FTE
บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง: ปี 2567 และแนวโน้มปี 2568

สวัสดีนักลงทุน ผู้ถือหุ้น และผู้ที่รับฟัง Opportunity Day ของไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) โดยคุณปรินทร์ บุรีคำเป็นตัวแทนบริษัทนำเสนอผลประกอบการปี 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีที่บริษัททำผลงานได้ตามเป้าที่แจ้งแก่นักลงทุน

บริษัทไฟร์เทรดเป็นผู้นำระบบดับเพลิงในประเทศไทย ให้บริการตั้งแต่จัดจำหน่าย ออกแบบ ติดตั้ง บำรุงรักษา และดูแลหลังการขาย

บริษัทจดทะเบียนด้วยทุน 330 ล้านบาท และมีบริษัทลูกชื่อไฟร์อินสเปคเตอร์ จำกัด ที่ถือหุ้นอยู่ 99.99% ทั้งสองบริษัททำธุรกิจคล้ายกันคือจัดจำหน่ายระบบดับเพลิง แต่ทำในคนละยี่ห้อคนละแบรนด์

บริษัทเริ่มก่อตั้งด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาทในปี 2542 (1999) ปัจจุบันเปิดมาเกือบ 30 ปี และอยู่ในตลาดมาเกือบ 10 ปี โดยเข้าตลาดเมื่อปี 2560 (2017)

ไฟร์เทรดมีสินค้าใน SKU มากกว่า 11,000 รายการ และมีวิศวกรและเทคนิคเชียนดูแลงานดีไซน์ เซอร์วิส และโปรเจกต์เมเนจเมนต์มากกว่า 70 คน มีเซลล์เอ็นจิเนียร์ดูแลลูกค้าและปิดการขายมากกว่า 50 คน

บริษัทนำเข้าสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ เช่น Honeywell, Notifier, System Sensor, Securiton, Tyco, LPG Kiddie, SPP, Dixon, Powell, Hatton, Nibco, และ National Foam

ภาพรวมงบการเงินปี 2567 (2024)

Financial Highlight ในปี 2024 ที่ประกาศงบไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว:

  • Relative Market Share: 223% เทียบกับบริษัทอันดับ 2 เพิ่มขึ้นจาก 180% ในปี 2023
  • Revenue Structure: แบ่งเป็นงานขายสินค้า (64.2% ลดลงจาก 67.7% ในปี 2023) และงานขายบริการ/บริการหลังการขาย
  • มูลค่างานขายสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 775 ล้านบาทเป็น 860 ล้านบาท
  • รายได้จากงานโครงการเพิ่มขึ้นจาก 370 เป็น 480 ล้านบาท สัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 32.3% เป็น 35.8%
  • รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 1,350 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ 1,156 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ (Net Profit) 116 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 118 ล้านบาทเล็กน้อย คิดเป็น 8.6% ลดลงจาก 10.2%
  • รายได้จากงานขายและบริการ 1,341 ล้านบาท
  • Gross Profit Margin (GPM) ลดลงจาก 26.5% เหลือ 25.5% แต่ตัวเลขเพิ่มมากขึ้นจาก 303 ล้านบาทเป็น 343 ล้านบาท
  • รายได้จากงานขายสินค้า 860 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 775 ล้านบาท
  • กำไรขั้นต้นลดลงจาก 29.1% เป็น 27.5% เนื่องจากภาวะการแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูงขึ้น
  • รายได้สุทธิจากงานโครงการ 480 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 370 ล้านบาท
  • กำไรขั้นต้นจากงานโครงการ 375 ล้านบาท เพิ่มจาก 292 ล้านบาท
  • อัตรากำไรสุทธิเพิ่มมากขึ้นจาก 21.1% เป็น 21.9% เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนในโครงการได้ดีขึ้น
  • ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายบริหารรวม (SG&A) เพิ่มจาก 164 ล้านบาทเป็น 184 ล้านบาท คิดเป็น 13.7% ลดลงจาก 14.3% เนื่องจากมีการปรับค่าแรงพนักงาน ค่าคอมมิชชั่น และค่าการตลาดเพิ่มขึ้น
  • การขาดทุนจากการตีราคาสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 2.5 ล้านบาท
  • ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นจาก -1.96 เป็น 16.67 คิดเป็น 950% เนื่องจากการตั้งสำรองของลูกหนี้บางส่วนที่เพิ่มขึ้น
  • รวมค่าเผื่อทั้งหมดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเท่ากับ 38.45 ล้านบาท

สินทรัพย์รวมเพิ่มมากขึ้นจาก 1,183 เป็น 1,219 ล้านบาท ส่วนใหญ่ประกอบด้วยเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด ลูกหนี้ สินค้าคงเหลือ ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์

  • เงินสดลดลง 43 ล้านบาท
  • สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 47 ล้านบาท
  • ลูกหนี้เพิ่มขึ้น 51 ล้านบาท

หนี้สินรวมเพิ่มมากขึ้นจาก 335 ล้านบาทเป็น 346 ล้านบาท โดยมีหนี้สินที่เกิดจากสัญญาเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาท และเจ้าหนี้การค้า/เจ้าหนี้อื่นลดลงประมาณ 5 ล้านบาท

ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มจาก 847 ล้านบาทเป็น 873 ล้านบาท ประกอบด้วยทุน ส่วนเกินทุน กำไรสะสม และสำรองตามกฎหมาย

  • ทุน 330 ล้านบาท
  • ส่วนเกินทุน 346 ล้านบาท
  • กำไรสะสม 160 ล้านบาท
  • สำรองตามกฎหมาย 10% (33 ล้านบาท)

สินค้าคงคลังคงเหลือลดลงจากช่วง Q2 ปี 2024 จาก 470 ล้านบาทเหลือ 445 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าจะลดลงไปอีกในช่วง Q1/Q2 ของปี 2025 ให้เหลือประมาณ 400 ล้านบาทต้นๆ

แผนธุรกิจปี 2568 (2025)

Business Environment ในปี 2025 หลายคนบอกว่าดูเหนื่อย แต่ข้อมูลจาก Bank of Thailand (ธนาคารแห่งประเทศไทย) เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2024 คาดการณ์ว่า GDP Growth ในปี 2025 จะอยู่ที่ประมาณ 2.9-3% Headline Inflation อยู่ 1.1% และ Core Inflation อีก 1%

ภาพรวมน่าจะมี Steady Recovery จากธุรกิจในประเทศไทย โดยหลักๆ มาจากเรื่องท่องเที่ยว และ FDI ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งทำให้ GDP Growth Rate อยู่ประมาณ 3% งานบริการและงานท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ

หลัง Covid มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ทำให้กลุ่ม Commercial Residential และ Hospitality งานโรงแรมดีขึ้นในปี 2025

Digital Transformation เรื่อง AI และ Industry 4.0 ในประเทศไทยก็เป็นอีกปัจจัยที่น่าจับตามอง โดยเน้นการลงทุนจาก FDI ในโรงงานในประเทศไทย

Industrial ในปี 2025 จะมี Hightech Manufacturing และ Smart Manufacturing เกิดขึ้นหลายโรงงาน เช่น Warehouse ที่มี Automatic Rack ซึ่งต้องติดตั้งระบบดับเพลิงขนาดใหญ่ เป็นผลดีกับบริษัท โดยเฉพาะในโซน EEC ที่รัฐบาลจัดตั้งและมีโครงการให้ FDI เข้ามาลงทุนในประเทศไทย

กระแสที่มาแรงมากในปี 2025 คือเรื่อง Data Center และ Digital Infrastructure มีโครงการ Data Center ในไทยที่จะเกิดขึ้นหลายแห่ง เช่น Google, Microsoft และบริษัท Local อย่าง True, AIS ก็มีการลงทุนใน Data Center เยอะ บริษัทติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและมี Follow Up ใน Project Pipeline

Renewable Energy ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจ ทั้งในส่วนของโรงไฟฟ้าและเรื่อง ESG หลายคนเข้ามาทำเรื่อง ESG และระบบดับเพลิงอาจจะเป็นความปลอดภัยในส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ ESG งาน Solar และ Wind Energy ก็มีงานดับเพลิงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย บริษัทกำลังจัดทำ ESG สำหรับตัวเองและให้ความสำคัญเรื่อง ESG เป็นลำดับต้นๆ

FDI ในปี 2025 คาดว่ามีการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนจากญี่ปุ่นและจีน เรื่อง Tariff ที่เกิดขึ้นระหว่างจีนกับอเมริกาก็อาจจะเป็นผลดีกับบริษัท โดยที่จีนย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย

ความท้าทายและความเสี่ยงปี 2568 (2025)

  • Labor Market: การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทำให้ต้นทุนในงานติดตั้งเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้งานติดตั้งในงานโรงงาน โดยเฉพาะงานรับเหมามีต้นทุนสูงขึ้น
  • Global Economic Volatility: เรื่อง Exchange Rate ที่ผันผวน แต่บริษัทมีการ Forward เรื่องค่าเงิน เรื่อง Global Inflation (เงินเฟ้อ) เรื่องค่าต้นทุน/ค่าพลังงานที่สูงขึ้น ก็อาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนของสินค้าเพิ่มมากขึ้นในปี 2025
  • การเมืองและความไม่แน่นอนทางการเมือง: ไม่ว่าจะเป็นการเมืองระดับโลกหรือภายในประเทศ ก็เป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง
  • Over Supply สำหรับ Highlight Building และ Commercial Residential Building โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ทำให้ตลาดในส่วนนี้โตน้อยหรือไม่โต

เป้าหมายปี 2568 (2025)

ในปี 2024 บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 1,340 ล้านบาท ในปี 2025 ตั้งเป้าไว้ที่ 1,600 ล้านบาท โดยที่ Growth จากเดิมประมาณเกือบๆ 20%

  • Power Generation: มีโครงการใน Pipeline พอสมควร และมองว่า Sector/Segment นี้เป็น Key Account ที่จะทำให้โตมาอีกพอสมควร
  • งานของรัฐบาล: ปีนี้จะ Focus งานภาครัฐเพิ่มมากขึ้น
  • โรงงานอุตสาหกรรม: จะใช้ Reference ของเดิม งาน/ผลงานที่เคยทำ Connection ที่เคยมี ทำให้มันโตขึ้นไปอีกประมาณ 10% ในส่วนของ General Industry
  • Oil & Gas: ทรงๆ ไม่ได้มี Portion อะไรเยอะ คิดว่าจะโตนิดหน่อย
  • Commercial Residential Building: ทรงๆ เหมือนกัน คิดว่าโตนิดหน่อย แต่ Portion ตัวเลขอาจจะเยอะเหมือนกัน อยู่ประมาณ 330-340 ล้านบาท เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์นี่อยู่ประมาณ 21% ของรายได้ทั้งหมด
  • Data Center & Telecom: ตั้งเป้าจะโต Double เลย เพราะมี Data Center เยอะมากในปี 2025 และจะ Focus Segment/Sector นี้
  • Hospitality: คิดว่าทรงๆ

ภาพรวมคาดว่ามีตัวเลขอยู่ประมาณ 1,600 ล้านบาท

ตัวเลข Sale Backlog ในปี 2025 มีอยู่ประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 40% ที่มีตัวเลข Backlog อยู่ ก็ต้องทำอีก 60% อันนี้นับจากปลายปี 2024

งาน EGAT ในปีนี้คาดว่าน่าจะมี 500 ล้านบาท และหวังส่วนแบ่งประมาณ 50% ของงาน Building ทั้งหมดในงาน EGAT ตัวเลขก็จะชนๆ กับที่บอกไปว่าหวังไว้ 280 อาจจะเป็น EGAT 250 เป็นที่อื่นอีก 30

Data Center: ในปี 2024 ที่ผ่านมามี Project Reference ที่ดีกับ DC และมีลูกค้าเป็น Global ด้วย มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้รับเหมาและ Owner ก็คิดว่า Reference จะเป็นประโยชน์ในปี 2025

งานภาครัฐ: มีโครงการ Infrastructure ขนาดใหญ่ที่ Delay มาจากรัฐบาลชุดก่อนและมาผลักดันในรัฐบาลชุดนี้ ก็ติดตามอยู่ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็ใช้ Project Reference ที่มี และ Relation ที่ดีกับผู้รับเหมาเข้าไป Approach ในงานส่วนของภาครัฐ

งาน Commercial Residential Building: มีโครงการของ Central พัฒนา และ Bangkok Mall ที่อยู่ตรงสี่แยกบางนา เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มี Plan ที่กำลังทำอยู่/กำลังก่อสร้างอยู่ แม้งานจะ Delay ไป แต่ตอนนี้กลับมาก่อสร้างแล้ว ทีมงานขายก็เข้าไปตาม/เข้าไป Follow Up งานในส่วนดังกล่าวอยู่พอสมควร งานที่ One Bangkok ก็มีการใช้อุปกรณ์ และเปิดใช้ไปเรียบร้อยแล้ว มี Dusit Central Park ที่ Follow Up อยู่ บางส่วนก็ใช้ของบริษัทไปแล้ว

งาน Oil & Gas หวังว่าเรื่องน้ำยาโฟมดับเพลิงที่ต้องเปลี่ยน (ครั้งที่แล้วที่อธิบายไป) เพราะโฟมของเดิมมีผลเรื่องสิ่งแวดล้อม และจัดให้อยู่ในวัตถุอันตรายประเภท 3 ก็จะมีโฟมของใหม่ที่เป็น Fluorine Free เจ้าของงาน/เจ้าของโรงงานก็มี Plan ที่จะเปลี่ยนเป็นโฟมลักษณะนี้ค่อนข้างเยอะ หวังว่าเรื่องน้ำยาโฟมที่จะใช้ที่เป็นแบบใหม่จะมา Create Revenue ให้สำหรับ Oil & Gas ในปี 2025

งานอุตสาหกรรม: มี Relation กับ Owner และมีผลงานการติดตั้งค่อนข้างเยอะ ใช้เรื่องประสบการณ์/เรื่องงานรับเหมาที่เข้าไปติดตั้งให้ลูกค้า เข้าไป Approach ทางด้านวิศวกรรม เรื่องความสมบูรณ์แบบในการออกแบบ งานติดตั้ง เรื่องสินค้าที่ใช้ของดีให้ลูกค้า ในปีนี้หวังตัวเลขประมาณ 600 ล้านบาท

After Market Business หรืองานบริการหลังงานขาย แจ้งไปหลายปีแล้วว่าตั้ง Target ว่าปี 2024/2025 อยากได้ตัวเลข 50 ล้านบาท และทำได้ใกล้เคียงตัวเลข 50 ล้านบาท ปีนี้ก็หวังว่าตัวเลขจะไปแตะ 50 ล้านบาท และในปี 2027 หวังว่าจะเป็น Double เป็น 100 ล้านบาท ตรงนี้ก็จะเป็น Recurring Revenue ให้ เพราะงาน Service ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากเปลี่ยนเจ้า ติดตั้งเจ้าไหนก็อยากใช้เจ้า นั้นเข้ามาทำ Preventive Maintenance ให้

Business ที่ Focus อีกอันหนึ่งที่จะมาเพิ่มยอดขายให้คือเรื่อง Fire Pump มีการ Recuit คนเข้ามาเพื่อทำงานเรื่อง Fire Pump โดยเฉพาะเลย 1 ทีม (เครื่องสูบน้ำดับเพลิง) ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสูบน้ำดับเพลิงเก่า ต้องการจะเปลี่ยนของใหม่ หรือต้องการซื้อเครื่องสูบน้ำดับเพลิงใหม่ที่เป็นไปตามมาตรฐาน ของเก่าไม่ถูกอยากติดให้ถูกก็เข้าไปช่วยได้ รวมไปถึงบริการทดสอบ บริการหลังงานขาย ก็มีบริการให้ครบวงจร

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่มในนาทีที่ 35:42]

สรุปคำถามและคำตอบที่สำคัญในช่วง Q&A:

  1. คำถาม: ปัจจุบันถือหุ้น TRC อยู่เท่าไหร่ มีการขายออกไปบ้างไหม

    คำตอบ: ตามที่ TRC แจ้งกับตลาดว่ามีการแปลงหนี้เป็นทุน และบริษัทได้เข้าร่วมโครงการกับ TRC ด้วย มูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท และจะลงบัญชีกำไรขาดทุนในช่วง Q1 ของปี 2025 โดยจะมีการกลับรายการและด้อยค่าด้วย เพราะตัวเลขที่เข้าร่วมโครงการมากับราคาในตลาดปัจจุบันไม่เท่ากัน จะมารับรู้ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2025 และจะชี้แจงให้ฟังว่าตัวเลขเป็นอย่างไร และตัดสินใจแบบนี้เพราะมองว่าเป็นผลประโยชน์ที่ดีที่สุดกับบริษัทและผู้ถือหุ้นแล้ว

  2. คำถาม: ผลงานปีที่แล้วมีส่วนไหนที่ต่ำกว่าคาดและส่วนไหนที่ดีกว่าคาดบ้าง

    คำตอบ: ต่ำกว่าคาดอาจจะเป็นอัตรากำไรสุทธิ เพราะมีการตั้งสำรองเพิ่มประมาณ 10 กว่าล้านบาทจากลูกหนี้บางเจ้า แต่ Q1 คิดว่าน่าจะมีแนวโน้มที่ดีที่จะเอาตัวเลขตรงนั้นกลับมาได้ในปี 2025 ส่วนที่ ดีกว่าคาดจริง ๆ ช่วงกลาง ๆ ปี ช่วง Q1/Q2 จบแล้วแอบกังวลเหมือนกันว่า 1,300 จะทำได้ไหม จะเห็นว่าปรับเป้าลงเหลือ 1,200 กว่าด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายแล้วช่วงปลายปีก็ทำได้ดี โดยเฉพาะงานโครงการ จริง ๆ งานขายสินค้าก็ทำได้ดีปลายปีก็ส่งมอบไปได้เยอะ โดยเฉพาะ Q3 ซึ่งคิดว่าตัวเลข Revenue ที่ทำก็เป็นตัวเลขที่คอมมิทกับตลาดและผู้ถือหุ้นไว้ว่าทำ 1,300 แล้วทำได้เกินก็คิดว่าทำได้ดี ส่วนที่ต่ำกว่าคาดจริง ๆ GP คิดว่าโอเคนะ พองานโครงการเยอะ GP ไม่ต่ำกว่าคาด แข่งขันในตลาดเพิ่มมากขึ้น ผมว่าทำได้ดีด้วยซ้ำ

  3. คำถาม: ในส่วนของสัดส่วนรายได้ กทม. กับต่างจังหวัดเป็นอย่างไรบ้าง

    คำตอบ: งาน กทม. ส่วนใหญ่เป็นงาน Commercial Residential Building งานต่างจังหวัดก็จะเป็นงานโรงงานอุตสาหกรรมซะเป็นส่วนใหญ่ จริง ๆ ไม่ได้แยกตัวเลขสัดส่วน กทม. กับต่างจังหวัดไว้เท่าไหร่ แต่คิดว่าโดยภาพรวมต่างจังหวัดอาจจะเยอะกว่าเพราะมีทั้งขายของทั้งโรงงาน ใน กทม. อาจจะมีแค่งานตึกสูงซะเป็นส่วนใหญ่

  4. คำถาม: Backlog ตอนนี้มี 600 ล้านใช่ไหม

    คำตอบ: เมื่อสิ้นปีมีอยู่ประมาณ 600 ล้าน

  5. คำถาม: งาน EEC เป็นยังไงบ้างคึกคักหรือเงียบเหงาอย่างไรบ้าง

    คำตอบ: ต้องบอกว่างานโรงงานในปีนี้ค่อนข้างคล้าย ๆ ปีที่แล้ว คึกคักไหม ผมว่าก็ทรง ๆ ไม่ได้คึกคักมาก แต่ว่าก็ไม่ได้เงียบเหงามาก ผู้รับเหมาก็ยังมีงานโรงงานอยู่พอสมควร

  6. คำถาม: ECL เพิ่มขึ้นมาก ช่วยลงรายละเอียดรายการใหญ่ ๆ ให้หน่อยว่าทำอะไรบ้างและมีแนวโน้มได้คืนไหม

    คำตอบ: ECL ที่เพิ่มขึ้น 950% แจ้งไปแล้วนะว่าแนวโน้มในช่วงปี 2025 Q1/Q2 คิดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีแล้วก็มีแนวโน้มที่จะได้คืนมาหรือไม่ก็ได้คืนมาบางส่วน

สรุป

โดยสรุป ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่งมีผลประกอบการที่น่าพอใจในปี 2567 และมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนสำหรับปี 2568 โดยมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่ม Data Center, งานภาครัฐ, และการขยายตลาดในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ๆ แม้จะมีความท้าทายและความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่บริษัทก็มีกลยุทธ์ในการรับมือและพร้อมที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัทขอขอบคุณผู้ถือหุ้นและผู้รับฟัง Opportunity Day ในวันนี้