สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CAZ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีรายได้จากการให้บริการรับเหมาก่อสร้างรวม 833.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.41% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างที่มีอยู่ในมือที่ได้รับการเซ็นสัญญาในปี 2566 และมีการโอนอำนาจควบคุมงานให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2567 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีงานโครงการที่ยังไม่รับรู้รายได้อีก 2,041.89 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีงานก่อสร้างบางโครงการส่งมอบให้กับลูกค้าภายในปี 2566 เรียบร้อยแล้ว

แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของ CAZ มุ่งเน้นการรับงานก่อสร้างในอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมีอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากปี 2567 อย่างน้อย 10% จากการขยายฐานลูกค้าใหม่ การเข้าร่วมประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมงาน

การวิเคราะห์ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 พบว่าแม้รายได้จะเติบโต แต่กำไรสุทธิกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ผลจากการกู้ยืมเงินระยะสั้น และหนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงิน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการก่อสร้าง และการปรับปรุงต้นทุนงบประมาณบางโครงการให้เป็นปัจจุบัน รวมถึงผลขาดทุนจากบริษัทย่อย ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 13.55% ในไตรมาส 3/2566 เหลือ 6.09% ในไตรมาส 3/2567 เช่นเดียวกับอัตรากำไรสุทธิ ลดลงจาก 7.87% เหลือ 1.09%

โดยรวมแล้ว CAZ มีโอกาสเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเสี่ยง เช่น
- อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
- การแข่งขันในอุตสาหกรรม
- ความเสี่ยงจากโครงการก่อสร้าง
- การปรับปรุงต้นทุนงบประมาณ
- การชะลอตัวของเศรษฐกิจ

โดยภาพรวม CAZ น่าจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว และรอผลตอบแทนจากการเติบโตของธุรกิจ โดยนักลงทุนควรติดตามผลประกอบการและพัฒนาการสำคัญ เช่น การบริหารจัดการหนี้สิน การควบคุมต้นทุน และการรับงานโครงการขนาดใหญ่ เพื่อตัดสินใจลงทุนได้อย่างเหมาะสม