สรุปด้วย AI(O) BOT

## บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) : บทวิเคราะห์ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567

บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีรายได้รวม 1,134.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 121.3 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 10.7% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตคือ การจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับคู่ค้าเพิ่มขึ้น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้ยาเพื่อรักษาโรค และการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การจัดตั้งบริษัทย่อย บีเคดี วีว่า จำกัด เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม และผลักดันกลยุทธ์ Business to Professional (B2P) ในช่องทางการขายต่างประเทศผ่านการขายตรงให้กับโรงพยาบาลและคลินิก ก็เป็นปัจจัยหนุนให้ปริมาณการขายสินค้าและรายได้จากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายได้จากผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน เพิ่มขึ้น 80.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 10.3% ส่วนผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เติบโตในงวด 9 เดือนของปี 2567 คิดเป็นอัตราการเติบโต 42.2% และ 16.8% ตามลำดับ เนื่องจากการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลและร้านขายยาเพิ่มขึ้น การออกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใหม่ และการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

บริษัทวางแผนที่จะรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการทำการตลาดและการสร้างแบรนด์สำหรับกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงมากขึ้น แผนธุรกิจในอนาคตเน้นการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการจัดจำหน่าย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยตั้งเป้ารายได้ในปี 2568 ที่ 1,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 30%

ผลประกอบการของ BLC ในไตรมาสล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลังบ่งบอกถึงโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตรากำไรสุทธิที่เติบโตต่อเนื่อง อัตราส่วนทางการเงินอย่าง P/E ที่ล่าสุดอยู่ที่ 18.92 สะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนในระดับที่เหมาะสม P/BV ที่อยู่ที่ 1.88 บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน YIELD ที่ 1.98 แม้ว่าจะต่ำกว่า 4% แต่อยู่ในระดับที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการรับเงินปันผล D/E ที่ต่ำกว่า 1 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน และวงจรเงินสดที่ 202.98 แสดงถึงประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้ดี อย่างไรก็ตาม เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนที่ติดลบบ่งบอกถึงการลงทุนต่อยอดธุรกิจอย่างแข็งขัน ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงในระยะยาว โอกาสการลงทุนของ BLC นั้น เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองหาการเติบโตอย่างต่อเนื่องและรับเงินปันผล แต่ควรระมัดระวังความเสี่ยงของการลงทุนต่อยอดธุรกิจที่อาจส่งผลต่อกระแสเงินสดในอนาคต

**โอกาส**

* **การเติบโตของอุตสาหกรรมยาและสุขภาพในไทย:** ตลาดยาและสุขภาพในไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของ BLC
* **การขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ:** BLC มีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโต
* **การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้:** การใช้เทคโนโลยีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการจัดจำหน่าย

**ความเสี่ยง**

* **การแข่งขันสูงในอุตสาหกรรม:** อุตสาหกรรมยาและสุขภาพมีการแข่งขันสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อผลประกอบการของ BLC
* **การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ:** การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในอุตสาหกรรมยาและสุขภาพ อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ BLC
* **ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์:** ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น นำมันไพล อาจมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของ BLC
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนที่ติดลบ:** บริษัทนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดในอนาคต

**ข้อมูลเพิ่มเติม**

* สินทรัพย์รวมของ BLC ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เท่ากับ 2,220.1 ล้านบาท ลดลงจากสินปี 2566 เนื่องจากการลดลงของสินทรัพย์หมุนเวียน
* หนี้สินรวมของ BLC ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เท่ากับ 583.3 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 เนื่องจากการลดลงของหนี้สินหมุนเวียน
* อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.4 เท่า
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานในปี 2566 เท่ากับ 125.97 ล้านบาท

**สรุป**

จากการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้น บริษัท BLC มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต โดยมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อัตราส่วนทางการเงินที่น่าสนใจ และแผนธุรกิจที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน BLC ควรพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการแข่งขัน การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ และความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยรวมแล้ว BLC เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองหาการเติบโตอย่างต่อเนื่องและรับเงินปันผล