สรุปงบล่าสุด EGCO

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการและวิเคราะห์บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) ปี 2567 (ฉบับปรับปรุงล่าสุด)
ปี 2567 กลุ่มเอ็กโกมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายประการ เริ่มจากการเข้าซื้อหุ้น 50% ในกลุ่มโรงไฟฟ้าคัมแพซในสหรัฐอเมริกา (กำลังผลิตรวม 1,304 เมกะวัตต์) และการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน ส่วนขยาย (74 เมกะวัตต์) ในจังหวัดระยอง นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งหยุนหลินในไต้หวันได้ติดตั้งกังหันลมครบ 80 ต้นแล้วในเดือนตุลาคม 2567 โรงไฟฟ้าร้อยเอ็ด กรีน ยุติการเดินเครื่องและจำหน่ายไฟฟ้าหลังจากสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 สำหรับผลประกอบการทางการเงิน กลุ่มเอ็กโกมีรายได้รวม 46,341 ล้านบาท ลดลง 19% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวม 56,983 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 14% จาก 55,699 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 47,645 ล้านบาทในปี 2567 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากขาดทุน 8,384 ล้านบาทในปี 2566 เป็นกำไร 5,412 ล้านบาทในปี 2567 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของหยุนหลิน เคซอน ทีพีซี และเอเพ็กซ์ รวมถึงผลกระทบจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่ลดลง นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) เพิ่มขึ้น 42% จาก 7,450 ล้านบาท เป็น 10,587 ล้านบาท
กลุ่มเอ็กโกยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยการดำเนินงานตามแนวทาง ESG ในทุกมิติขององค์กร ในปี 2568 เอ็กโกได้ทบทวนและปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะ 3 ปี (2568-2570) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างยั่งยืน การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวจะขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ “Top 3” ได้แก่ (1) Total Performance Enhancement (2) Power and Energy-related Business Expansion (3) Portfolio and People Management กลยุทธ์เหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนด้วยงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท การคาดการณ์ในอนาคตของกลุ่มเอ็กโกจะมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และการใช้เทคโนโลยีที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2583 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 สำหรับการจ่ายเงินปันผล กลุ่มเอ็กโกยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยจะเสนอจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2567 ในอัตรา 3.25 บาทต่อหุ้น ทำให้ทั้งปี 2567 มียอดจ่ายปันผลรวม 6.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 6.75% (อ้างอิงจากราคาปิด ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568)
**โอกาสและความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้น EGCO**
การลงทุนในหุ้น EGCO ในช่วงเวลานี้อาจเป็นโอกาสที่น่าสนใจ แต่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การที่บริษัทกลับมามีกำไรสุทธิในปี 2567 หลังจากขาดทุนในปี 2566 ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่การลดลงของรายได้รวมยังเป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง ราคาหุ้นที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาจสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ เช่น การแข่งขันในอุตสาหกรรมพลังงาน การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และความผันผวนของราคาพลังงาน อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอและมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่น่าสนใจ อาจเป็นแรงจูงใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้ที่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ การที่ EGCO มุ่งเน้นการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาจเป็นปัจจัยบวกในระยะยาว เนื่องจากแนวโน้มของโลกกำลังมุ่งไปสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น
**โอกาส:**
* การเติบโตในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
* นโยบายการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
* การลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
* แผนกลยุทธ์ "Top 3" ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน
**ความเสี่ยง:**
* การแข่งขันในอุตสาหกรรมพลังงาน
* การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
* ความผันผวนของราคาพลังงาน
* ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าและการเมืองระหว่างประเทศ
**ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์:**
* **P/E:** ติดลบ (-100) แสดงว่าบริษัทมีผลประกอบการขาดทุนในรอบ 12 เดือนล่าสุด ทำให้ไม่สามารถประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธีนี้ได้
* **P/BV:** 0.49 แสดงว่าราคาตลาดของหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าหุ้นมีราคาถูก
* **Yield:** 6.75% เป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ค่อนข้างสูง
* **D/E:** ข้อมูลล่าสุด 1.38 เท่า แสดงว่าบริษัทมีหนี้สินมากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความเสี่ยงทางการเงินที่สูงขึ้น
* ราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2567 อยู่ที่ 120 บาท
**ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย:**
* **พาจู อีเอส:** กำไรจากการดำเนินงานลดลง 11% YoY จากอัตราค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่ลดลง
* **เอ็กพีซีแอล:** กำไรจากการดำเนินงานลดลง 32% YoY จากปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงเนื่องจากปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้ามากเกินไป
* **เคซอน:** กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 12% YoY จากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนเชื้อเพลิงต่อหน่วยที่ลดลง
* **เอ็นทีพีซี:** กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 73% YoY จากรายได้จากการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากปริมาณน้ำมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
* **เอสบีพีแอล:** กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 25% YoY จากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนเชื้อเพลิงต่อหน่วยที่ลดลง
* **ลินเดน ทอปโก้:** กำไรจากการดำเนินงานลดลง 48% YoY จากปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่เพิ่มขึ้น
* **ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP):** กำไรจากการดำเนินงานลดลง 11% YoY โดยเคแอลยูลดลงเนื่องจากการหยุดเดินเครื่องตามแผนของ กฟภ. และเอ็กโก โคเจนลดลงตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่กับ กฟผ. อย่างไรก็ตาม ซีดับบลิวเอฟเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่มากขึ้นเนื่องจากความเร็วลมเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น
**หมายเหตุ:** ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยแต่ละแห่งมีปัจจัยเฉพาะที่ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไร ซึ่งควรนำมาพิจารณาประกอบการวิเคราะห์ภาพรวมของบริษัท EGCO
**คำเตือน:** การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
(13.08%)
(11.68%)
(0.74%)
(10.91%)
(14.21%)
(25.59%)
(7.08%)
(15.71%)
(104.31%)
(99.25%)
(283.13%)
(56.62%)