สรุป OPPDAY หุ้น BYD

บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
BYD สรุปผลประกอบการปี 2567 : โอกาสและความท้าทายในตลาดหลักทรัพย์
สวัสดีครับ พบกับการสรุปผลประกอบการสิ้นปี 2567 ของ บมจ.หลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD) โดยจะแบ่งเป็น 6 ส่วน เริ่มจากภาพรวมธุรกิจ, ผลิตภัณฑ์และบริการ, ธุรกิจหลักที่เน้น, สรุปผลการดำเนินงาน, บริษัทลูกที่ลงทุน และช่วงถาม-ตอบ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
- BYD ดำเนินธุรกิจภายใต้ใบอนุญาตของ กลต. เป็นบริษัทโบรกเกอร์ และนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
- Product และ Service ค่อนข้างครอบคลุมและกว้างขวาง
- ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศไทยค่อนข้างจำกัด
- Wealth ของนักลงทุนต้องการขยายการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ เช่น หุ้นต่างประเทศ หรือกองทุนต่างประเทศ
- BYD ให้บริการธุรกิจครบวงจรในแง่ของ Wealth Management
- ณ สิ้นปี มี NCR (Net Capital Ratio) เกือบ 1,600 ล้านบาท คิดเป็น 292% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ กลต. กำหนด
- Top 10 ผู้ถือหุ้น อันดับ 1 คือ EA Mobility (ประมาณ 20%), อันดับ 2 เป็นตัวแทนต่างประเทศ, อันดับ 3 คือ คุณโซน สุนศิริ และคุณฤชัย ฤชัย
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
- บริษัทมุ่งเน้นธุรกิจ Wealth Management เป็นหลัก เพราะอุตสาหกรรมนี้ยังโตอยู่
- มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตเกิน 15% ขึ้นไป
- มีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย รวมถึง Offshore Investment ที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา
- นักลงทุนสามารถนำเงินไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้โดยตรง เช่น หุ้น ETF และกองทุนรวม
- BYD Global Trade และ Portfolio Advisory เป็นตัวกลางในการลงทุน
- Investment Research ภายในบริษัทมีให้ทั้งหุ้นและกองทุนรวม
- Private Fund สำหรับผู้ที่ต้องการให้มืออาชีพจัดการกองทุนให้
- IB (Investment Banking) ครบเครื่อง
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
- สภาพตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนและจำกัด
- มีความเสี่ยงด้าน Default Risk ของหุ้นกู้ในประเทศ
- การแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์และ Wealth Management สูง
- ความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองทั้งในและต่างประเทศ
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
- ขยายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากตลาดในประเทศ
- นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน
- เน้นการให้ความรู้แก่นักลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง
- ปรับโครงสร้างองค์กรและทีมงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
- เลือกหุ้นกู้ที่มี Rating ดีๆ มาเสิร์ฟนักลงทุน
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
- บริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโตเป็น 30,000-50,000 ล้านบาทในอนาคต
- เน้นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น หุ้นกู้ ตลาดแรก ตลาดรอง, Private Fund, และ Structured Note
- ขยายธุรกิจประกันในฐานะ Agent หรือนายหน้า
- เพิ่มผลิตภัณฑ์กองทุนรวม โดยเพิ่ม บลจ.Talies ที่มีผลิตภัณฑ์ Mega Trend China
- ปีนี้เป็นปีที่หนัก แต่ BYD ก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าและเติบโตต่อไป
- จำนวนลูกค้าและสินทรัพย์ภายใต้การดูแล (AUM) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 41.33]
ไทย สมายล์ บัส
คำถาม: ไทย สมายล์ บัส จะเข้าร่วมประมูลโครงการรถเมล์หรือไม่ และจะระดมทุนจากไหน?
คำตอบ: BYD มีกิจการรถเมล์อยู่แล้ว และเร่งเครื่องในการทำ Operation ให้ดีขึ้น (เป็น Operator ไม่ใช่ผู้ผลิตรถ) BYD คงไม่เข้าประมูลโครงการรถเมล์ แต่บริษัทที่ผลิตรถอาจจะเข้าประมูลแทน
ช่องทางขาย
คำถาม: มีช่องทางจำหน่ายและขายบัตรอะไรบ้าง?
คำตอบ:
- ตอนนี้ Traffic เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
- ช่องทางจำหน่ายมีเยอะ จ่ายผ่าน QR Code, บัตรอิเล็กทรอนิกส์, TrueMoney, บัตร Top-up
ผลประกอบการ
คำถาม:
คำตอบ: มีการควบคุมคุณภาพอากาศ และความเร็วรถ ผู้บริหาร อยากให้นักลงทุนลองไปศึกษาประวัติศาสตร์การเดินรถ และงบการเงินของ BTS หรือ BMN (คล้ายๆ กัน) เพื่อเปรียบเทียบ
แก้ไข
คำถาม: แก้ไขปัญหาไทย สมายล์ บัส
คำตอบ: ในอนาคตจะทำให้ไทย สมายล์ บัส จ่ายดอกเบี้ยได้น้อยลง หรือมีหนทางลดภาระให้มากขึ้น เพื่อให้งบการเงินดีขึ้น ซึ่งถือเป็น Upside และตอนนี้ต้องพยายามทำให้ตัว Operating กลับมาเป็นบวก
เป้าหมาย
คำถาม:เป้าหมาย
คำตอบ: ตั้งเป้าจะทำกำไรให้ได้
โดยสรุป BYD มีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและพร้อมให้บริการแก่นักลงทุน แต่ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ ทั้งในเรื่องของสภาพตลาดและความเสี่ยงในการลงทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะแก้ไขปัญหาและเติบโตต่อไปในอนาคต