สรุปด้วย AI(O) BOT

## บทวิเคราะห์ผลประกอบการของบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ไตรมาส 2/2567

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ที่น่าสนใจ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 27,394.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% จากไตรมาส 2/2566 หลัก ๆ มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน สาเหตุสำคัญมาจากราคาไก่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและตลาดส่งออก ขณะที่ราคาสุกรในประเทศก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของ BTG เพิ่มขึ้น 44.7% จาก 2,651.5 ล้านบาทในไตรมาส 2/2566 เป็น 3,836.3 ล้านบาทในไตรมาส 2/2567 และอัตรากำไรขั้นต้นก็เพิ่มขึ้นจาก 10.0% เป็น 14.1% นอกจากนี้ BTG ยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหารต่อรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการอยู่ที่ 10.5% ในไตรมาส 2/2567 อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของ BTG ในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 627.8 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 350.6 ล้านบาทในไตรมาส 2/2566

สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 BTG มีรายได้รวมอยู่ที่ 54,530.6 ล้านบาท ทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายที่สอดคล้องกับการขยายกำลังการผลิตของบริษัทฯ เช่น โรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มผลิตปศุสัตว์ และโรงงานแปรรูปอาหาร กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 6,758.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นก็เพิ่มขึ้นจาก 11.2% เป็น 12.5% กำไรสุทธิของ BTG ในช่วง 6 เดือน อยู่ที่ 503.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 42.2 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 0.9% เพิ่มขึ้นจาก 0.1% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

จากข้อมูลทางการเงินที่ผ่านมา BTG มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.47 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ลดลงเหลือ 1.44 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 แสดงถึงการบริหารหนี้สินที่ดีขึ้น นอกจากนี้ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานของ BTG ในปี 2566 อยู่ที่ 3,234.65 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า BTG มีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้อย่างมั่นคง

## โอกาสและความเสี่ยง

**โอกาส**

* **อุปสงค์ที่แข็งแกร่ง** ธุรกิจอาหารและโปรตีนของ BTG มีอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดส่งออก ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้ในอนาคต
* **การขยายกำลังการผลิต** BTG มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตในธุรกิจต่าง ๆ เช่น โรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มผลิตปศุสัตว์ และโรงงานแปรรูปอาหาร ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตและรายได้ในอนาคต
* **การควบคุมต้นทุน** BTG มีความสามารถในการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรสุทธิในอนาคต
* **การบริหารหนี้สิน** BTG มีการบริหารหนี้สินที่ดี อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่า BTG มีความสามารถในการชำระหนี้

**ความเสี่ยง**

* **ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์** ราคาของวัตถุดิบหลักของ BTG เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และไก่ อาจมีการผันผวนอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและอัตรากำไรสุทธิ
* **การแข่งขันที่รุนแรง** ตลาดอาหารและโปรตีนมีการแข่งขันที่รุนแรง BTG อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาส่วนแบ่งการตลาด
* **โรคระบาด** การเกิดโรคระบาดในสัตว์ เช่น โรคไข้หวัดนก อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและยอดขายของ BTG

## โอกาสการลงทุน

จากการวิเคราะห์ผลประกอบการและข้อมูลทางการเงินย้อนหลัง BTG น่าจะเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่มองหาโอกาสการเติบโตของธุรกิจอาหารและโปรตีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดส่งออก ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลังของ BTG อยู่ที่ 24.8 บาท และ P/E อยู่ที่ -100 แสดงถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อ BTG ค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ต่ำ และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ BTG มีโอกาสที่จะปรับปรุงผลประกอบการในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ BTG มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (YIELD) อยู่ที่ 1.09%

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ การแข่งขันที่รุนแรง และโรคระบาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ BTG ได้ รวมถึงศึกษาข้อมูลทางการเงินเพิ่มเติม เช่น ลักษณะธุรกิจของบริษัท D/E เก็บหนี้เฉลี่ย ขายสินค้าเฉลี่ย วงจรเงินสด เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน และ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน