BJC
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday BJC ปี 2568 ไตรมาส 3: เจาะลึกผลกระทบ, โอกาส, และความท้าทาย พร้อมแนวโน้มอนาคต

งาน Oppday ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ได้นำเสนอภาพรวมของผลกระทบต่อธุรกิจ, โอกาสทางธุรกิจ, ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ, วิธีการแก้ไขปัญหา, และแนวโน้มในอนาคต โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

  • ผลกระทบเชิงลบ: เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้า, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง, และผลกระทบจากการ Renovate ร้านค้า ทำให้ยอดขายในไตรมาสนี้อ่อนตัวลง 3.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน
  • ผลกระทบเชิงบวก: อัตรากำไรขั้นต้นยังคงทำได้ดี อยู่ที่ 19.9% ดีขึ้นจากปีก่อน 17 basis points สะท้อนการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบและ Supply chain ที่มีประสิทธิภาพ
  • กำไรสุทธิ: อยู่ที่ 637 ล้านบาท ลดลง 9.2% จากยอดขายที่ชะลอตัวและการปรับปรุงร้านค้า แต่ยังอยู่ในกรอบที่ควบคุมได้
  • Profit Improvement Initiative: สามารถทำ Cost saving ได้ถึง 824 ล้านบาท หรือ 107.5% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปี

ตัวอย่างโครงการที่ดำเนินการ: Optimization เตาหลอม, Raw material efficiency ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์, และ Automation ในกลุ่มอุปโภคบริโภค

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

  • การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง BJC Logistics และ DHL Supply Chain: ยกระดับโครงสร้างโลจิสติกส์ของ BJC Big C ให้มีมาตรฐานสากล คาดการณ์ Cost saving 360 ล้านบาทในปีที่ 3
  • การเข้าถึงตลาด Healthcare: ความร่วมมือกับ DHL เปิดประตูสู่ตลาด Healthcare ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะลูกค้า MNC คาดการณ์การเติบโต 3 เท่าใน 5 ปี
  • การขยายตลาดต่างประเทศ: ขยายโอกาสในฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, พม่า, และแอฟริกา

BJC มีเครือข่ายกระจายสินค้าทางการแพทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ และ DHL มีความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และฐานลูกค้าระดับโลก

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

  • ยอดขายที่ลดลง: จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง, และการ Renovate ร้านค้า
  • การแข่งขัน: การแข่งขันในตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ที่สูง
  • ปัจจัยภายนอก: สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และปัญหาอุทกภัยในภาคใต้

ความเสี่ยงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อยอดขาย, กำไร, และการดำเนินงานของบริษัท

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • Profit Improvement Initiative: มุ่งเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
  • การปรับปรุงร้านค้า: Renovate สาขาขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มยอดขายและกำไรในระยะยาว
  • การขยายช่องทางจำหน่าย: เพิ่มช่องทางออนไลน์และร้านค้าโดนใจ เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
  • การออกสินค้าใหม่: พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและตลาด

BJC มีแผนที่จะ Renovate สาขาขนาดใหญ่ในช่วงไตรมาสที่ 1-3 เพื่อรองรับ High season ในไตรมาสที่ 4

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

  • เป้าหมายปี 2568: ยอดขายทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน, อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 15-20 basis points
  • การเติบโตของธุรกิจ Healthcare: มุ่งเน้นการเป็น Healthcare Supply Chain Platform และเติบโต 3 เท่าใน 5 ปี
  • การขยายสาขา Big C Mini: ปรับปรุงรูปแบบร้านค้าและเพิ่มจำนวนสาขาในอนาคต

BJC วางแผนที่จะเปิด OSS Hub ให้ครบ 75 แห่งภายในสิ้นปี และขยาย Head count เพื่อสนับสนุนการเติบโต

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 41.55]

  1. Q: ผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรสุทธิลดลง 9.2% จากรายได้ที่อ่อนตัวลง สาเหตุหลักมาจากไหน และ GP ดีขึ้นเพราะอะไร รวมถึง SG&A ด้วย
    A: กำไรสุทธิที่ลดลงมาจากยอดขายที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 3.9% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นมาจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วที่มีเรื่องของต้นทุนราคาวัตถุดิบและ Efficiency ที่ดีขึ้น กลุ่มเวชภัณฑ์เองก็มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากเรื่องของ Product Mix กลุ่มอุปโภคบริโภคก็มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากเรื่องที่เราทำ Profit Efficiency ต่างๆ ในโรงงาน เรื่องของการทำ Automation ตรงนี้ก็เป็นการ Drive ทำให้เรามีอัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาส 3 ที่ดีขึ้น SG&A ถ้าดูในแง่ของเปอร์เซ็นต์อาจจะเห็นว่าสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนแต่ถ้าเราดูในแง่ของบาทนะคะ ต้องบอกว่าจริงๆแล้วเราก็เกิดผลจากยอดขายที่อาจจะอ่อนตัวลงไปนะคะ แต่ยังไงก็ตามเราก็ยังมีการติดตามควบคุมอย่างใกล้ชิดในเรื่องของค่าใช้จ่ายขายบริหารในแง่ของบาทนะคะ ถ้าเราเทียบ Quarter ก็ลดลงจากปีก่อนอยู่ที่ 49 ล้านบาท
  2. Q: เป้าหมายในปีนี้ของไตรมาส 4
    A: ในภาพโดยรวมตัวยอดขายของปีนี้เราก็คาดว่าจะสามารถปิดแฟลตนะคะเมื่อเทียบกับปีก่อน ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นในแง่ของ Total year ก็อยู่ที่ 15-20 Basis points ค่ะ
  3. Q: สถานการณ์ชายแดนไทย กัมพูชา กระทบกับธุรกิจเราแค่ไหน
    A: มีบางส่วนเช่นกันนะคะโดยเฉพาะในกลุ่มสาขา Big C นะคะที่ในอยู่ ในส่วนของชายแดนนะคะ อย่างเช่นสาขาสุรินทร์นะคะ สาขาบุรีรัมย์นะคะ สาขาอรัญประเทศต่าง ๆ อย่างนี้ค่ะ ก็ก็จะเห็นได้ว่า Consumption ก็ Drop ลงนะคะ ก็มีกระทบ เซมโซเซลโกรสบ้างนะคะ ในสาขา สาขาที่ แคมโบเนีย เอง ใน ใน กัมพูชา เอง ก็มีผลกระทบบ้างนะคะ เพราะว่าอยู่ สาขาเราอยู่ตรงปอยเปรตนะคะ ก็ก็จะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวไทยที่ข้ามไปที่กัมพูชาช่วงนี้ก็ลดลงจริง ๆ ก็อาจจะมีผลกระทบในเชิงของยอดขายบ้าง แต่ว่า All in all ก็อาจจะไม่ได้เป็น Contribution ที่ใหญ่ นะคะ ของ ของ ธุรกิจ Big C หรอกนะคะ
  4. Q: ปัจจุบันบริษัทได้รับอานิสงส์จากคนละครึ่งมากน้อยแค่ไหน
    A: เราก็ได้ Positive Benefit นะคะ โดยเฉพาะในกลุ่มร้านค้าโดนใจที่เป็นพาร์ทเนอร์กับเรานะคะ เราเห็นยอดขายโดนใจนะคะที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจนนะคะ ในช่วงของ ที่เรามีโพลีซีคนละครึ่ง แต่ว่าก็ต้องบอกว่ามันมีหลายปัจจัยนะคะ ทั้งในแง่ของ อาจจะเป็นในส่วนของคนละครึ่งก็เป็น Positive Impact นะคะ แต่ว่าตอนนี้เรามี เพิ่ม ฮับ นะคะ ในการกระจายสินค้าเข้าร้านโดนใจด้วย โดยใช้สาขา Big C นะคะที่เป็น Physical Store ใน ในการกระจายไป อันนี้ก็เป็นตัวช่วยแล้วรวมไปถึงเรามีเพิ่ม เซลล์ทีม นะคะ เพื่อไปเก็บออเดอร์จากลูกค้าด้วยนะคะ ก็เหล่า นี้ก็เป็นปัจจัยที่ ทั้งแรงหนุนจากข้างนอกแล้วก็แรงหนุนจากข้างในนะคะที่ทำ ให้ ยอดขาย Contribution จากโดนใจเติบโตขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัดเจนนะคะ
  5. Q: บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ไหม
    A: เรามีปิดสาขา Big C Mini นะคะประมาณ 20 กว่าสาขานะคะ ก็ตอน ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่เราก็ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดนะคะก็เฝ้าระวังแล้วก็ในส่วนของไฮเปอร์ ใน แหล่สาขาที่อยู่ในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบนะคะเราก็เปิดเป็นศูนย์ ช่วยเหลือผู้อพยพอยู่นะคะ แล้วก็ อยากจะช่วย Local community ให้ ให้ได้มากที่สุดนะคะ
  6. Q: Net Open Hypermarket 3Q25 เทียบกับ 3Q24 เป็นอย่างไร
    A: อันนี้เป็น Net Close 1 สาขานะคะ เรามีเปิด 1 สาขาคือ ยะลานะคะ แล้วก็เราก็มีปิด สุขาภิบาล 3/2 แล้วก็มีปิด รังสิต 2 นะคะ
  7. Q: Private Label เติบโตจากกลุ่มไหนและ GP Margin เป็นอย่างไร
    A: Category ที่ Drive ก็จะเป็นในกลุ่มที่เป็น Fresh Food นะคะ ที่เรามีออก มีการออกสินค้าใหม่ที่เป็น Private Label อย่างต่อเนื่องนะคะ แล้วก็ต้องเรียนว่าตัว ที่เราออกเนี่ยค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นตัว Drive Margin เพิ่มขึ้นได้เห็น อัพลิฟอย่างชัดเจนเช่นกันนะคะ
  8. Q: (EN) เกี่ยวกับ Big C Hong Kong
    A: (EN) ปีนี้เราเปิดสาขา Big C Mini ที่ฮ่องกงจำนวน 4 สาขา รวมเป็น 23 สาขา ณ สิ้นเดือนกันยายน เราไม่มีแผนเปิดสาขาเพิ่มเติมในไตรมาสที่ 4 เรากำลังเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางอื่น เช่น B2B และ Social Commerce รวมถึงสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางเหล่านั้น
  9. Q: (EN) เกี่ยวกับ Same Store Sales Growth (SSSG) ในไตรมาสที่ 4
    A: (EN) SSSG ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนดีขึ้นจากไตรมาสที่ 3 เล็กน้อย แต่ยังคงติดลบในระดับ Low Single Digits (3-4%) ดีขึ้นจากเดือนกันยายนซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของไตรมาสที่ 3 เรามีความหวังสูงสำหรับช่วงปลายปี โดยเฉพาะเดือนธันวาคมและช่วงเทศกาล เรากำลังเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ในร้าน รวมถึงสินค้าคริสต์มาสและของเล่น ซึ่งในเดือนตุลาคมเติบโตเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ สินค้าในหมวด Camping ก็ทำได้ดี เติบโตประมาณ 20% ในเดือนตุลาคมและเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน
  10. Q: เรามีเป้าหมายในการลดดอกเบี้ยลงได้บ้างไหม ในไตรมาสถัดไป
    A: ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เราก็มีการรีไฟแนนซ์เงินกู้ค่อนข้าง ค่อนข้างหลายก้อนนะคะ ก็จริง ๆ แล้วถ้าดูในแนวทิศทางเนี่ยในไตรมาส 4 อ่ะค่ะ ก็เราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเนี่ยก็จะลดลงได้นะคะ จากไตรมาส 2 3 ที่ผ่านมาได้อย่างแน่นอนเลยนะคะ ก็จะมีเริ่มเห็นอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มดีขึ้นในทุก ๆ ไตรมาสค่ะ

โดยสรุป, BJC เผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่ยังคงมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน, ขยายโอกาสทางธุรกิจ, และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต