สรุป OPPDAY หุ้น GUNKUL

บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
Q&A สรุปถามตอบ OPPDAY
```html
```สรุปข้อมูลจากการประชุม Oppday
ภาพรวมธุรกิจและอุตสาหกรรม
- การจัดการหนี้สิน: มีการ break off หนี้สินสองส่วนหลักคือ project finance จำนวน 780 ล้านบาทและ B-binger จำนวน 441 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับการ refinance ทั้งหมด ผลจากการ break off หนี้สินนี้ จะทำให้ current ขึ้นมาอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท
- สถานะทางการเงิน: ไม่มีปัญหาด้าน liquidity และ management
- เป้าหมายรายได้ปี 2024: ตั้งเป้ารายได้รวม 9,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน
- เป้าหมายการเติบโตในอนาคต: คาดหวังการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้จาก EPC และโครงการใหม่ ๆ
กลุ่มธุรกิจ (Business Unit)
กลุ่ม Trading (High Voltage Equipment)
- เป้ารายได้ปี 2024: ตั้งเป้า 2,200 ล้านบาท
- เป้ารายได้ปี 2025-2026: คาดว่าจะเติบโตเป็น 3,000 ล้านบาท
- อัตราการเติบโต: คาดว่าจะเติบโต 15-18% ต่อปี
- สัดส่วนธุรกิจ: EAE แกน 60%, private และโครงการ 15%, Renewable 10%
- ผลิตภัณฑ์: hardware, renewable, feel cut out, grounding และล้อฟ้า
- เป้าหมายกำไร: มั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมาย 2.2 พันล้านบาทในปีนี้
- ข้อมูลเพิ่มเติม: ผ่านมา 9 เดือนมีรายได้แล้ว 1,700 ล้านบาท
กลุ่ม EBC and Turnchip Business
- ลักษณะธุรกิจ: โครงการกับภาครัฐเป็นหลัก
- เป้าหมายรายได้: ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายรายได้จาก Backlog ไม่ต่ำกว่า 4,400-4,500 ล้านบาทใน 3 ปี
- ผลประกอบการปัจจุบัน: รายได้จากการก่อสร้าง 9 เดือนแรกของปี เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,800 ล้านบาท
- การเติบโตในอนาคต: มั่นใจว่ารายได้ปี 2566 จะสูงขึ้น และมีเป้าหมายรายได้ 4,000 ล้านบาท
- การลงทุน: มีแผนลงทุนใน Solar Farm Private, Transmission Line, Underground, Substation และ Private PPA
- เป้าหมายการลงทุน: 1,000 ล้านบาทสำหรับ Underground, 200-300 ล้านบาทสำหรับ Substation และ 1,200 ล้านบาทสำหรับ Private PPA
- โครงการที่กำลังดำเนินการ: - C-som: ระบบ control substation (740 ล้านบาท, 32 สถานี) - Ring Cable E-Gate: บน 230KV (7 ล้านบาท) - Micro-Kit ของ P.A.: ที่ก่อ 4 ชั้น (740 ล้านบาท) - Submarine Cable ของ P.A.: (7 ล้านบาท, 12 สถานี) - แทงสิทยุคิว: Autopilot Machine กับ Modelware (7 ล้านบาท)
กลุ่ม Power Business
- เป้าหมาย: เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 35% ในปี 2026 จาก 1,480 MW เป็น 2,000 MW
- แหล่งที่มาของการเติบโต: - Domestic ที่มีการแปลงเฟส 1 และ 2 - โครงการที่โอโบสีส (ตั้งเป้า 50 MW ต่อปี จาก 2-3 ประเทศ) - การพัฒนาเทคโนโลยีในปัจจุบัน (กังหันลม, พีวีโมดูล) - กำลังผลิต: โซลา 60-65%, ลม 30% ในเฟสแรก
- โครงการ: 5,200 MW (240 MW ทำสัญญาแล้ว, 800-2400 MW ได้อวส)
- แผน SCOD: เริ่ม COD ในปี 2016 (177 MW), 2018 (28 MW) และ 2019-2030 (600 MW)
- การประมาณการรายได้: - โซลา: ค่าลงทุน 40 ล้านบาท/MW, รายได้ 5 ล้านบาท/MW, EBITDA 4 ล้านบาท/MW - โซลามีระบบ in-a-t story system: ค่าลงทุน 90 ล้านบาท/MW, รายได้ 9 ล้านบาท/MW, EBITDA 8 ล้านบาท/MW - ลม: ค่าลงทุน 60 ล้านบาท/MW, รายได้ 7-8 ล้านบาท/MW, EBITDA 6 ล้านบาท/MW
แผนธุรกิจและแนวโน้มอุตสาหกรรม
- การสนับสนุนจากภาครัฐ: รัฐบาลมีแนวโน้มออกกฎหมายสนับสนุนการติดตั้ง solar rooftop ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจ
- การขยายธุรกิจต่างประเทศ: เน้นศึกษาและขยายธุรกิจใน 3 ประเทศหลัก คือ ไทย, ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย
- ฟิลิปปินส์: มีโอกาสในการลงทุนทั้ง Solar, wind และแบตเตอรี่
- ไทย: มีโอกาสในธุรกิจ Solar rooftop และ battery
- ออสเตรเลีย: มีโอกาสในธุรกิจ offshore wind
- ศักยภาพในตลาดฟิลิปปินส์: โซลากับลมจะคิดเป็น 50% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 2050
- ศักยภาพในตลาดไทย: ลม, โซลา, และก๊าซ จะคิดเป็นสัดส่วนหลักของกำลังการผลิตไฟฟ้า โดยโซลากับลมจะคิดเป็น 50% ในปี 2040
- การเติบโตในตลาดไทย: คาดว่าไทยจะมุ่งเน้นเรื่อง ESG ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ
- โครงการโซลาฟาร์ม: เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แล้ว 400 MW, อยู่ระหว่างดำเนินการ 832 MW
- โครงการโซลาฟาร์มที่กำลังพัฒนา: มีกำลังผลิต 177 MW ที่จะเริ่ม COD ในปี 2016 และกำลังการผลิตที่เหลือจะทยอย COD ในปี 2018-2030
- แผน PDP: มุ่งเน้น Renewable Energy โดยคาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 60% ในปี 2037
- การรับซื้อไฟฟ้า (PPA): รอประกาศผลการรับซื้อไฟฟ้า เฟส 2 โดยคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
- การรับรู้รายได้จาก EPC: ในไตรมาส 4 คาดว่าจะสามารถทำรายได้ได้ 1,800 ล้านบาท
- การเติบโตของรายได้: คาดว่าจะเติบโต 20% ในปีนี้
ปัจจัยเสี่ยงและข้อควรระวัง
- ความล่าช้าในการประกาศผลการรับซื้อไฟฟ้า: มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดความล่าช้า แต่ยังคาดว่าจะส่งผลดีในระยะยาว
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: อาจมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น แต่คาดว่าจะไม่มาก
- ส่วนแบ่งกำไร: ส่วนแบ่งกำไรในไตรมาส 3 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 เนื่องจาก Q2 มีการรับรู้กำไรมากกว่า
- DE Ratio: อยู่ที่ 1.44 เท่า ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้ โดยบริษัทมีเป้าหมาย DE ที่ 2.25 เท่า และระดับสูงที่ไม่เกิน 2.8 เท่า
- การ refinance หนี้: มีแผน refinance หนี้สิน 441 ล้านบาท ในช่วงเดือนเมษายน
ข้อมูลทางการเงินเพิ่มเติม
- งบลงทุน: ใช้เงินลงทุนประมาณ 38,000 ล้านบาทสำหรับโครงการ 832 MW
- แหล่งเงินทุน: มีเงินทุนจากภายใน (Internal Cashflow) ประมาณ 1,600 ล้านบาทต่อปี และยังสามารถกู้เงินเพิ่มเติมได้
สรุปด้วย AI(O) BOT
เอกสาร OPPDAY
GUNKUL: การวิเคราะห์เชิงลึกและโอกาสในอนาคตของผู้นำธุรกิจพลังงานหมุนเวียนท่ามกลางนโยบายพลังงานแห่งชาติ
GUNKUL คงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนของไทย ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 กว่า 1,479 เมกะวัตต์ ส่วนใหญ่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ (83%) และพลังงานลม (18%) พร้อมโครงการในต่างประเทศ ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2567 แสดงการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีรายได้รวม 6,056 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,369 ล้านบาท กลุ่มก่อสร้างและบริการเติบโตอย่างโดดเด่น (+106% YoY) เช่นเดียวกับกลุ่มการค้า (+376 ล้านบาท) ขณะที่กลุ่มให้เช่าทางการเงินลดลง (-19% YoY) แม้ไม่มีข้อมูลอัตรากำไร แต่ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนศักยภาพในการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
แผนการเติบโตของ GUNKUL ระหว่างปี 2567-2570 มีความทะเยอทะยาน ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิต 435% ภายใน 2 ปี จาก 419 เมกะวัตต์เป็น 2,000 เมกะวัตต์ กลยุทธ์เน้นขยายธุรกิจ EPC ลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าร่วมประมูลโครงการใหญ่ของภาครัฐ และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อเพิ่มผลตอบแทน บริษัทฯ ยังวางแผนขยายไปต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นฟิลิปปินส์และไต้หวัน และตั้งเป้าเข้าซื้อกิจการหรือลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน 150 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปี แผนระยะยาวตั้งเป้ารายได้ปี 2572-2573 ที่ 25,000 ล้านบาท คาดการณ์ CAGR ของรายได้และ EBITDA ที่ 18.1% และ 12.9% ตามลำดับ
การเติบโตนี้จะขับเคลื่อนด้วยโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานแสงอาทิตย์รวมระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) และพลังงานลม โดยเฉพาะแผน SCOD ปี 2570 กำลังการผลิต 276.6 เมกะวัตต์ และแผนเข้าร่วมประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 (ERC PPA Bidding Phase 2) ซึ่งมีเป้าหมายรับซื้อไฟฟ้ารวม 3,632 เมกะวัตต์ และแผนพัฒนาพลังงาน (PDP2024) ที่ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนอย่างมาก โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม รวม 42,895 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ GUNKUL
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงยังคงมีอยู่ เช่น ความผันผวนของราคาพลังงาน นโยบายรัฐบาล และการแข่งขัน นอกจากนี้ นโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 การนำเทคโนโลยี Smart Grid มาใช้ การบริหารจัดการราคาขายปลีกไฟฟ้า และภาษีคาร์บอน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมพลังงาน การเปรียบเทียบแผนพัฒนาพลังงานฉบับปัจจุบัน (PDP2024) กับฉบับก่อนหน้า (PDP2018 rev.1) แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการผลิตไฟฟ้า โดยเน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ GUNKUL การวิเคราะห์เชิงลึกเพิ่มเติม โดยเฉพาะข้อมูลอัตรากำไร และอัตราส่วนทางการเงิน จะช่วยให้การประเมินความเสี่ยงและโอกาสของ GUNKUL มีความชัดเจนและสมบูรณ์มากขึ้น แต่จากข้อมูลที่มี GUNKUL มีความพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนของไทยอย่างยั่งยืน