สรุปงบล่าสุด CREDIT
ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT มีผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2567 ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 82.4% จาก 449.6 ล้านบาท เป็น 820.1 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการที่ธนาคารฯ ยังคงรักษาอัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะผันผวน รวมถึงผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของเงินให้สินเชื่อชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการลดลงของผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวของมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในไตรมาส 1 ปี 2567 นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังมีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพโดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานของธนาคารฯ ที่อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 38.3 ในไตรมาส 2 ปี 2567
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารในไตรมาส 2 ปี 2567 เท่ากับ 3,685.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 สาเหตุหลักมาจากการที่ธนาคารฯ มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 340.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกัน ธนาคารฯ ยังคงรักษาอัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 170.4 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารในงวด 6 เดือนปี 2567 ลดลง 30.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของเงินให้สินเชื่อชั้นที่ 2 ในไตรมาส 1 ปี 2567 แต่ธนาคารฯ ยังคงมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานของธนาคารฯ ที่อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 38.2 รวมถึงอัตราส่วนต่างอัตรารายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 8.9 ในงวด 6 เดือน ปี 2567
ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 CREDIT มีสินเชื่อรวม 148,187.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% จากไตรมาสก่อนหน้า ธนาคารฯ ตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 1,228.1 ล้านบาท ลดลง 25.3% จากไตรมาส 1/2567 สอดคล้องกับปริมาณเงินให้สินเชื่อจัดชั้นที่ 2 ที่ลดลง เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารฯ ส่งผลให้ลูกหนี้สามารถปรับชั้นไปยังชั้นที่ 1 หลังจากช่วงระยะเวลา monitoring performance
CREDIT มี NPL coverage ratio ที่ 147.1% ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 แสดงถึงความสามารถในการรองรับความเสี่ยงจากหนี้เสียได้ดี อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของธนาคารฯ อยู่ที่ 38.3% ในไตรมาส 2 ปี 2567
โอกาสการลงทุน:
* ธนาคารฯ มีการเติบโตของเงินให้สินเชื่ออย่างต่อเนื่อง
* ธนาคารฯ มีผลประกอบการในไตรมาส 2/2567 ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
* ธนาคารฯ มีอัตราส่วน NPL coverage ratio ที่อยู่ในระดับสูง
ความเสี่ยง:
* ผลประกอบการในงวด 6 เดือนปี 2567 ลดลง
* ธนาคารฯ มีแนวโน้มสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น
* สภาวะเศรษฐกิจในประเทศภาพรวมที่ยังคงไม่แน่นอน
CREDIT มี P/E ล่าสุดอยู่ที่ 6.89 และ P/BV ที่ 1.07 แสดงถึงการประเมินมูลค่าที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ในประเทศไทย ราคาหุ้นของ CREDIT ใน 52 สัปดาห์ที่ผ่านมาสูงสุดที่ 27.56 บาท และต่ำสุดที่ 17.61 บาท ราคาล่าสุดอยู่ที่ 23.25 บาท CREDIT จึงอาจเป็นโอกาสการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาวเพื่อรอการเติบโตของกำไรและเงินปันผล อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามผลประกอบการในอนาคตอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนจากการลงทุน
นอกจากนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 CREDIT มีเงินกองทุนตามกฎหมาย 23,039.5 ล้านบาท แสดงถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 15.8% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 15.1% ซึ่งสูงกว่าอัตราขั้นต่ำตามที่ ธปท. กำหนดไว้ที่ร้อยละ 11.0 ร้อยละ 8.5 และ ร้อยละ 7.0 ตามลำดับ
0.00 %
(2.54%)
(9.70%)
(3.40%)
(12.07%)
(0.83%)
(2.16%)
(2.80%)
(21.16%)
(82.42%)
(9.26%)