สรุป OPPDAY หุ้น BJC

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
BJC ไตรมาส 4/2024: ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง โอกาสเติบโต และกลยุทธ์สู่ความยั่งยืน
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):บริษัทมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและเติบโตขึ้นในทุกด้าน โดยเฉพาะความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นในทุกกลุ่มสินค้าและบริการ กำไรจากการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและทำสถิติสูงสุดในส่วนของ BJC Big C
ยอดขายในไตรมาส 4 อยู่ที่ 48,821 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1.7% จากปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 21% เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน 84 basis points โครงการ Profit Improvement สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรได้ถึง 672 ล้านบาท ซึ่งเกินเป้าหมาย 156% ทำให้ EBITDA เติบโตขึ้น 17%
Average cost of debt อยู่ที่ 3.3% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 3.36% จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลง
ปี 2024 เป็นปีที่สำคัญ บริษัทสามารถทำ Gross Profit Margin ได้สูงถึง 20.3% เติบโตขึ้น 84 basis points จากปีก่อน และเป็นสถิติสูงสุดสำหรับ BJC Big C โดยเฉพาะ Big C ซึ่งถือเป็น All-Time High ตั้งแต่เปิดบริการมา 32 ปี
ยอดขายเติบโตขึ้น 2% จากปีก่อน แม้กำลังซื้อของผู้บริโภคจะมีความท้าทาย แต่ด้วยความพยายามในการหานิว initiative ใหม่ๆ สินค้าใน category ใหม่ๆ และการขยายสาขา ก็เป็นส่วนช่วยผลักดันให้ยอดขาย BJC Big C เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
กลุ่ม Packaging ขับเคลื่อนด้วยบรรจุภัณฑ์กระป๋องจากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และคุณภาพที่ยึดมั่น ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นจากทั้งกลุ่มแก้วและกลุ่มกระป๋อง เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ ประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีขึ้น และโครงการ Profit Improvement
กลุ่มอุปโภคบริโภค ขับเคลื่อนโดยนิว category ที่ช่วยให้เข้าถึงตลาดใหม่ๆ การออกสินค้าแพ็คใหญ่ สินค้าระดับพรีเมียม และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและโครงการ Profit Improvement
Health Care และเทคนิค ขับเคลื่อนโดยการเปิดตัว New Product โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มความงามและ OTC ทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
Modern Retail Supply Chain ขับเคลื่อนโดยกลยุทธ์ที่ดีของกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะ Food ที่มีการเติบโต Same Store Sale Growth มากถึง 10% ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา รวมถึง Product Mix ที่ดี การบริหารจัดการเรื่องค่าขนส่งที่ดีขึ้น ก็ช่วยผลักดันในเรื่องของความสามารถในการทำกำไรของ Big C ที่ดีขึ้น
BJC ได้รับการยอมรับในระดับโลกและสากลในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืน โดยได้รับ DJSI อันดับ 1 ของโลก 3 ปีติดต่อกันด้วยคะแนนสูงสุดตั้งแต่มีการประเมินมา สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staple Retailing และอันดับ 1 ในเอเชียในด้าน ESG จาก ASIA ESG Rating ได้รับการจัดอันดับ AA ในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staple Retailing
เป้าหมายในการทำ Profit Improvement สามารถทำได้เกินเป้าหมาย 156% คิดเป็น 672 ล้านบาท ในปี 2024 โดยมีโครงการหลักๆ เช่น Glass Reformulation, เพิ่มประสิทธิภาพ Air Compressor, ติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ (Packaging), ปรับ process การผลิต, ลดการใช้ labor และลด waste, ใช้เยื่อทางเลือก (Consumer), ติดตั้งระบบ Solar Cell บนหลังคาของสาขาและคลังสินค้า, Optimize การขนส่ง, เพิ่ม Truck Utilization (Big C)
ในไตรมาส 4 ยอดขายอยู่ที่ 48,821 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.4% โดยหลักมาจากกลุ่มเวชภัณฑ์และ Modern Trade อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4 อยู่ที่ 21% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 84 basis points จากทุกกลุ่มสินค้าและบริการ ทำให้ EBITDA เติบโตขึ้น 17% และมี EBITDA Margin อยู่ที่ 9.5% ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดสำหรับ BJC Big C
Net Profit ของเราอยู่ที่ 1,644 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.4% และถ้าดูในภาพของทั้งปี ยอดขายของเราจะอยู่ที่ 157,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 2% ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นก็จะอยู่ที่ 20.3% ก็เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 84 Basis Point จากทุกกลุ่มสินค้าและบริการนะคะ
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):การ Diversify Portfolio โดยเน้นขยายพอร์ตสินค้าและบริการตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เน้นสินค้า Own Brand และการออกสินค้าใหม่ๆ
เสริมความแข็งแกร่งทางด้านธุรกิจระหว่างประเทศ พัฒนาธุรกิจเครือข่ายต่างประเทศที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมองหาโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ ในภูมิภาคอื่นๆ ที่ยังไม่มี Present
Synergy Program ทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทในกลุ่ม BJC Big C และบริษัทในเครือ TCC Group รวมถึงพันธมิตรธุรกิจภายนอก เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งระหว่างกันและตอบสนองตลาดได้ดีขึ้น
ให้ความสำคัญกับ ESG โดยเฉพาะการใช้พลังงานทางเลือกและนวัตกรรมต่างๆ
พัฒนาบุคลากร สร้าง Exceptional Employer Branding เพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว: ขยายฐานลูกค้าโดยเพิ่มเตาหลอมขนาดเล็กใหม่, ปรับปรุงกระบวนการผลิตในเชิง Smart Manufacturing, ขยายธุรกิจไปสู่ระดับโลกมากขึ้น
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระป๋อง: ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย, ปรับปรุงต้นทุนโดยนำเทคโนโลยีและ Innovation ต่างๆ มาใช้, ทำโปรแกรม Aluminum Loop เพื่อเก็บกลับ Recycle กระป๋องอลูมิเนียม
Consumer Supply Chain: เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Cosmeceutical เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าสูงอายุ, เน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เช่น Parrot Skin Food, ขยายยอดขายออนไลน์ให้มากขึ้น, ขยายไปตลาดเกิดใหม่และตลาดมุสลิม
Health Care และเทคนิค: ขยาย Portfolio กลุ่มสินค้าเวชภัณฑ์ ตอบโจทย์ Megatrend เรื่อง Aging Population และ Chronic Disease, เอา AI เข้าไปต่อยอดในสินค้ากลุ่ม Diagnostic, เร่งการเติบโตของธุรกิจ Aesthetic
Big C: ปรับสาขาให้ทันสมัยและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้ามากขึ้น, ทำ Merchandise Transformation โดยเน้นไปที่ Fresh Food, Dry Food และ Non-Food, เร่งพัฒนา Brand สินค้า Private Label, ผลักดัน Out of Store Sale, เน้นการสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและมี Engagement สูง, ทำ Future Proofing
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):การแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น, ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ, ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก, กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่, การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):การปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน, การลดต้นทุน, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ, การขยายช่องทางการขาย, การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง, การลงทุนในเทคโนโลยี, การบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ, การขยายธุรกิจไปยังกลุ่มสินค้าและบริการใหม่ๆ, การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า, การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและ ESG
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 41:40] * เป้าหมาย Revenue Growth: * คำถาม: อยากทราบเป้าหมาย Revenue Growth สำหรับแต่ละ Business Unit สำหรับปี 2025 รวมไปถึงทั้งปีจากการเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ คิดว่า Gross Profit Margin จะดีขึ้นกว่าปีก่อนได้ประมาณเท่าไหร่ * คำตอบ (คุณอัญชลี):* กลยุทธ์ Segment ที่เหลือ (Packaging, Consumer, Healthcare): * คำถาม: ปัจจุบัน MSC contribute Net Profit ประมาณ 50% ซึ่งดูเหมือนกับว่าบริษัทมีแผนพัฒนา Segment นี้อย่างชัดเจน จึงอยากทราบกลยุทธ์ใน Segment ที่เหลือ (Packaging, Consumer, Healthcare) ว่าจะสามารถเสริม EPS Growth ปีนี้ได้อย่างไรบ้าง * คำตอบ (คุณจินดาทิพย์):
- ภาพรวมยอดขาย: คาดว่าจะเติบโตในระดับ Mid Single Digit
- กลุ่มบรรจุภัณฑ์: คาดว่าจะเติบโตจากตลาด Export ที่เป็นหลัก โดยรวมน่าจะเติบโตได้ในระดับ GDP Plus หรือ Low to Mid Single Digit
- กลุ่ม Consumer: คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่า โดยมองการเติบโตมาจาก New Category และ New Product ต่างๆ คาดว่าจะโตได้ในระดับ Mid Single Digit
- กลุ่ม Healthcare และเทคนิค: มองการเติบโตอยู่ที่ระดับ Mid to High Single Digit
- Big C: Total Sale คาดว่าจะอยู่ที่ Mid Single Digit โดยที่ Same Store Sale Growth จะเติบโตอยู่ที่ Low to Mid Single Digit
- Total BJC เลย Gross Profit Margin เรา improve ได้ถึงประมาณ 80 Basis Point ใน 80 Basis Point เนี่ย 40 Basis Point มาจากเรื่องของการที่เราทำ cost saving
- ปี 2025 เนี่ยเราก็เช่นกันนะคะ เราก็ตั้งเป้าหมายถึง 765 ล้านบาท เราก็คิดว่าบางส่วนก็จะเป็น ongoing แต่บางส่วนเนี่ยก็จะ เป็น in new initiative จริงๆที่จะสามารถผลักดันกำไรให้เติบโตขึ้นได้นะคะ ปีเนี้ยอย่างที่