สรุปงบล่าสุด CPALL
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
CPALL มีรายได้รวม 241,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% YoY จากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 8.8% YoY มียอดขายเฉลี่ยต่อร้านเพิ่มขึ้น 3.3% YoY ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 10.9% YoY อยู่ที่ 53,175 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 9.2% YoY สาเหตุหลักมาจากค่าผลประโยชน์ตอบแทนพนักงานและการควบบริษัท ส่งผลให้กำไรสุทธิหลังปรับปรุงรายการเพิ่มขึ้น 44.1% YoY เป็น 6,190 ล้านบาท
มีร้านสะดวกซื้อในไทย 15,053 สาขา และต่างประเทศ 107 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยรายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อคิดเป็น 52% ของรายได้รวม การใช้กลยุทธ์พัฒนาสินค้าและโปรโมชั่นตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 29.1% จาก 27.9% YoY ด้านต้นทุนลดลงในส่วนของค่าไฟฟ้า แต่ยังควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ 700 แห่งในปี 2567 พร้อมลงทุนเพิ่มในกัมพูชาและลาว วางงบลงทุน 12,000-13,000 ล้านบาท สำหรับเปิดสาขาใหม่ ปรับปรุงร้านเดิม และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้การเติบโตยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ แม้ยังเผชิญความท้าทายจากต้นทุนพลังงานและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่บริษัทมั่นใจในศักยภาพการบริหารเพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างกำไรอย่างยั่งยืน
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาขา 7-Eleven เพิ่มขึ้น 199 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 รวมเป็น 15,053 สาขา แบ่งเป็นร้านสาขาบริษัท 7,671 สาขา และร้านสาขา Sou SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,382 สาขา บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ 020 เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการ เช่น 7-Delivery และ 7-Eleven App นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางที่ 1 ในใจลูกค้าเมื่อนึกถึงอาหารและเครื่องดื่ม ในด้านรายได้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 241,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 6.6 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ บริษัทฯ ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิ (หลังปรับปรุงรายการ) ในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 6,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 44.1
CPALL วางแผนขยายสาขา 7-Eleven ต่อเนื่องในปี 2567 โดยมีเป้าหมายที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขา รวมถึงการเปิดร้านใหม่เพิ่มในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาว บริษัทฯ คาดการณ์ว่ารายได้จากการขายและบริการ จะเติบโตในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (6%) โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่ อัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม และยอดขายจากช่องทางอื่น ๆ เช่น 7-Delivery และ 7-Eleven App CPALL ตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเน้นการพัฒนา ระบบในการคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และผลักดันให้มีสัดส่วนของสินค้าที่กําไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ทั้งจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค
CPALL คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 12,000 - 13,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800 - 4,000 ล้านบาท การปรับปรุงร้านเดิม 2,900 - 3,500 ล้านบาท โครงการใหม่, บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000 - 4,100 ล้านบาท และสินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300 - 1,400 ล้านบาท
แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของ CPALL ยังคงเน้นการขยายสาขา 7-Eleven และพัฒนาบริการ 020 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน การจัดการของเสียและอาหาร การสร้างคุณค่าทางสังคม และการพัฒนาบุคลากร
CPALL ถือเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ โดยมีอัตราส่วน P/E ล่าสุดอยู่ที่ 25.18 ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด P/BV ล่าสุดอยู่ที่ 4.9 และ YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 1.59 ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลังของ CPALL เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.84 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการชำระหนี้ วงจรเงินสดของ CPALL ติดลบ ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและสามารถเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้ ก่อนที่จะต้องจ่ายเงินสดนั้นออกไปให้กับเจ้าหนี้การค้าหรือนำไปจ่ายหนี้ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานของ CPALL มีจำนวน 87,171.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างผลกำไร ในขณะที่เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ ซึ่งหมายถึงบริษัทนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ แสดงถึงการเติบโตในอนาคต CPALL เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อรับเงินปันผล และนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น
**โอกาส**
* การเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ
* การขยายตัวของตลาด 020
* การเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
* ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
* ประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและการจัดการเงินสด
**ความเสี่ยง**
* การแข่งขันในตลาดร้านสะดวกซื้อ
* การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค
* ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ
* ความเสี่ยงด้านการเมือง
* ความเสี่ยงด้านภัยธรรมชาติ
(2.72%)
(6.56%)
(1.68%)
(10.88%)
(1.05%)
(4.05%)
(0.56%)
(9.17%)
(10.12%)
(26.75%)
(7.66%)
(43.36%)