CREDIT
ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567

สรุปสั้น

บริษัทมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,161.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.7% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของสินเชื่อและการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิต ธนาคารยังคงรักษา NIM ที่ 8.7% และ Coverage Ratio ที่ 147.1% แม้ NPL จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.5% เนื่องจากสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือจาก ธปท. Cost to Income Ratio เท่ากับ 39.9% ในไตรมาส 3/2567 สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากการขยายสินเชื่อ ธนาคารมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทำให้ Cost to Income Ratio อยู่ในระดับที่ดีที่ 39.9% กำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 2,431.6 ล้านบาท ลดลง 13.7% YoY สาเหตุหลักมาจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นจากการปรับระดับสินเชื่อ

ธนาคารมุ่งขยายสาขาใหม่และพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า แม้เผชิญกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ


ผู้เขียน อจน. นุ้ย

สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 สูงถึง 1,161.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.7% จากไตรมาส 2 ปี 2567 ที่มีกำไรสุทธิ 820.1 ล้านบาท ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสำคัญคือการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเงินให้สินเชื่อในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี และสินเชื่อบ้านแลกเงิน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สัดส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อรวมลดลง ส่งผลให้ NPL Coverage Ratio เพิ่มขึ้น โดยอยู่ที่ 148.7% ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิในงวด 9 เดือน ปี 2567 ลดลง 13.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (NPL) เพิ่มขึ้นเป็น 3,630.0 ล้านบาท จากการสิ้นสุดมาตรการผ่อนผันการจัดชั้นสินเชื่อที่ธนาคารฯ ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในไตรมาส 1 ปี 2567

ผลการดำเนินงานของ CREDIT ในไตรมาส 3 ปี 2567 นี้ สะท้อนถึงศักยภาพในการเติบโตและความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยง แต่การสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งผลต่อ NPL ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้

**โอกาส:**

* การเติบโตอย่างต่อเนื่องของเงินให้สินเชื่อในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี และสินเชื่อบ้านแลกเงิน
* การบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ NPL Coverage Ratio อยู่ในระดับสูง
* NIM อยู่ที่ 8.7% และ Cost to Income Ratio อยู่ที่ 39.9% ในไตรมาส 3 ปี 2567
* การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินดิจิทัลเพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย


**ความเสี่ยง:**

* การสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท. ส่งผลให้ NPL เพิ่มขึ้น
* ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
* การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมการเงิน


ทั้งหมดนี้ทำให้ CREDIT น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการลงทุนในระยะยาว โดยอาจเน้นการถือหุ้นเพื่อรับผลตอบแทนจากการเติบโตของกำไรและเงินปันผล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกก่อนตัดสินใจลงทุน


NIM

8.70 %

NPL

4.50 %

COV

147.10 %

CREDIT

151,848.70 ล้านบาท

รายได้รวม
3,681.46 ล้านบาท
26.85ล้านบาท
(0.73%)
ไตรมาสก่อนหน้า
194.56ล้านบาท
(5.58%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
12,103.68 ล้านบาท
88.09ล้านบาท
(0.73%)
ไตรมาสก่อนหน้า
884.29ล้านบาท
(7.88%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
328.77 ล้านบาท
0.01ล้านบาท
(0.00%)
ไตรมาสก่อนหน้า
7.01ล้านบาท
(2.18%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
2,411.91 ล้านบาท
80.28ล้านบาท
(3.44%)
ไตรมาสก่อนหน้า
304.26ล้านบาท
(14.44%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
65.52 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
1,161.87 ล้านบาท
341.73ล้านบาท
(41.67%)
ไตรมาสก่อนหน้า
175.87ล้านบาท
(17.84%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
31.56 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
D/E
7.01 เท่า
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล