สรุป OPPDAY หุ้น CPANEL
Oppday
สรุป OPPDAY
```html
CPANEL สรุป Oppday ไตรมาส 3 ปี 2568: โอกาสและการเติบโตในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
สวัสดีท่านผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทุกท่านครับ ผมชาคริต ทิพากรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการของบริษัท ศรีผาน้า จำกัด มหาชน วันนี้ผมจะมาอัปเดตข้อมูลสำคัญในงาน Oppday ไตรมาส 3 ปี 2568 โดยมี 4 หัวข้อหลักดังนี้ Company Overview, Financial Overview, Market Overview และ Q&A
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ศรีผาน้ามีการ Shift Sector และ Shift ตลาดอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ Customer Orientation ที่เปลี่ยนจาก Real Estate Developer เป็น Contractor ซึ่งปัจจุบัน Contractor เป็น Majority แล้ว นอกจากนี้ยังมีการ Shift จาก Precast Panel เดิม 85% เป็น 90-91% ในขณะที่ Amendment ลดลงจาก 15-16% เหลือ 9% ซึ่งเป็นผลจากการทำคอนโดมากขึ้น ทำงานภาครัฐมากขึ้น ทำให้ Ratio เปลี่ยนแปลงไป
ตัวเลข Precast Panel เดิมจากปี 2566 มีสัดส่วน 85% ลดลงเหลือ 82% เนื่องจากเน้นทำบ้าน แต่ตลาดปีนี้เป็นตลาดตึกค่อนข้างมาก คาดว่าอีก 3-4 ปีข้างหน้ากลุ่มคอนโด Low Rise จะเติบโต และเริ่มมี High Rise มากขึ้น
- Real Estate Developer เดิมเกือบ 100% ลดลงเหลือ 23%
- Contractor เพิ่มขึ้นเป็น 76.51%
ปีหน้าคาดว่าคอนโดยังโตต่อเนื่อง แต่ Real Estate Developer ในฝั่ง Housing จะกลับมา
Utilization Rate ในปี 2567 เป็นกราฟขาลงเนื่องจากมี Capacity โรงงานเดียว แต่ปี 2568 เป็นกราฟขาขึ้นเนื่องจากมีโรงงาน 2 โรง และ Utilization Rate 40% ทำให้บริษัทมีกำไร
Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 1,560 ล้านบาท และยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ งานเดิมที่เป็นงานบ้าน Slow Down ทำให้ลูกค้า Delay งานใหม่ๆ ที่ขึ้นมาปีนี้เป็นงานคอนโด ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี (12 เดือน) ทำให้ Backlog ยาวกว่า 1 ปีและรับรู้ต่อเนื่องได้ งานคอนโดที่เป็น Fully Prefabricate มี Sizing ค่อนข้างใหญ่
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
ตลาดตึกโดยเฉพาะคอนโด Low Rise และ High Rise มีโอกาสเติบโตสูงในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ศรีผาน้าจึงเน้นการทำคอนโด Fully Prefabricate และขยายงานภาครัฐ ซึ่งมี Sizing ค่อนข้างใหญ่และ Commitment Timeframe ชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีโอกาสใน Healthcare Center ซึ่งเติบโตจาก 3 ปัจจัยหลัก:
- International Demand ของโรงพยาบาลและ Nursing Home ในไทยดีขึ้น
- Domestic Population Aging ทำให้ความต้องการใช้โรงพยาบาลและ Nursing Home สูงขึ้น
- Policy ของกระทรวงสาธารณสุขที่ Committing ขยาย Facility
CAGR ของ Healthcare Center คาดว่าจะโตขึ้น 5.3% ต่อปีใน 5 ปีข้างหน้า
Global Supply Chain Relocation เป็นอีกโอกาสที่ชัดเจน โดย Foreign Direct Investment ที่ขอผ่าน BOI โตดีมาก โดยไทยเป็นตัวเลือกที่ดีของ Data Center และ Logistics Hub เนื่องจากมีต้นทุนที่ดินต่ำ มี Facility ไฟฟ้าที่ดี และมี Clean Energy
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ความเสี่ยงหลักคือ Shortage Supply ของ Labor ซึ่งมีจำนวนลดลงจาก 4.1 ล้านคน เหลือ 2.2 ล้านคน และยังไม่ Recovery คาดว่าจะ Sustain ต่อไปเรื่อยๆ นอกจากนี้การลดวันทำงานจาก 6 วันเหลือ 5 วัน จะทำให้ค่าแรงทางตรงเพิ่มขึ้นประมาณ 25% ทำให้ต้นทุน Construction Material เพิ่มขึ้น 1-6% และบาง Product อาจขึ้นถึง 10%
จากความเสี่ยงด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น บริษัทรับเหมาก่อสร้างหรือ Developer ต้อง Shift จาก Labor Intensive เป็น Technology Intensive หรือ Capital Intensive เช่น เปลี่ยนจาก Conventional เป็น Precast เพื่อลดผลกระทบจากค่าแรงที่สูงขึ้น หากยังอยู่ใน Labor Intensive มากๆ จะไม่สามารถผลักภาระต้นทุนให้ผู้บริโภคได้
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
ศรีผาน้าเน้นการใช้ Technology และ Capital Intensive มากขึ้น โดยเฉพาะ Precast และ Automate Precast เพื่อลดการพึ่งพาแรงงาน นอกจากนี้ยัง Diversify ไปยัง Sector ที่มีความต้องการสูง เช่น Healthcare Center และงานภาครัฐ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนใน Sector อสังหาริมทรัพย์
บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาระดับ Gross Margin และ Net Profit Margin ให้ได้ตามเป้าหมาย
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
แนวโน้มธุรกิจในอนาคตยังคงสดใส โดยเฉพาะ Sector คอนโดและ Healthcare Center ที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ Global Supply Chain Relocation และนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว
ศรีผาน้าวางเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในตลาด Precast และ Automate Precast โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุน
บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการใช้ Green Technology และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 43:50]
- Q: คาดหวังการเติบโตในปี 2568-2569 อย่างไร
- A: คาดหวังจะกลับมาตลาดยอดขายใกล้เคียงปกติ เนื่องจากมี Backlog และได้งานภาครัฐมา และรอประมูลงานภาครัฐอีก
- Q: ข้อดีของการเน้นงานภาครัฐคืออะไร
- A: เห็นผลการดำเนินงานค่อนข้างชัดเจน
- Q: งานภาคเอกชนเป็นอย่างไร
- A: งานภาคเอกชนประมูลสั้น และมีหลายเจ้ากลับมาเรียกให้เข้าไปทำในไตรมาส 3 โดยเฉพาะเขตชลบุรีเชิงเซา
- Q: Utilization Rate ปัจจุบันเท่าไหร่
- A: 39-45%
- Q: ตั้งเป้า Utilization Rate อย่างไร
- A: Utilization Rate ต้องโตขึ้นเรื่อยๆ
- Q: Utilization Rate เท่าไหร่ถึงจะมีกำไร
- A: ที่ 39% มีกำไรแล้ว
- Q: งบปี 2569 มี CAPEX หรือไม่
- A: ไม่มี CAPEX อะไรเพิ่มแล้ว ตอนนี้ Capitalize คือใช้เงินลงทุนให้ดีขึ้น คำถามพวกนี้ส่วนใหญ่นักลงทุนอาจจะมองเรื่อง Cash Flow ที่ต้องการใช้ ตอนนี้ไม่มี Cash Flow อะไรใหญ่ๆ ที่ต้องใช้แล้ว
- Q: สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้จะหนุนให้เราได้งานเพิ่มขึ้นไหม อย่างไร
- A: ส่งผลกระทบค่อนข้างมากกับ Sector ก่อสร้าง เชื่อว่า Facility หลายๆ ตัวเพื่อเอาไปป้องกันในอนาคต จะมีลงไปที่ภาคใต้เยอะ จริงๆ ภาคใต้เป็นถนนเส้นหลักเส้นเดียว การที่หาดใหญ่ประสบเหตุอย่างนั้น แปลว่าจังหวัดที่ลงไปหลังจากนั้นได้รับผลกระทบด้วยเหมือนกันในฝั่ง Logistics และฝั่งการแพทย์ การที่เกิดเหตุการณ์นี้บ่อยครั้งจะทำให้รัฐจะต้องลงทุนงบประมาณเยอะมาก จะตรงกับเรื่องที่เล่าไปก่อนหน้าว่ารัฐมี Commitment ที่จะ Move Facility เข้ามาหาภาคประชาชนมากขึ้นอยู่แล้ว และด้วยความที่ภัยพิบัติเกิดกระจายทั่วประเทศแต่ละปีไม่คนละที่ ไม่ว่าจะเป็นไฟป่าที่เชียงใหม่ น้ำท่วมที่หน้า สุโขทัย ลงมาตัวหาดใหญ่
- Q: ปีนี้คาดหวังว่าจะโตกี่เปอร์เซ็นต์
- A: 5-10% ปีหน้าจะเป็นปีที่ค่อนข้างดี เพราะเห็น Signal ของการ Recovery เยอะจากภาครัฐและภาคเอกชน
โดยสรุป, CPANEL กำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ โดยมุ่งเน้นไปที่การขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การเติบโตในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
```