สรุปงบล่าสุด CGD

บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการ CGD: โอกาสและความท้าทายในตลาดอสังหาริมทรัพย์
บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD ในปี 2567 มุ่งเน้นการสร้างผลกำไรจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ และการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ และดำเนินคดีความสำคัญเพื่อรักษาสิทธิทางกฎหมายของบริษัท สำหรับปี 2567 กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 148.5 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.0 เท่า รายได้หลักมาจากการขายอาคารชุด จำนวน 2,004.1 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 39.2% ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.0 เท่า ซึ่งลดลงจากสิ้นปี 2566 ที่อยู่ที่ระดับ 1.1 เท่า และปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 2.7 เท่า ซึ่งเท่ากับ ณ สิ้นปี 2566
CGD มีแนวโน้มที่จะเติบโตจากการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องของโครงการโฟร์ซีซันส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพฯ ซึ่งสร้างกระแสเงินสดรับอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสบนพื้นที่ 23 ไร่ บริเวณพระราม 3 โดยส่วนแรกเป็นโรงเรียนนานาชาติที่สามารถรองรับนักเรียนได้มากถึง 1,800 คน คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปีการศึกษา 2569 ส่วนที่สองเป็นอาคารที่พักอาศัยระดับพรีเมียมสูง 60 ชั้น ที่ได้รับการอนุมัติ EIA แล้ว บริษัทยังมีแผนพัฒนาที่ดินกว่า 80 ไร่ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งจะเปิดเผยรายละเอียดในช่วงปลายปี 2568
ผลประกอบการของ CGD ในปี 2567 แสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการทำกำไรท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ แม้ว่ารายได้รวมจะลดลง 46% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง ช่วยลดผลกระทบต่อกำไรจากการดำเนินงานได้บางส่วน การพึ่งพารายได้จากโครงการโฟร์ซีซันส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ เป็นหลัก แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของโครงการนี้ต่อผลประกอบการโดยรวม การลงทุนใน CGD จึงมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปกับโอกาสในการเติบโตจากโครงการใหม่และแผนการพัฒนาที่ดินในอนาคต
**วิเคราะห์เพิ่มเติม:**
จากข้อมูลที่ให้มา พบว่าราคาหุ้น CGD มีความผันผวนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีแนวโน้มลดลงในช่วงหลังปี 2561 P/E Ratio ล่าสุดติดลบ แสดงว่าบริษัทไม่มีกำไร หรือมีผลขาดทุนในช่วงนั้น P/BV Ratio อยู่ที่ 0.51 แสดงว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าหุ้นมีราคาถูก แต่ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย D/E Ratio ค่อนข้างสูง แสดงว่าบริษัทมีการใช้หนี้สินในการดำเนินงานมาก อัตรากำไรสุทธิเป็นลบ แสดงว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ
* **โอกาส:**
* โครงการโฟร์ซีซันส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ ยังคงสร้างรายได้และกระแสเงินสด
* แผนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสและที่ดินในฉะเชิงเทรา
* การลดต้นทุนทางการเงินจากการชำระหนี้
* **ความเสี่ยง:**
* สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
* แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
* การพึ่งพารายได้จากโครงการเดียว
* หนี้สินที่อยู่ในระดับสูง
**ข้อมูลการเงินเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์:**
* วงจรเงินสดติดลบในปีล่าสุด แสดงว่าบริษัทสามารถเก็บเงินสดได้เร็วกว่าการจ่ายหนี้
* การลดลงของรายได้รวมและกำไรสุทธิในปีล่าสุด
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานเป็นบวก แสดงว่าบริษัทสามารถสร้างเงินสดจากการดำเนินงานได้
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนเป็นลบ แสดงว่าบริษัทมีการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ
โดยรวมแล้ว การลงทุนใน CGD มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง นักลงทุนควรพิจารณาข้อมูลทางการเงินและปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
(72.16%)
(81.38%)
(79.46%)
(88.21%)
(26.23%)
(36.68%)
(25.38%)
(29.76%)
(561.18%)
(483.23%)
(30.49%)
(30.01%)