สรุป OPPDAY หุ้น CKP

บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
CKP Oppday สรุปผลประกอบการปี 2024 และกลยุทธ์ปี 2025 มุ่งสู่พลังงานสะอาด
สวัสดีครับท่านผู้ลงทุนทุกท่าน ขอขอบคุณที่สละเวลามาเข้าร่วมงาน Opportunity Day ของบริษัท CK Power จำกัด (มหาชน) สำหรับรอบ Full Year 2024 ในวันนี้เราจะมาคุยกัน 5 เรื่อง ได้แก่ การ Recap สั้นๆ เกี่ยวกับธุรกิจของ CK Power, ตัวเลข Performance ต่างๆ ในปี 2024, โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง, มุมมอง Outlook ในปี 2025 และต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า และปิดท้ายด้วยคำถามตอบ
CK Power เป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มของ ช.การช่าง โดยมีผู้ถือหุ้นหลักคือ CK ช.การช่าง 30%, TW 25% และ BM 17% รวมทั้ง Group CK ถืออยู่ประมาณ 72% market cap เราอยู่ที่ประมาณ 22,000 ล้านบาท เราอยู่ใน SET ESG และ SET THSI rating ล่าสุดของ Tris ที่ให้ขององค์กรอยู่ที่ A- แนวโน้มคงที่ ส่วน rating ของตัวหุ้นกู้อยู่ที่ Triple B+ ซึ่งเป็น investment grade CG Score เราได้ 5 ดาวต่อเนื่องกันมา 7-8 ปีแล้ว
ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ในปัจจุบัน CK Power ลงทุนในโรงไฟฟ้าทั้งหมด 3 ประเภท หลักๆ จะเป็น Hydro พลังงานน้ำประมาณ 93% มีบางส่วนเป็น Cogeneration ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติประมาณ 6% และส่วนที่เหลือเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ Solar รวมๆ เรามีกำลังการผลิตติดตั้งอยู่ประมาณ 3,600 เมกะวัตต์ หลักๆ เราเป็นพลังงานน้ำและ Solar ฉะนั้น 93% เราถือว่าเป็นพลังงานสะอาดสีเขียว 96% เราขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบางส่วนขายให้การไฟฟ้าของลาวและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในไทย
รายได้รวมของบริษัท CK Power ในงบการเงินรวมปี 2024 ลดลงเล็กน้อยประมาณ 1% จากปี 2023 เหตุผลหลักๆ มาจาก 2 ส่วนคือ ตัว บางปะอิน Cogeneration เนื่องจากเขาใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ในปี 2024 ราคาก๊าซธรรมชาติถูกลงจากปี 2023 รายได้เขาจะมีการ pass through ค่าก๊าซธรรมชาติเข้าไปในราคาขายด้วย เพราะฉะนั้นพอราคาก๊าซลง ราคาขายเขาก็จะลงด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกัน FT ของตัว บางปะอิน Cogeneration ก็ลดลงจากปี 2023 ด้วยเช่นกัน
อีกส่วนหนึ่งที่เป็น other ลดลง 79 ล้านบาท มี 2 ส่วนด้วยกัน ข้างในคือ ส่วนหนึ่งในปี 2023 ตัว บางปะอิน Cogeneration มีการเคลมประกันได้มาประมาณ 23 ล้านบาท และในปี 2023 เช่นกัน ตัวหลวงพระบางมีการจ่าย operating fee เป็นรายการพิเศษเข้ามาที่ CKP ซึ่งในปี 2024 ไม่มี 2 รายการนี้
EBITDA โตขึ้น 15% หลักๆ มาจากตัว น้ำงึม 2 สามารถผลิตไฟได้เยอะขึ้นจากปีที่แล้ว และตัว น้ำงึม 2 ตัว EBITDA Margin ของเขาจะสูงกว่าตัว บางปะอิน Cogeneration และตัว มะเขือส้มที่เป็น Solar เพราะฉะนั้นพอ Performance เขาดี ตัว EBITDA ของทั้งกลุ่มก็เลยดีขึ้นด้วยเช่นกัน ตัว EBITDA ก็จะลดลงนิดหน่อยจากตัว บางปะอิน Cogeneration ที่ค่า FT ลง ตัวเคลมประกัน กับ one time operating fee ของตัวหลวงพระบางที่รับรู้เข้ามาในปี 2023 ซึ่งปี 2024 ไม่มีรายการนี้
ส่วนแบ่งกำไรลดลงประมาณ 33% หลักๆ ก็มาจากตัว Operation ของ ไซยะบุรี ในปี 2024 จะเป็นปีที่เป็น ลานิญา ทำให้ตัวน้ำในแม่น้ำโขงค่อนข้างเยอะมากผิดปกติ ทำให้ตัว ไซยะบุรี เลยจำเป็นต้องหยุดการผลิตชั่วคราวช่วง Q3 แต่ว่าก็ได้ Energy ที่ดีในช่วง Q4 กลับมาชดเชย ซึ่งบางส่วนได้รับการชดเชยโดยตัวหลวงพระบางที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงในปี 2024
กำไรสุทธิลดลงจากปีก่อนประมาณ 10% หลักๆ ก็มาจากตัว Contribution ของ ไซยะ ที่ลดลง เคลมประกันของโรงไฟฟ้า และตัว หลวงพระบาง operating fee และค่าใช้จ่ายทางการเงินของตัว CKP ที่เยอะขึ้น เนื่องจากว่าตัว CKP มีการออกหุ้นกู้เพิ่มในเดือนเมษายนปี 2024 ประมาณ 10,000 ล้านบาท และมีการออกตั๋ว BE เพิ่ม และมีการกู้เงินระยะยาวเพิ่มบางส่วน ทำให้ตัวดอกเบี้ยค่อนข้างเยอะขึ้นนิดหน่อย
น้ำงึม 2 ปีนี้เป็นปีที่ดีของเขา ปี 2024 ถือเป็นปีที่มีกำไรสุทธิเป็น Record High ตั้งแต่เริ่ม Operate มาตั้งแต่ปี 2013 เติบโตในทุกส่วน ทั้งรายได้ ทั้งตัว EBITDA ทั้งตัวกำไรสุทธิ เหตุผลที่ผลประกอบการของตัว น้ำงึม 2 ดีขึ้น มาจากตัวรายได้ขายไฟเป็นหลักเลย ในช่วงต้นปี 2024 มีอัดน้ำในอ่างเก็บน้ำเหลือค่อนข้างเยอะ และมีน้ำไหลเข้าในอ่างเก็บน้ำเยอะขึ้นจากปี 2023 ด้วยเช่นกัน
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตไฟนิดหน่อย หลักๆ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟโดยตรง จะมีเรื่องของค่าผ่านสาย ถ้า น้ำงึม 2 ผลิตไฟแล้วก็จ่ายเข้ามาที่ EGAT จะมีค่าผ่านสายที่ต้องจ่ายโดยไปซึ่งไปผันตรงกับตัว Energy ที่ผลิตเยอะขึ้น และค่าสัมปทานที่ต้องจ่ายให้กับการทำชลประทาน ซึ่งก็ถ้าผลิตเยอะขึ้นก็จะต้องจ่ายค่าสัมปทานเยอะขึ้นตามหน่วยไฟฟ้าด้วยเช่นกัน ค่าใช้จ่ายที่เยอะขึ้นค่อนข้างจะจับแปรกับตัวค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของ น้ำงึม 2 เองที่ลดลง เพราะ น้ำงึม 2 มีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไปแล้วในปี 2024 ประมาณ 1,400 ล้านบาท ก็ไถ่ถอนไปแล้วในในช่วงเดือนตุลาคม 2024
- ทำให้น้ำงึมมีตัวดอกเบี้ยลดลง 26 ล้านบาท
- โดยรวมแล้วตัวกำไรสุทธิของน้ำงึมโตขึ้นประมาณ 80% ในปี 2024
Key activity ในปี 2025 ยังคงต่อเนื่อง ตัวน้ำงึมยังคงมีการซ่อมบำรุงใหญ่ Major Overhaul ตัวน้ำงึม 2 ซ่อมบำรุงใหญ่มาตั้งแต่ปี 2023-2024 ปี 2025 จะเป็นปีสุดท้ายที่มีการซ่อมบำรุงใหญ่ มี 3 ทะเบียนก็ทยอยทำทีละ 1 ทะเบียน การซ่อมบำรุงใหญ่ครั้งสุดท้ายของน้ำเงินในปี 2025 ก็จะทำช่วงปลายปี พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่ใช่หน้าหนาว ไม่ต้องกังวลเรื่องของตัว Operation หุ้นกู้ของน้ำงึมที่จะครบกำหนดชำระในปีนี้ทั้งหมด 3,000 ล้านบาท ในเดือนมีนาคม เดือนกันยายน และเดือนตุลาคม ตามแผน ถ้ามีกระแสเงินสดเหลือเราก็จะไถ่ถอนคืนทั้งหมด อาจจะไม่มีการ Roll over ตัวหุ้นกู้ออกไป
ปี 2024 น้ำงึม 2 ผลิตไฟได้ค่อนข้างเยอะ โตขึ้น year on year 26% จากปี 2023 น้ำในอ่างเก็บน้ำมีค่อนข้างเยอะ ต้นปี 2024 มี 370 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
ต้นปี 2025 เดือนมกราคม มีน้ำไหลเข้ามาแล้ว 121 ล้าน ซึ่งก็เยอะขึ้น ลดลงนิดหน่อยเทียบกับเดือนมกราคมปี 2024 น้ำในอ่างเก็บน้ำมีค่อนข้างเยอะ โดยไม่มีปัญหาในเรื่องของการประกาศความพร้อมจ่าย น้ำงึม 2 ประกาศความพร้อมจ่ายของไตรมาส 1 ของปีนี้ไปแล้ว ประมาณ 400 ล้านหน่วย ซึ่งสูงขึ้นจาก Q1 ปีที่แล้วประมาณ 7% น้ำในอ่างเก็บน้ำก็ยังคงเหลือ ณ สิ้นเดือนมกราคม ยังคงเหลืออยู่ที่ 369 เมตรซึ่งยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง สูงกว่าต้นปี 2024 ด้วยซ้ำไป
ปี 2024 เป็นปีที่เป็น ลานิญา ทำให้ตัวน้ำในแม่น้ำโขงค่อนข้างเยอะผิดปกติ performance ของ ไซยะบุรี ในทุกส่วนลดลงจากปีก่อน โดยเฉพาะในส่วนของตัวกำไรสุทธิจากการดำเนินงานลดลงประมาณ 32% หลักๆ ก็มาจากตัว Energy ที่ลดลงประมาณ 400 ล้าน และมีค่าใช้จ่ายทางการเงินที่สูงขึ้นด้วย ตัวเงินกู้และหุ้นกู้ ตัวเงินกู้เป็นบางส่วนเป็นบาท และบางส่วนเป็น US ดอลลาร์ ก็จะมีดอกเบี้ยที่เป็นทั้งบาทและเป็น US ดอลลาร์ตามสัดส่วน แต่ถ้ามองในแง่ของตัว cost of debt ตัวดอกเบี้ยของตัว ไซยะบุรี ถ้าดูเคิร์ฟ ในสิ้นปี 2024 เคิร์ฟเริ่ม ปรับหัวลงบ้างแล้ว เป็นผลมาจากตัว ทั้งดอกเบี้ยสหรัฐอเมริกาและดอกเบี้ยนโยบายของไทย เริ่มมีการปรับ อัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อตัวค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของตัว ไซยะด้วยเช่นกัน long term loan ของ ไซยะ ณ สิ้นปี 2024 อยู่ที่ประมาณ 80,000 ล้านบาท เป็น หุ้นกู้ที่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ประมาณ 23% และเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ประมาณ 77% key activity ในปีนี้ ไซยะจะมี ซ่อมบำรุง เราเรียกว่าซ่อมบำรุงย่อย Partial Overhaul เป็นครั้งแรกของ ไซยะ ตั้งแต่เริ่มดำเนินงาน จะเริ่มจากดำเนินการในช่วง Q2 ของปีนี้ Partial Overhaul ของ ไซยะ จะแบ่งเป็น ทำ 2 ปี จะได้ปีละประมาณ 3-4 เทอร์ไบน์ ปีแรกจะ ทำเยอะหน่อยประมาณ 4 เทอร์ไบน์ กรอบค่าใช้จ่ายของ การ Partial Overhaul ในช่วงปีแรกก็จะอยู่สักประมาณ 180 ล้าน ส่วนของปี 2566 จะมีกรอบค่าใช้จ่ายประมาณ 120 ล้าน
Energy ในเรื่องของ Operation ของตัว ไซยะบุรี อย่างที่เล่าไปคือในช่วงหน้าฝน ในช่วง Q3 ปริมาณน้ำมาเยอะผิดปกติทำให้โรงไฟฟ้าต้อง หยุดการผลิตไปชั่วคราว แต่ว่า ในช่วง Q4 น้ำยังมาเยอะต่อเนื่อง ซึ่ง ถ้า น้ำมาเยอะในช่วง หน้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน้าหนา Q3 ปกติเนี่ย มันจะถือเป็นการ Utilize เครื่องที่โดยปกติจะไม่ได้ผลิตเต็ม 7 เทอร์ไบน์ ถ้าผลิตเกิน 3-4 เทอร์ไบน์ขึ้นมาจะถือว่าเป็น บวกต่อต่อผลประกอบการของ ไซยะเลยทันที ในช่วง Q4 น้ำมาค่อนข้างดีต่อเนื่องทั้ง 3 เดือนใน Q4 เลยทำให้ตัว Energy เนี่ยเยอะขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านหน่วย ใน 2,200 ล้านหน่วย จะมีบางส่วนที่ตัว ไซยะบุรี เนี่ย นำ ตัวเราเรียกว่า access account ก็คือเราผลิต Energy เกินขั้นต่ำของตัวสัญญา แล้วเราสามารถเก็บเป็น account ได้ ในปี 2022-2023 เราผลิตในส่วนของ secondary Energy เกิน เราเลยเก็บเป็น account ของ secondary Energy carry มาประมาณ 119 ล้านหน่วย มาใช้ในช่วงปลายปี 2024 เลยทำให้ ในเดือนธันวาคม Energy ออกมาประมาณ 700 กว่าล้านหน่วย 744 ล้าน ซึ่งเป็น Energy ที่ค่อนข้างสูง ถึงแม้จะหักตัว account ออกไปที่ 119 เดือนธันวาคมก็ยังมี Energy ที่ผลิตในเดือนจริงๆ อยู่ที่ประมาณ 580 กว่า ซึ่งก็เป็น เป็นเดือนธันวาคมที่สูงมาก
Q4 เราได้ ให้คืนมาใน ในส่วนที่ต้องหยุด ดำเนินการไปในช่วง Q3 เลยทำให้ทั้งปีของ 2024 Energy โดยรวมดรอปลงประมาณ 2-3% ทำให้ตัว Performance ลดลงไม่ ไม่ ไม่ได้มี Performance ที่ลดลงเยอะมากอย่างที่ กังวลกัน ในปี 2025 เดือนมกราคมมี flow เข้ามาแล้วประมาณ 2,000 ซึ่ง ดีกว่าเดือนมกราคมในปี ก่อนปี 2024 Energy เช่นเดียวกันก็ตาม flow สามารถผลิตได้ 480 ล้านหน่วย ซึ่งดีกว่ามกราคมปี 2024 ที่ 391 ล้านหน่วย
ปี 2024 บางปะอิน Cogeneration performance โดยรวมดรอปลง ตัวกำไรสุทธิ ดรอปลงประมาณ 14% หลักๆ มาจากตัวก๊าซธรรมชาติ รายได้เขาจะ pass through ค่าก๊าซเข้าไปใน ในค่า ในในรายได้ขายไฟเลย ราคาก๊าซลงรายได้ก็จะลงด้วย รายได้ที่ลงเนี่ย มันจะมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นเรื่องของค่า FT ที่ลง ซึ่งตรงนี้ค่า FT ที่ลงจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่าย พอราคาราคาก๊าซลงค่าใช้จ่ายจะถูกลงไปด้วย แต่ว่าค่า FT เนี่ยไม่มีค่าใช้จ่ายพอ ค่าก๊าซลง และ ค่า FT ลงด้วยเนี่ย มันเลยทำให้ตัวรายได้เนี่ยลงมาเยอะกว่าตัวค่าใช้จ่ายถูกลง
ปี 2023 มีการเคลมประกันได้ประมาณ 20 กว่าล้าน ซึ่ง 2024 ไม่มี ตรงนี้ก็เลยทำให้รายได้ของปี 2024 ของตัว บางปะอิน Cogeneration ก็ลดลง Key activity ในปี 2025 เราก็ยังคง ต้อง ติดตามต่อเนื่องในเรื่องของราคาก๊าซธรรมชาติ และดูเรื่องของ การจัดการกระแสเงินสด ตัว บางปะอิน Cogeneration 2 ก็จะมี Major Overhaul ในช่วง Q3 ใช้เวลาไม่นานมาก ใช้เวลา 7-8 วัน ไม่ได้กระทบ Operation กรอบค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 25 ล้าน ไม่ได้เยอะมาก Operation โดยรวมของปี 2024 จะมีปิดซ่อมในช่วงกลางปีนิดหน่อย ทำให้ตัว Energy โดยรวมของปีดรอปลง นิดเดียวไม่ถึง 1% บวกกับตัว ค่าก๊าซที่ลงด้วยเลยทำให้ตัว Performance อย่างที่ เรียนไปเมื่อกี้ ในปี 2025 ในช่วง เดือนมกราคม Energy ยังคงใกล้เคียงกับปี มกราคมปี 2024 ลดลงนิดหน่อย ในขณะที่ค่าก๊าซก็ ก็โผล่ขึ้นนิดหน่อยอยู่ที่ประมาณ 330 ล้าน แต่ว่าในฝั่งของ ค่า FT เนี่ยลงมาที่อยู่ 0.37 0.37 จะใช้เรทนี้ไปจนถึงเดือนเมษายน ต้องรอดูต่อไปว่าใน ในเดือน 4 เดือนถัดไปจะ ค่า FT จะ มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทาง
มะเขือส้มที่เป็น Solar โดยรวม performance โดยรวมลดลงจากปีก่อนประมาณ 4-8% หลักๆ มาจากตัว Energy ที่ลดลง ในปี 2024 ฝนตกค่อนข้างเยอะ จบดีอยู่เยอะหน่อย ในปี 2024 ค่า FT ซึ่งเป็น เป็นค่า FT ขายส่งซึ่งเป็นคนละตัวกับของ บางปะอิน Cogeneration แต่ว่า จะมีการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันก็คือ ค่า FT ของตัว มะเขือส้มชัยก็ลดลงด้วยจากปี 2023
ในปี 2025 ในช่วงมกราคมก็ยังคงผลิตได้ใกล้เคียงกับปี 2024 ก็ดับลงนิดหน่อย อันนี้จริงๆ ก็ค่อนข้างเป็นไปตาม การ degreed ของแผน โดยธรรมชาติของ Solar จะมีการ degreed แผน นิดๆ หน่อยๆ ในแต่ละปี
Asset โดยรวม ณ สิ้นปีอยู่ที่ของ CK Power consol อยู่ที่ประมาณ 72,000 หลักๆ โตมาจากตัว cash ที่มาจากตัว operating และเป็นเงินที่ได้มาจากการออกหุ้นกู้ และก็การออก dividend และก็มีการลงทุนเพิ่มในตัว หลวงพระบาง ทำให้ตัว assetโดยรวมได้โตขึ้น ตัว finance ที่เราต้อง ดูแลให้มัน เรโชไม่ไม่ ไม่สูงเกินไป เราดูแลที่ตัว net interest debt equity นะครับไม่ให้เกิน 3 เท่าครับ ซึ่ง ณ สิ้นปี 2024 แค่ 0.52 ซึ่งต่ำกว่า เรโชที่เราต้อง ธำรงสัดส่วนนี้ไว้ค่อนข้างมาก long term loan และก็ตัวหุ้นกู้ ทั้ง Group โดยรวมซึ่งไม่รวมของ หุ้นกู้และหนี้สินของตัวสัญญา แยกกัน ในปี 2024 สิ้นปีที่ประมาณ 31,000 ล้านบาท หลักๆ เกินครึ่ง สักครึ่งหนึ่งของ มาจาก CKP อีกส่วนหนึ่งมาจากตัว น้ำงึม 2 ประมาณสัก 9,800 แล้วก็ส่วนที่เหลือก็จะมีของตัว มาเขือส้มชัยประมาณ 4,000 กว่า อัตราเรื่องของ อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของ CKP Group อยู่ที่ประมาณ 3.7 ซึ่งอันนี้เช่นเดียวกัน อันนี้ไม่รวมของ อัตราดอกเบี้ยของตัว ไซยะบุรี
CapEx และเรื่องของการลงทุน ในปี 2025 เป็นอย่างไร งบในการลงทุนส่วนหนึ่งประมาณ 500 ล้านสำหรับลง ในตัว พลังงานสะอาดอื่นๆ และหลักๆ อีกประมาณ 4,100 ล้านบาท เราตั้งงบประมาณไว้สำหรับการ จ่ายเงินเพิ่มทุนเข้าไปในตัวหลวงพระบางตามสัดส่วน ตาม chart นี้เลยประมาณ 4,100 จะเป็นตัว equity เข้าไป ที่หลวงพระบาง ไปอีก 500 จะเป็น ลง Energy
โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
- ในช่วงกลางปีนี้ เราก็มีแผนที่จะออกหุ้นกู้ ซึ่งจะ เตรียมจะออกหุ้นกู้เป็นในลักษณะของหุ้นกู้ สังคมและสิ่งแวดล้อม จะมีอยู่ 2 บริษัทที่ เตรียมจะออกของ CKP ในช่วงประมาณสักเดือน 6 และของ ไซยะบุรี ก็จะออก สำหรับ Roll over หุ้นกู้เดิมที่จะพบกันในปีนี้เช่นเดียวกัน
- กลางปีนี้ ตัว BM ที่เล่าไปเมื่อ Progress เมื่อกี้ ตัวหนึ่ง CD ไปแล้ว ในช่วง ปลายปี 2024 และอีก 2 ตัวกำลังเตรียมจะ CD ในกลางปี 2027 ตัวมงเขือส้มชัยได้เข้าประมูล ตอ ฟรี อิทฤทธิ์ สันสัญญาไปแล้วตั้งแต่ปี 2000 ประมาณปลายปี 2023 กำหนดการ CD ของ เขาเนี่ยอยู่ที่ปี 2027
- ปี 2030 ตัว หลวงพระบางCD
ในปี 2025 มีการเริ่ม Target ที่จะเริ่มขายตัว Renewable Energy Certificate มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ลาว มีการผลิตไฟในจำนวนหน่วยที่ค่อนข้างเยอะ ถ้า convert มาเป็นตัว IES ตัวเล็ก เนี่ย ก็จะมี ปริมาณเงินที่ค่อนข้างพอสมควร เป็นรายได้เสริมในส่วนหนึ่งนอกเหนือจาก เรื่องของรายได้จากการขายไฟ ปี 2025 เช่นเดียวกัน เรา รอว่าตัว ERC จะเปิดประมูล ตอ ฟรี อิทฤทธิ์ ในเฟส 2 ถ้าเปิดก็พร้อมที่จะเข้าประมูล พื้นที่ และก็มี กำลังคนและก็มีทรัพยากรเตรียมไว้สำหรับ อย่างน้อย 20 เม ขึ้นไป ซึ่งเป็น Solar ปี 2025 เตรียมที่จะเป็น private PPA ที่เป็น Solar อีกประมาณสัก 9 เมตร ปี 2025-2026 เตรียมจะทำกับ Solar กับเพิ่มอีกประมาณสัก 8 เมตร
ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
- ปี 2026-2029 Target ที่จะมี Solar เพิ่มสักประมาณ 80 เมกะวัตต์ต่อปี
- Project อื่นๆ ที่ เราศึกษาอยู่ มีนอกเหนือจาก ที่อยู่บนบนชานี้ก็มี เช่น เรื่องของกรีนไฮโดรเจน เรื่องของตัวแบตเตอรี่ ตัวตัว Energy Storage เรื่องของตัว pump Storage เรื่องของ มันจะเป็นส่วน ส่วนเพิ่มในในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ก็ เป็น เป็นการเก็บกับ ไฟในรูปแบบที่เก็บกับเป็นในรูปแบบน้ำ
วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
ในเฟรมเวิร์คของความยั่งยืน เราก็ดูครอบคลุมทั้ง เรื่องของสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อมมีเรื่องของ Energy management และก็เรื่องของ climate change net zero ในปี 2050 เพิ่มกำลังการผลิต ให้เป็น Renewable ไม่น้อยกว่า 95% ภายในปี 2043 ใช้ไฟภายในขององค์กร 100% จาก พลังงานหมุนเวียนภายในปี 2043 ในระยะสั้นในปี 2025 เรา เตรียมที่จะเปิดเผยงบการเงิน ในตาม standard ล่าสุด คือ IFS2 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกและตลาดหลักทรัพย์ก็สนับสนุนให้ บริษัท จดทะเบียน นำ มาตรฐานมาใช้ ก็ อีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของการออกหุ้นกู้ Green Eventer ที่เล่าไปเมื่อกี้ ทั้งกรีนดี สัญยา อื่นๆ ทั้ง biodiversity ก็คือเรื่องของ Net loss ครับ ไม่มีความสูญเสีย ในระบบนิเวศภายในปี 2040
Human rights จะไม่ให้มีกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้ง value chain ทั้งภายในองค์กรเอง ทั้ง ผู้ค้า ทั้งลูกค้าของเรา CKP มีการทำ Human Rights diligence ไปแล้ว ขอบเขตจะยัง ครอบคลุมเฉพาะตัว บาง บางโรงไฟฟ้าและก็ สถานที่ใหญ่ๆ แต่ว่า ในปี 2025 เรา แพลนที่จะขยาย Human Rights diligence ให้ครอบคลุมทั้งหมดทุกโรงไฟฟ้า ใน ระยะยาว เราก็จะไม่ให้มีเรื่องของการ ที่มีการ เกิดกรณี compain แล้วเราไม่ ไม่ ไม่มีการแก้ไข เราก็จะดูแลแก้ไขในเรื่องของ สังคม ชุมชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้า ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
Plan ปี 2025 เรา แพลนที่จะติด พลังงานสะอาดให้กับชุมชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้าและก็รวมถึงชุมชนที่อยู่ห่างไกลในทุรกันดาร ตั้งเป้าไว้ประมาณ 50,000 วัตต์สำหรับ โซลาร์ มีโครงการกรีน ทุษิณีเขียวทั้งโรงไฟฟ้าเองและก็ใน ในพื้นที่ชุมชน แพลนปีนี้ก็คือไม่น้อยกว่า 35 ไร่ กิจกรรมสุดท้ายคือ เรื่องของ One Otop one product คือการนำเอาภูมิปัญญา ของท้องถิ่นต่างๆ มา ประยุกต์ให้มันเป็น product ที่มีคุณค่าเพิ่ม ในปี 2025 เราตั้งเป้าไว้ว่าจะพัฒนา อย่างน้อย 2 product เพื่อสร้าง รายได้ให้กับชุมชน
ด้านธรรมาภิบาล เรื่องของ Business Model จะมีพันธมิตรใหม่ มี application เพิ่ม และก็มี เวอร์ชั่น ใหม่ๆ การพัฒนา ระบบ Forecast น้ำซึ่งจริงๆ แล้วระบบ Forecast น้ำเนี่ยมี มี มีประยุกต์ใช้