สรุป OPPDAY หุ้น GUNKUL
Oppday
สรุป OPPDAY
GUNKUL OPPDAY สรุปผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568: โอกาสและความท้าทายในตลาดพลังงานหมุนเวียน
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):ภาพรวมธุรกิจของกันกุลมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในด้านพลังงานสีเขียว โดยเป็นอันดับสองของประเทศในด้าน Portfolio ขนาดใหญ่ ด้วย Portfolio ทั้งในและต่างประเทศรวมกันประมาณ 1,200-1,300 เมกะวัตต์ และมีแผนลงนามสัญญาเพิ่มเติมอีกประมาณ 300 เมกะวัตต์ รวมเป็น 1,600 เมกะวัตต์ นอกจากธุรกิจโรงไฟฟ้า ยังมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ให้บริการแบบ One-Stop Service ในด้าน Engineering and Turnkey และธุรกิจ Trading and Manufacturing ที่เป็นเหมือน Supermarket อุปกรณ์ไฟฟ้าให้ผู้รับเหมาและการไฟฟ้า
ผลกระทบเชิงบวกมาจากการมี Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ทำให้ได้รับ Revenue ถึงสามชั้นจากสัญญา PPA หนึ่งโครงการ ได้แก่ การขายอุปกรณ์, งานก่อสร้าง, และรายได้จากการขายไฟฟ้า การมี Revenue หลายส่วนนี้ช่วยให้การเติบโตของกันกุลราบรื่น แม้การพัฒนาโรงไฟฟ้าหนึ่งโครงการจะใช้เวลานาน อีกทั้งยังช่วย Diversify Risk ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือรอ Development ต่างๆ
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):โอกาสทางธุรกิจที่สำคัญคือโครงการ Quick Win ของภาครัฐ ซึ่งกันกุลสามารถ Participate ได้ในหลายส่วน ได้แก่ การขายอุปกรณ์, การก่อสร้าง, และการผลิตไฟฟ้า การมี Backlog เพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ล้านบาท ทำให้มีรายได้ที่รอรับรู้ในไตรมาส 4 และปีหน้า โอกาสเพิ่มเติมมาจากการจับมือกับพันธมิตร Data Center เพื่อยื่น Direct PPA และการเตรียมพร้อมรับเม็ดเงินลงทุนจาก EGAT เพื่อรองรับ Data Center และการพัฒนาศักยภาพไฟฟ้าใน EEC
กลยุทธ์ที่ใช้คือการสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจหลักและการขยายไปยัง New S-Curve รวมถึงการ Lean Fat เพื่อเพิ่ม Margin ในทุกขั้นตอน การบุกตลาด Residential เพิ่มเติมผ่านแบรนด์ GRoot และการจับมือกับ Gulf ในการพัฒนาโครงการ Utility Scale เป็นแผนการดำเนินการระยะยาว
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):ความเสี่ยงที่สำคัญคือความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อการนำเข้าอุปกรณ์ การชะลอตัวของโครงการในเวียดนามเนื่องจาก Regulation ที่ไม่ชัดเจน และความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมที่อาจกระทบโครงการในภาคใต้
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นคือต้นทุนที่สูงขึ้น, การชะลอตัวของโครงการ, และความไม่แน่นอนในการรับรู้รายได้ ความเสี่ยงเหล่านี้มีผลต่อประมาณการและแผนการเติบโตของบริษัท
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):ในการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาท กันกุลได้เปลี่ยนไปใช้สกุลเงินหยวนในการนำเข้าอุปกรณ์ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการในเวียดนาม บริษัทกำลัง Wait and See และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ มีการวางแผน Schedule Flood เพื่อให้สามารถจ่ายไฟได้ตามกำหนด
แผนการดำเนินการรวมถึงการ Diversify Risk โดยการมี Revenue หลายช่องทาง, การ Lean Fat เพื่อเพิ่ม Margin, และการจับมือกับพันธมิตรเพื่อขยายตลาด
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):แนวโน้มของธุรกิจในอนาคตคือการเติบโตอย่างต่อเนื่องในด้านพลังงานหมุนเวียน โดยมีโครงการ Quick Win ของภาครัฐและ New S-Curve เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ วิสัยทัศน์ของบริษัทคือการเป็น The Most Recognized Partner in Inclusive Green Energy and Infrastructure Across Asia
เป้าหมายระยะยาวคือการเพิ่ม Equity Megawatt เป็น 2,000 ภายในปี 2568 และเข้าสู่ธุรกิจ New S-Curve ภายในปี 2570 เทคโนโลยีใหม่และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องรวมถึง Solar Hybrid, Data Center, และ Smart Grid
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): นาทีที่ 1:00:37 * เป้ารายได้ปี 2568 ที่ 10,000 ล้านบาท และ Catalyst ในไตรมาส 4:ผู้บริหารตอบว่าไตรมาส 4 จะมีการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้และกำไรให้เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หากพลาดเป้า จะยังคงบริหารให้มีกำไรเติบโต 2 Digits ตามที่ตั้งใจไว้ * การป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาท:บริษัทได้เปลี่ยนไปใช้สกุลเงินหยวนในการนำเข้าอุปกรณ์ ทำให้ควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น * แผนการออกหุ้นกู้ในปี 2569:เนื่องจากมีหุ้นกู้ครบกำหนดราว 1,500 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคมปีหน้า บริษัทจะพิจารณาออกหุ้นกู้ใหม่หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินถูกกว่า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนทางการเงินได้ * แนวโน้มธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน:บริษัทให้ความสำคัญกับธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน แต่จะรอให้ตลาดซื้อขายพลังงานเปิดกว้างและใช้งานได้จริงก่อนที่จะลงทุนอย่างเต็มที่ * กลยุทธ์สำหรับธุรกิจกันชง:บริษัทยังคงรักษารายได้และกำไรจากธุรกิจกันชงให้มาช่วยชดเชยค่าเสื่อมราคา โดยไม่ได้เน้นการขยายธุรกิจ แต่จะควบคุมผลกระทบต่อธุรกิจพลังงานหลักให้เหลือน้อยที่สุด * สัดส่วนรายได้จากธุรกิจต่างๆ:ปัจจุบัน 75% ของกำไรมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้า, 12-13% จากธุรกิจก่อสร้าง, และ 12-13% จากธุรกิจโรงงาน โดยมีเป้าหมายให้ธุรกิจ New S-Curve เข้ามาเติมเต็มรายได้ในอนาคต * ความคืบหน้าในโครงการเวียดนาม:โครงการในเวียดนามยังเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่รอเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรออกมา ซึ่งคาดว่าจะแจ้งให้นักลงทุนทราบในระดับถัดไป * ผลกระทบจากน้ำท่วมในภาคใต้:โครงการในภาคใต้บางส่วนอาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่บริษัทได้วางแผนและมี Schedule Float เพื่อให้สามารถจ่ายไฟได้ตามกำหนด ชื่อหัวข้อคำถามช่วง Q&A: * เป้ารายได้และ Catalyst ไตรมาส 4 * การป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน * แผนออกหุ้นกู้ปีหน้า * ธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน * กลยุทธ์ธุรกิจกันชง * สัดส่วนรายได้แต่ละธุรกิจ * ความคืบหน้าโครงการเวียดนาม * ผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้โดยสรุป, กันกุลยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตในตลาดพลังงานหมุนเวียน โดยใช้ประโยชน์จาก Ecosystem ที่แข็งแกร่ง, การ Diversify Risk, และการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในโครงการภาครัฐและ New S-Curve แม้จะมีความท้าทายและความไม่แน่นอน, แต่บริษัทก็มีแผนการรับมือและกลยุทธ์ที่ชัดเจนเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้