สรุปงบล่าสุด HTECH

บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
HTECH ปี 67 รายได้รวม 1,248.33 ล้านบาท (+18.30% YoY) กำไรสุทธิ 113.63 ล้านบาท, อัตรากำไรสุทธิ 9.10% มาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม HDD และขยายฐานลูกค้า ต้นทุนการผลิตลดลง,
อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 39.99% HTECH เน้น 3 ธุรกิจหลัก: เครื่องมือตัดเฉือนโลหะ, นำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือตัดโลหะ, และผลิตชิ้นส่วนโลหะ ความเสี่ยงคือการประท้วงของผู้ผลิตเครื่องบิน, โอกาสคือขยายฐานลูกค้า, เพิ่มกำลังผลิต, โครงการ iiMS, และพัฒนาซอฟต์แวร์
HTECH ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โตไม่ต่ำกว่า 10% โดยมุ่งเน้น Data Storage, รุก OEM, และ Digital Transformation
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการ HTECH ปี 2567: ฟื้นตัวโดดเด่น พร้อมตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่อง
บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH รายงานผลประกอบการปี 2567 ที่น่าประทับใจ โดยมีรายได้รวม 1,248.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.30% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 113.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 240.35% สาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท, การขยายฐานลูกค้าใหม่โดยบริษัทย่อย, และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนงานธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องมือตัดเฉือนโลหะที่มีลักษณะเฉพาะ (Special Cutting Tools) ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 27.55% จากปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประโยชน์จากการจำหน่ายเครื่องจักรของบริษัทแม่ และโครงการ Vendor Managed Inventory System (VMI) ที่ช่วยเพิ่มรายได้เสริม
สำหรับส่วนงานธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือที่ใช้ในการตัดโลหะ มีรายได้เพิ่มขึ้น 7.88% จากปีก่อน โดยบริษัทย่อยหลายแห่งมีการเติบโตที่ดีจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม HDD และการเสนอขายสินค้าในรูปแบบโครงการ VMI อย่างไรก็ตาม บางบริษัทย่อยมีรายได้ลดลงจากการย้ายฐานลูกค้า แต่ภาพรวมยังคงเติบโตได้ดี ส่วนงานธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์และชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูปต่างๆ มีรายได้ลดลงเล็กน้อย 1.15% จากปีก่อน เนื่องจากผลกระทบจากการประท้วงของผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ ทำให้มีการชะลอคำสั่งซื้อ อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติได้ในไม่ช้า
บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม HDD และอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ และการขยายฐานลูกค้าของโครงการ VMI นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะนำสินค้าอุตสาหกรรมประเภทใหม่ๆ นอกเหนือจากกลุ่มเครื่องมือตัดเฉือนมาจำหน่ายให้กับลูกค้า ซึ่งหากประสบความสำเร็จ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตของรายได้มากยิ่งขึ้น
HTECH ในปัจจุบันดูเหมือนจะอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ การฟื้นตัวของผลประกอบการในปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป การกลับมาของอุตสาหกรรม HDD เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ แต่การขยายฐานลูกค้าและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาวที่ยั่งยืนกว่า
* **โอกาส:** การฟื้นตัวของอุตสาหกรรม HDD, การขยายฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆ, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ, โครงการ VMI, การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
* **ความเสี่ยง:** ความผันผวนของอุตสาหกรรม HDD, การแข่งขันที่รุนแรง, ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน, ความล่าช้าในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ
**วิเคราะห์เพิ่มเติม:**
* **รายได้และกำไร:** การเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจและความสามารถในการทำกำไร
* **อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิ:** การปรับตัวดีขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิ สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ
* **D/E Ratio:** ข้อมูล D/E ที่ 0.23 แสดงว่าบริษัทมีหนี้สินน้อยเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของความมั่นคงทางการเงิน
* **P/E Ratio:** P/E ล่าสุดที่ 13 บ่งบอกว่าราคาหุ้นอาจจะไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับกำไรที่บริษัททำได้
* **P/BV Ratio:** P/BV ที่ 0.82 ต่ำกว่า 1 แสดงว่าราคาหุ้นอาจจะต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีของบริษัท
* **Yield:** Yield ล่าสุดที่ 1.43% อาจจะไม่สูงมากนักสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้จากเงินปันผล
* **วงจรเงินสด:** วงจรเงินสดที่ค่อนข้างยาวนาน (175.11 วัน) อาจเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของบริษัท
* **ราคาหุ้นเฉลี่ย:** ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นลงตามสภาวะตลาด แต่ภาพรวมในช่วง 2 ไตรมาสล่าสุดมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามผลประกอบการ
(1.00%)
(23.58%)
(3.31%)
(44.78%)
(4.34%)
(17.13%)
(14.01%)
(3.30%)
(64.11%)
(809.36%)
(0.00%)
(60.85%)