25% ในปี 2568
- แผนการลงทุน: กลับมาลงทุนในโครงการที่ชะลอไว้ โดยตั้งงบ Capex ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท
- Dividend Policy: ยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไร
- US Market: สัดส่วนรายได้จากอเมริกาเพิ่มเป็น 57%
- กลยุทธ์: เน้นการเติบโตผ่าน Innovation, New Product Development (NPD) และการขยายตลาดในภูมิภาคต่างๆ
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้นนาทีที่ 54:42
ในช่วงถาม-ตอบ ผู้บริหารได้ตอบคำถามจากนักลงทุนในประเด็นต่างๆ ดังนี้:
- Premium ที่ขายดีขึ้น:
- คำถาม: วิเคราะห์ตัว Premium ที่ขายได้ดีขึ้นจากสาเหตุอะไร พฤติกรรมผู้บริโภคเป็นอย่างไร เป็นปัจจัยระยะสั้นหรือระยะยาว?
- คำตอบ:
- New Product และ Innovation ที่วางแผนล่วงหน้า 18-24 เดือน
- Trend ในงาน SuperZoo: Functional/Wellness, Seasonality, Humanization
- ตลาดมีความต้องการสินค้า Treat และ Premium
- ผลประโยชน์ทางภาษีนำเข้า:
- คำถาม: การเลือกให้ Support กับลูกค้าในเรื่องภาษีนำเข้า มีวิธีการอย่างไร?
- คำตอบ:
- Temporary Support (ปี 2568 เท่านั้น)
- ไม่ได้ให้ทุกเจ้า แต่ละเจ้าได้รับการ Support ที่แตกต่างกัน
- พิจารณาจาก Size of Business, การเติบโตของลูกค้าแต่ละราย, และ Margin
- Effective Tax Rate:
- คำถาม: Effective Tax Rate จะยังคงอยู่ที่ 5-6% หรือไม่ จะเพิ่มเป็น 15% ตาม Global Minimum Tax หรือไม่?
- คำตอบ:
- Global Minimum Tax บังคับใช้ใน Level ประเทศ ไม่ใช่ Level บริษัท
- Effective Tax Rate ของบริษัทยังคง Maintain ใน Ratio ประมาณ 5-6%
- ค่าใช้จ่ายที่ปรึกษา Tailwind:
- คำถาม: ในไตรมาส 3 มีค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาโครงการ Tailwind เท่าไร และคาดว่าจะใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไร? ที่ปรึกษาเป็นบริษัทใด?
- คำตอบ:
- ไม่สามารถเปิดเผยชื่อบริษัทที่ปรึกษาได้
- ค่าใช้จ่ายจะ Uplift ในส่วนของ SG&A to Sales จาก 8% เป็น 10-11% ในช่วงที่โครงการ Active อยู่ (ปี 2567 ถึง Q1/2570)
- ปัจจัยกระทบต่อราคาปลาทูน่า:
- คำถาม: ในอดีต ปัจจัยใดส่งผลกระทบต่อราคาปลาทูน่ามากที่สุด?
- คำตอบ:
- ITC อาศัย Share Service จาก TU ในการจัดซื้อปลาทูน่า
- ต้นทุนแบ่งเป็น Fixed (ค่าคนงาน, Fishing License) และ Variable (ค่าน้ำมัน)
- ค่าน้ำมันเป็น Variable Cost หลัก
- โครงการ AS&S:
- คำถาม: ค่าเสื่อมราคาประจำปีที่คาดการณ์สำหรับสินค้า AS&S ที่ส่งขาเป็นเท่าไร และจะบันทึกเมื่อใด?
- คำตอบ: โครงการ AS&S ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดใช้ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
- การลงทุนระยะยาวขนาดใหญ่:
- คำถาม: จะมีการลงทุนระยะยาวขนาดใหญ่ในเร็วๆ นี้หรือไม่? พิจารณาจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ปัจจุบันยังต่ำอยู่?
- คำตอบ:
- อาจจะชะลอการลงทุนขนาดใหญ่ในการเพิ่มกำลังการผลิตใน 2-3 ปีข้างหน้า
- โรงงาน 2.2 เพิ่งเริ่มใช้กลางปีที่แล้ว กำลังการผลิตเพียงพอ
- หากมี Format/รูปแบบที่จำเป็นต้องเสริม จะลงทุนทันที
- การลงทุนในรูปแบบ M&A ก็เป็นข้อหนึ่งที่ให้ความสำคัญ
- การเติบโตผ่าน M&A:
- คำถาม: โครงการ Tailwind เน้นการเติบโตผ่าน M&A ใช่หรือไม่? และการคาดการณ์ M&A จะเกิดขึ้นเมื่อใด?
- คำตอบ:
- Tailwind เป็น Transformation Project เน้น Performance Improvement
- M&A เป็น Project ที่ไม่เกี่ยวกับ Tailwind ไม่ได้อยู่ใน Scope ของ Tailwind
- OEM อันดับ 1 ในเอเชีย:
- คำถาม: ใครคือผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบ OEM อันดับ 1 ในเอเชีย?
- คำตอบ:
- ถ้าเจาะจง OEM, ITC แข่งขันกับจีนโดยตรง
- ถ้าในแง่ของบริษัท, Unicharm เป็นเบอร์ 1 (แต่ไม่ใช่ OEM)
- ITC น่าจะอยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเชียในตลาด OEM
- การสนับสนุนภาษีเพิ่มเติมในสหรัฐฯ:
- คำถาม: ลูกค้าหลักในสหรัฐฯ จะมีการเรียกร้องการสนับสนุนเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีศุลกากรในปี 2569 หรือไม่?
- คำตอบ:
- แนวโน้มการเรียกร้องเพิ่มเติมไม่ Severe แล้ว
- มี Program ที่ทำร่วมกับลูกค้า (Volume, Cost Saving)
- ไม่ได้คุยเรื่องภาษีนำเข้าแล้ว คุยกันเป็นเรื่อง Cost Saving Program
- ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 4:
- คำถาม: ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 4 คาดว่าจะเป็นอย่างไร?
- คำตอบ:
- Volume และ USD Sales ยังคงมีการเติบโต
- อัตราการเติบโตใกล้เคียงกับ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา
- หากเป็นเงินบาท จะ Slowdown จากปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยน
- ทิศทางการดำเนินงานปี 2569:
- คำถาม: บริษัทวางกลยุทธ์และเป้าหมายเบื้องต้นไว้อย่างไรสำหรับปี 2569?
- คำตอบ:
- ทำสิ่งที่ทำอยู่แล้วให้ดีขึ้น (Innovation, New Product)
- มั่นใจในตลาดอเมริกา
- Focus ที่ภูมิภาคอื่นๆ (ยุโรป) ที่มี Office และคนประจำอยู่
- คุมต้นทุน (Operation, ปัจจัยภายนอก)
- คาดว่าจะเติบโตใน Mid-to-High Single Digit ใน USD Term
- ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์:
- คำถาม: ทางบริษัทมองภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นอย่างไร?
- คำตอบ: ตลาดอาหารสัตว์ (หมาและแมว) ยังเติบโต 3-4% ต่อปีจนถึงปี 2573 แม้จะช้าลงกว่า 5 ปีที่ผ่านมา แต่ยังเป็น Industry ที่ถูกต้อง
โดยสรุป ITC ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ บริษัทมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการรักษา Margin และขยายตลาด ซึ่งจะช่วยให้ ITC สามารถรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงต่อไป