สรุปงบล่าสุด CHOW
สรุปงบการเงิน
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการของ บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) (CHOW) ไตรมาส 3 ปี 2568
**1. สรุปรายได้รวม:**
ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 176.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.7% จากไตรมาสก่อนหน้า (Q2 2568) ที่มีรายได้ 125.29 ล้านบาท แต่ลดลง 64.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (Q3 2567) ที่มีรายได้ 495.36 ล้านบาท บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 0.19 ล้านบาทในไตรมาสนี้ แม้ว่าจะดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขาดทุน 10.43 ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่ากำไรสุทธิ 7.78 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (หน้า 4)
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อรายได้รวม:
* **ธุรกิจเหล็ก:** การหยุดผลิตและจำหน่ายสินค้าตั้งแต่เดือนเมษายนถึงสิงหาคม 2568 เนื่องจากการพิจารณาทบทวนการโอนใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเหล็กล่าช้า ทำให้รายได้ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน (หน้า 2, 4)
* **ธุรกิจพลังงานทางเลือก:** รายได้ลดลงเนื่องจากในไตรมาส 3 ปี 2567 มีการรับรู้รายได้ EPC จากการทยอยส่งมอบโครงการโรงไฟฟ้าให้แก่กลุ่มบริษัทร่วมค้า (หน้า 4)
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 มีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจพลังงานทางเลือก ได้แก่:
* **อัตราค่า Ft:** อัตราค่า Ft ต่อหน่วยปรับลดลงจาก 0.1972 บาทต่อหน่วยในไตรมาส 2 ปี 2568 เป็น 0.1572 บาทต่อหน่วยในไตรมาส 3 ปี 2568 ส่งผลกระทบต่อรายได้จากการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าตามสัญญา PPA (หน้า 2)
* **ฤดูกาล:** เกิดมรสุมในประเทศไทยมากกว่าปกติ ทำให้แสงแดดน้อยกว่าประมาณการและผลิตกระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ (หน้า 3)
* **การขอใบอนุญาตขนานไฟ:** โครงการโรงไฟฟ้าที่ก่อสร้างเสร็จแล้วหลายโครงการยังไม่สามารถ COD ได้เนื่องจากรอใบอนุญาตขนานไฟ ทำให้สูญเสียโอกาสในการขายไฟฟ้า (หน้า 3)
**การลงทุนในโครงการใหม่:**
* ในเดือนกันยายน 2568 กลุ่มบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 100% ในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 10 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการที่ COD แล้ว (หน้า 2)
* กลุ่มบริษัทมีการลงทุนเพิ่มเติมในกลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทนที่ลงทุนร่วมกับกองทุน BlackRock อีก 92 ล้านบาท (หน้า 7)
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* **ต้นทุนขายและบริการ:** เพิ่มขึ้น 40.5% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 65.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน (หน้า 4)
* **กำไรขั้นต้น:** เพิ่มขึ้น 43.8% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 49.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน (หน้า 4)
* **อัตรากำไรขั้นต้น:** อยู่ที่ 6.9% ในไตรมาส 3 ปี 2568 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 6.8% ในไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลงจากปีก่อน (หน้า 4)
* **ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร:** เพิ่มขึ้น 26.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากค่าที่ปรึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโอนใบอนุญาต, ค่าที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาโครงการในต่างประเทศ และการจัดประเภทค่าใช้จ่ายทางตรงที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารในช่วงที่หยุดการผลิต (หน้า 5)
* **ต้นทุนทางการเงิน:** ลดลงเนื่องจากการจ่ายชำระเงินกู้ยืมระยะสั้น (หน้า 5)
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
* **สินทรัพย์รวม:** ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 มีมูลค่า 3,003.87 ล้านบาท ลดลง 16.1% จากสิ้นปี 2567 (หน้า 7)
* **หนี้สินรวม:** มีมูลค่า 674.73 ล้านบาท ลดลง 45.5% จากสิ้นปี 2567 (หน้า 7)
* **ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม:** ลดลง 0.5% จากสิ้นปี 2567 (หน้า 7)
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E):** ไม่ได้ระบุไว้ในเอกสาร
**การวิเคราะห์ฐานะการเงิน:**
* สินทรัพย์รวมลดลงเนื่องจากการลดลงของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด และลูกหนี้การค้า (หน้า 7)
* หนี้สินรวมลดลงเนื่องจากการจ่ายชำระเงินกู้ยืมระยะสั้นและเจ้าหนี้การค้า (หน้า 8)
**ประเด็นสำคัญเพิ่มเติม:**
* บริษัทได้รับอนุมัติให้โอนใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าจากหน่วยงานราชการในเดือนกันยายน 2568 และเริ่มรับคำสั่งผลิตสินค้า (หน้า 4)
* บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) โดยมีการนำแนวคิด ESG มาประยุกต์ใช้ในการบริหารงาน (หน้า 3)
* บริษัทอยู่ระหว่างการอุทธรณ์การประเมินภาษีจากกรมสรรพากรตั้งแต่ปี 2562 เป็นจำนวน 31 ล้านบาท (หน้า 8)
(36.67%)
(61.34%)
(24.12%)
(30.60%)
(9.17%)
(79.67%)
(5.43%)
(26.55%)
(85.04%)
(126.48%)
(20.87%)
(26.82%)