สรุปงบล่าสุด CKP
สรุปงบการเงิน
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการของ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) ไตรมาส 3 ปี 2568
บทความนี้สรุปผลการดำเนินงานของ CKP ในไตรมาส 3 ปี 2568 และงวด 9 เดือนปี 2568 โดยเน้นที่รายได้ กำไร และฐานะทางการเงิน รวมถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน
**1. สรุปรายได้รวมและกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (Core Net Profit)**
* **รายได้รวม:** ในไตรมาส 3 ปี 2568 CKP มีรายได้รวม 3,063.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สำหรับงวด 9 เดือนปี 2568 มีรายได้รวม 8,137.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% YoY (หน้า 1)
* การเพิ่มขึ้นของรายได้รวมนี้มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำนํ้างึม 2 (NN2) เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายไฟฟ้า
* **กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (Core Net Profit):** ในไตรมาส 3 ปี 2568 CKP มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,226.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.6% YoY สำหรับงวด 9 เดือนปี 2568 มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,642.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233.7% YoY (หน้า 1)
* ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นคือ การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรสุทธิจากการดำเนินงานของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่ลดลง รวมถึงรายได้จากการขายไฟฟ้าของ NN2 ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง**
* **ปริมาณน้ำ:** ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (NN2, XPCL และ LPCL) และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ (BKC, NRS และ CRS) ของ CKP พึ่งพาปริมาณน้ำและความเข้มแสงในการผลิตไฟฟ้า (หน้า 14)
* ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของ NN2 ยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากฝนที่ตกตามฤดูกาลและพายุที่พัดผ่าน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้ามากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคม 2568 ที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้ NN2 สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น
* ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงก็เพิ่มสูงขึ้นในปริมาณที่เหมาะสม ส่งผลให้ XPCL สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น
* **ราคาก๊าซธรรมชาติและค่า Ft:** โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของ CKP ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า (หน้า 14)
* ค่าเฉลี่ยราคาก๊าซธรรมชาติของ BIC ในไตรมาส 3 ปี 2568 และงวด 9 เดือนปี 2568 อยู่ที่ 298 และ 315 บาท/MMBTU ลดลง 10.7% และ 5.3% YoY ตามลำดับ ซึ่งการลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติส่งผลต่ออัตราค่าไฟฟ้าของ BIC ที่จำหน่ายให้กับ กฟผ. อัตราค่าไอน้ำ และต้นทุนเชื้อเพลิง
* ค่า Ft ขายปลีกเฉลี่ยในงวด 9 เดือนปี 2568 อยู่ที่ 0.2683 บาทต่อหน่วย ลดลง 32.5% YoY ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าของ BIC ลดลง
* ค่า Ft ขายส่งเฉลี่ยในงวด 9 เดือนปี 2568 อยู่ที่ 0.2164 บาทต่อหน่วย ลดลง 30.4% YoY จึงส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าของ BKC ที่จำหน่ายให้กับ กฟภ. ลดลง
* **อัตราแลกเปลี่ยน:** ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 อัตราแลกเปลี่ยน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ย) อยู่ที่ 32.14 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากต้นงวด 1.69 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (หน้า 15)
* การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าของ NN2 และ XPCL ในงวด 9 เดือนปี 2568 มีแนวโน้มลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก NN2 และ XPCL มีค่าไฟฟ้าบางส่วนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร**
* **รายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำ:** ในไตรมาส 3 ปี 2568 เพิ่มขึ้น 6.4% YoY และในงวด 9 เดือนปี 2568 เพิ่มขึ้น 2.1% YoY (หน้า 4)
* NN2: รายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 44.6% และ 17.2% YoY ในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน ตามลำดับ เนื่องมาจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่สูงขึ้น
* BIC: รายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำลดลง 22.5% และ 8.1% YoY ในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน ตามลำดับ เนื่องมาจากการซ่อมบำรุงนอกแผนและการซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนของโรงไฟฟ้า
* BKC: รายได้จากการขายไฟฟ้าลดลง 4.9% YoY ทั้งในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน เนื่องจากอัตราค่า Ft ขายส่งเฉลี่ยต่ำกว่าปีก่อน
* **ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน:** ในไตรมาส 3 ปี 2568 ลดลง 9.1% YoY และในงวด 9 เดือนปี 2568 ลดลง 3.6% YoY (หน้า 7)
* ค่าเชื้อเพลิงลดลง 24.8% และ 8.6% YoY ในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน ตามลำดับ เนื่องมาจากปริมาณการขายไฟฟ้าของ BIC และราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง
* ค่าดำเนินการและซ่อมบำรุงในไตรมาส 3 ปี 2568 เพิ่มขึ้น 12.8% YoY ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับงานซ่อมบำรุงของ BIC ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2568
* ค่าผ่านสาย (Wheeling Charge) เพิ่มขึ้น 56.9% และ 28.8% YoY ในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน ตามลำดับ ตามปริมาณการส่งไฟฟ้าของ NN2 ที่เพิ่มขึ้น
* ค่าสัมปทานเพิ่มขึ้น 50.0% และ 17.8% YoY ในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของ NN2
* **ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วม:** ในไตรมาส 3 ปี 2568 ลดลง 5.1% YoY ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2568 เพิ่มขึ้น 351.6% YoY (หน้า 9)
* XPCL: ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น 415.8% และ 917.1% YoY ในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน ตามลำดับ เนื่องมาจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
* LPCL: ส่วนแบ่งกำไรลดลง 93.4% และ 17.6% YoY ในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน ตามลำดับ เนื่องมาจากการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากหนี้สินระยะยาวส่วนที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐของ LPCL ที่มีมูลค่าลดลงเมื่อแปลงค่าเป็นเงินบาท
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน**
* **สินทรัพย์:** ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 7.1% จากสิ้นปี 2567 (หน้า 11)
* เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 15.9% จากสิ้นปี 2567 สาเหตุหลักมาจากเงินสดรับจากการออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมครั้งที่ 1/2568 ของบริษัทจำนวน 5,000 ล้านบาท และจากกระแสเงินสดการดำเนินงาน
* เงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 18.8% จากสิ้นปี 2567 จากการทยอยลงทุนเพิ่มเติมใน LPCL และผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2568 ของ XPCL
* **หนี้สิน:** ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 9.8% จากสิ้นปี 2567 (หน้า 11)
* หุ้นกู้เพิ่มขึ้น 14.5% จากสิ้นปี 2567 สาเหตุหลักมาจากการออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมครั้งที่ 1/2568 ของบริษัทในเดือนมิถุนายน 2568 จำนวน 5,000 ล้านบาท
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 4.9% จากสิ้นปี 2567 (หน้า 12)
* กำไรสะสมเพิ่มขึ้น 17.8% จากสิ้นปี 2567 โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนปี 2568 สุทธิกับการจ่ายเงินปันผลประจำปี
**สรุปประเด็นสำคัญ**
* CKP มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 ปี 2568 และงวด 9 เดือนปี 2568 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
* บริษัทมีการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการหลวงพระบาง (LPCL) และได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ XPCL
* CKP ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยได้รับการยอมรับและรางวัลต่างๆ ในด้าน ESG
**อ้างอิง**
* เอกสารคำอธิบายงบการเงินของบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) สำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568
(15.02%)
(5.57%)
(55.96%)
(32.96%)
(35.57%)
(25.92%)
(3.72%)
(5.51%)
(108.17%)
(6.65%)
(46.28%)
(25.16%)