สรุป OPPDAY หุ้น DRT

บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
```html
DRT Oppday สรุปผลประกอบการปี 2024 และกลยุทธ์ปี 2025
การประชุม Oppday ของบริษัทผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT จัดขึ้นเพื่อสรุปผลการดำเนินงานปี 2024, แผนธุรกิจ, กลยุทธ์ และไฮไลท์ปี 2025 โดยมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมให้ข้อมูล
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
DRT ก่อตั้งมากว่า 40 ปี เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายหลังคา, ไม้สังเคราะห์, และผนัง มีช่องทางจัดจำหน่ายหลัก 4 ช่องทาง: ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ, ขายตรงโครงการ, ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่, และส่งออกต่างประเทศ ตลาดรวมของ DRT มีมูลค่าประมาณ 6.285 พันล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20% เส้นทาง 40 ปี DRT จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครบ 20 ปี มีการเพิ่มสินค้าหลากหลายในวัสดุหลังคาและผนัง
โครงสร้างผู้ถือหุ้นหลัก: กลุ่มวัสดุถือหุ้นเกิน 50%, Free Float ประมาณ 39% (นักลงทุนสถาบัน 70%) กำลังผลิตรวมปีที่แล้ว 1.265 ล้านตัน (สระบุรีใกล้แหล่งวัตถุดิบ 90%, เชียงใหม่ผลิตอิฐมวลเบา, ขอนแก่นผลิตกระเบื้องหลังคาคอนกรีต) กลยุทธ์: สินค้าหลากหลาย, Solution ครบวงจร, สร้างความเชื่อมั่น Brand Awareness, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, ช่องทางจัดจำหน่ายหลากหลาย, และความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า
รายได้กว่า 90% มาจากการขายสินค้าที่ผลิต (หลังคา, ไม้สังเคราะห์, บอร์ด, อิฐมวลเบา), ส่วนที่เหลือมาจากการให้บริการ ช่องทางจัดจำหน่ายหลัก: ตัวแทนจำหน่าย 53% (ทั่วประเทศ), ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ 17% (Modern Trade), ส่งออกต่างประเทศ 16% (ประเทศเพื่อนบ้าน, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม), และขายตรงโครงการ 14% DRT ได้รับรางวัล ESG 100 และ Rating Double A ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 3 ฉบับ
ในปี 2567 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 4,991 ล้านบาท ลดลง 12% จากปีก่อนหน้า กำไรก่อนดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา 893 ล้านบาท ลดลง 16% กำไรสุทธิ 506 ล้านบาท ลดลง 21% ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของภาคอสังหาริมทรัพย์, นโยบายสินเชื่อของสถาบันการเงิน, และอุทกภัยในไตรมาส 4 อย่างไรก็ดีบริษัทพยายามดูแลเรื่อง Product Mix และต้นทุน
รายได้จากการขายสินค้าและบริการ 4,970 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 12% และต่ำกว่าไตรมาสก่อน 10% สัดส่วนการขาย: กลุ่มหลังคา 42%, ผนังและฝ้า 20%, ไม้ 17%, OEM 7%, สินค้าอื่น ๆ 6% และบริการ 8% ยอดขายลดลง 12% โดยหลักมาจากโครงการ 37%, ตัวแทนจำหน่าย 9%, Modern Trade 6% และ Export ต่ำกว่าเป้า
ต้นทุน 3,705 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 11% สัดส่วนโครงสร้างต้นทุนใกล้เคียงกับปีก่อน (ผันแปรได้ลดลงจาก 71% เหลือ 70%, Fixed Cost เพิ่มจาก 17% เป็น 19% เนื่องจากผลิตน้อยลง, Service Cost ลดลงเล็กน้อยเหลือ 11%) ค่าใช้จ่าย SG&A 688 ล้านบาท ลดลงน้อยกว่ารายได้และต้นทุนที่ลดลง (ลดลง 1%) โครงสร้างค่าใช้จ่ายขายบริหารหลักคือเงินเดือนและผลประโยชน์
กำไรขั้นต้น 1,265 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 13% และจากไตรมาสก่อน 29% กำไรก่อนดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา 893 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 16% และจากไตรมาสก่อน 35% กำไรสุทธิ 506 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 21% และจากไตรมาสก่อน 25% ถึงแม้กำไรลดลง แต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานยังคงอยู่ที่ 795 ล้านบาท มีการจ่ายคืนเงินต้น 67 ล้านบาท, จ่ายดอกเบี้ย 6 ล้านบาท, และจ่ายเงินปันผล 445 ล้านบาท
โครงสร้างหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (เงินกู้ระยะสั้นและยาว) สิ้นปีมีอยู่ 638 ล้านบาท แบ่งเป็นระยะสั้น 88% และระยะยาว 12% อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว 70% และคงที่ 30% อัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.24 (ค่อนข้างต่ำ) แต่เพิ่มขึ้นจาก 0.17 ในปีก่อนเนื่องจากมีการกู้ยืมเพื่อโครงการ CT6 (ปิดไปเมื่อตอนต้นปี) กำไรต่อหุ้น 0.58 บาท คาดว่าจะจ่ายปันผล 0.50 บาท อัตราส่วนการจ่ายปันผลต่อกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 86% ในปีนี้
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
กลยุทธ์การเติบโตของ DRT คือตั้งเป้า Growth ไม่น้อยกว่า 5% ต่อปี รักษาอัตรากำไรขั้นต้น 25-27% และหนี้สินต่อทุนไม่เกิน 1 สัดส่วนปี 2024 ที่ผ่านมากับปี 2025 ในภาพรวมคงจะไม่แตกต่างกันมากนัก
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
สภาพตลาดปี 2567 มีความท้าทายจากเศรษฐกิจชะลอตัว, หนี้ครัวเรือนสูง, เงื่อนไขการให้สินเชื่อเข้มงวด, และการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติลดลง แนวโน้มปี 2568 เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ คอนโดระดับล่างจะได้รับอานิสงส์จากโครงสร้างพื้นฐาน (รถไฟฟ้า) การลงทุนจากต่างชาติ (จีน, รัสเซีย) ยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง บ้านราคาเกิน 20 ล้านบาทมีแนวโน้มอิ่มตัว Townhouse ระดับล่างมีการแข่งขันสูง
พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป: Generation Range (Gen Y และ Gen Z ต้องการเช่าอสังหาริมทรัพย์มากกว่าซื้อ), Universal Design (ออกแบบรองรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุโดยใช้เทคโนโลยี), และ Pet Lover (ต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น) DRT จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทนต่อรอยขีดข่วนและทำความสะอาดง่าย
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
DRT นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ (กระเบื้องหลังคาเซรามิก Emerald, กระเบื้องรุ่นพิเศษที่รองรับการติดตั้งแผงโซลาร์) และระบบหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจร (ทำตั้งแต่โครงสร้างหลังคา, ติดตั้งหลังคา, ติดตั้งกระเบื้องรุ่นพิเศษ, และติดตั้งแผงโซลาร์) มีระบบติดตั้งหลังคา (รับออกแบบ, ทำอาเส, ทำโครงหลังคา Truss, ขนส่ง, และติดตั้ง) Diamond Service (ขนส่งถึงหน้างาน, ติดตั้งกระเบื้องหลังคา, และติดตั้งผลิตภัณฑ์ SPC) มีกลุ่มสินค้า SPC (ไม้บันได SPCFC, พื้น SPC หลากหลาย, และผนัง Fast Panel ที่ได้รับรางวัล Editor Choice)
DRT นำเสนอไม้บันได SPC จุดแข็งคือไม้บันได, ไม้พื้น, ราวจับ, และชานพักเป็นสีเดียวกัน มี SPC Fast Panel ที่ติดตั้งได้อย่างรวดเร็วและทนทาน เหมาะสำหรับใช้ในห้องน้ำ มี Modular House (บ้านสำเร็จรูปสำหรับผู้สูงอายุ), Diamond Café (สารต่อและรองรับการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการ SME), และ Pet House (บ้านของสัตว์เลี้ยง) DRT ปรับแผนด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และเข้าช่องทางใหม่ ๆ (หน่วยงานราชการ, โรงพยาบาล, โรงเรียน, ศาสนสถาน, โรงแรม, และรีสอร์ท) เพื่อตอบโจทย์ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ (การท่องเที่ยว)
กลยุทธ์การตลาดของ DRT คือ ทำการตลาดทั้ง Offline และ Online ไปพร้อม ๆ กัน ปีที่ผ่านมา DRT ได้รับรางวัล Business Plus Product of the Year ในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ (หมวดหลังคา) สื่อสารการตลาดผ่านช่องทาง Mass Media (ทีวี, CNN16, บ้านและสวน, Amarin TV) โปรโมทสินค้าผ่าน KOL ในช่องทาง Online (Influencer, สถาปนิก, DIY, และกลุ่มซ่อมสร้าง) นำเสนอผลิตภัณฑ์ Highlight ในหลายด้านผ่าน Social Media (Facebook, Instagram, YouTube, และ TikTok) สื่อสารไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านแพลตฟอร์ม Online และช่องทางเดิม ๆ (Facebook, Instagram, YouTube, และ TikTok) ออกแบบ Display และ Point of Sale ให้พอดีกับพื้นที่
DRT ทำ Selling Material (Order Handbook 2 ภาษาหลักคือไทยและอังกฤษ) มีทีมสนับสนุนทำ Artwork และ Data Technical ต่าง ๆ ในภาษาท้องถิ่น (เช่นกัมพูชา) ส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาดในทุกรูปแบบ (ช่าง, Sales, PC) เพื่ออัปเดตสินค้า, บริการ, และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงสินค้า Innovation ต่าง ๆ สนับสนุนในกลุ่ม Modern Trade (ร่วมเปิดสาขาใหม่กับไทวัสดุ, Global House และอื่น ๆ) ปี 2024 เปิดไป 19 สาขา และปีนี้มีเป้าหมายเปิดอีก 19 สาขา
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
DRT ยังคงยึดกลยุทธ์ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (สิ่งแวดล้อม, สังคม, ธรรมาภิบาล, และเศรษฐกิจ) เช่น Circular Economy (มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ), Innovation (นวัตกรรมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ), Energy Management System (พัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่อรองรับ Climate Change), และการออกแบบอย่างยั่งยืน (ใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการขยายการลงทุน) ในรอบ 6 ปี DRT ดำเนินโครงการด้านความยั่งยืนไปแล้ว 100 โครงการ แบ่งเป็นระบบดิจิทัลอัตโนมัติ 35 โครงการ, ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน 12 โครงการ, และ Internet of Things 53 โครงการ
ตัวอย่างการดำเนินงานด้าน Circular Economy คือมุ่งสู่ Zero Waste (ใช้ recycle ในปีที่ผ่านมา 33,500 ตัน) และด้าน Energy Management System (ประหยัดพลังงาน 6.7 ล้านเมกะจูล ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 913 ตัน) DRT ยังคงได้รับความต้องการค่า Carbon Footprint จาก Developer (ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจกใน 8 ผลิตภัณฑ์) มีแผนทำ Carbon Footprint for Organization (เสนอให้องค์การบริหารก๊าซเรือนกระจกรับรองในวันที่ 16 กันยายน 2568) เพื่อรองรับ พ.ร.บ. Climate Change ที่จะเกิดขึ้นในปี 2569
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 55:30]
ไม่มีช่วงถาม-ตอบในไฟล์เสียงนี้
โดยสรุป DRT เผชิญกับความท้าทายในปี 2024 แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาผลประกอบการที่ดีที่สุดและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
```