สรุปงบล่าสุด BJC

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC) ปี 2567 และวิเคราะห์แนวโน้ม (อัปเดต)
**ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567:** BJC รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 โดยมีรายได้รวม 44,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของยอดขายกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์, กลุ่มเวชภัณฑ์และเทคนิค และค้าปลีกสมัยใหม่ กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้ (EBIT) ในไตรมาส 4/67 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 16.8% เป็น 3,878 ล้านบาท สะท้อนการเติบโตของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทในไตรมาส 4/67 เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 0.4% เป็น 1,644 ล้านบาท สำหรับภาพรวมทั้งปี 2567 BJC มีรายได้รวม 170,925 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% แต่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทลดลง 16.5% เหลือ 4,001 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากอัตราดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงขึ้น แม้ว่ารายได้จะเติบโตขึ้นเล็กน้อย แต่ภาระดอกเบี้ยและภาษีที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิโดยรวม
**แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต:** BJC มุ่งเน้นการเติบโตผ่านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ประสบความสำเร็จ การขยายส่วนแบ่งตลาด และการขยายสาขา โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอาหารสดในธุรกิจค้าปลีก (Big C) ซึ่งมีการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ที่ 2.2% ในไตรมาส 4/67 (1.5% หากไม่รวม B2B) กลยุทธ์ทางการตลาดเชิงรุกและการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนในโรงงาน การบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ และการปรับส่วนผสมของสินค้า (Product Mix) เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสต็อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนค่าขนส่ง ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 19.4% ในไตรมาส 4/67 จาก 19.1% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายงานผลประกอบการปี 2567 พบว่าบริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้ประจำปีเพิ่มขึ้น 11.9% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นตามแผนกลยุทธ์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและการสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่ง บริษัทยังคงขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปิดและปิดสาขาในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ แพลตฟอร์มออมนิแชนแนลของบริษัทก็มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
**โอกาสและความเสี่ยงในการลงทุน:** การพิจารณาลงทุนในหุ้น BJC ต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายด้านประกอบกัน แม้ว่าผลการดำเนินงานในภาพรวมปี 2567 จะไม่เติบโตอย่างโดดเด่น แต่ยังมีสัญญาณบวกจากการเติบโตของรายได้ โดยเฉพาะในกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ที่มี SSSG เป็นบวก และการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำกำไรขั้นต้น นอกจากนี้ ข้อมูล P/E ล่าสุดที่ 22.47 เท่า และ P/BV ที่ 0.76 เท่า อาจบ่งชี้ว่าราคาหุ้นยังไม่สูงเกินไปนักเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาถึงความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีก
**โอกาส:**
* การขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอาหารสดและผ่านช่องทางออนไลน์ (Omnichannel)
* การเติบโตของกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค จากการออกสินค้าใหม่และการสนับสนุนจากภาครัฐ
* การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการปรับปรุง Product Mix
* การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ในกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่
**ความเสี่ยง:**
* ภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
* การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีก
* ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
* การลดลงของรายได้ค่าเช่าและการให้บริการ
**ความสัมพันธ์และการวิเคราะห์เพิ่มเติม:**
* **รายได้ vs. กำไร:** แม้ว่ารายได้รวมจะเติบโตขึ้น แต่กำไรสุทธิกลับลดลง แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายทางการเงินและภาษีที่เพิ่มขึ้น บริษัทอาจต้องพิจารณาปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อลดภาระดอกเบี้ย
* **อัตรากำไรขั้นต้น vs. อัตรากำไรสุทธิ:** อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิตและบริหารจัดการสินค้า แต่เนื่องจากอัตรากำไรสุทธิลดลง แสดงว่าค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากต้นทุนสินค้ามีผลกระทบต่อกำไรโดยรวม
* **D/E Ratio:** ค่า D/E ที่ค่อนข้างสูง (1.67 เท่า) แสดงถึงการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากหนี้สิน ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงหากอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง
* **ราคาหุ้น:** ข้อมูลราคาหุ้นเฉลี่ยในไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ที่ 23.92 บาท ลดลงจากช่วงก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด นักลงทุนควรพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัท รวมถึงแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ก่อนตัดสินใจลงทุน
**สรุป:** การลงทุนในหุ้น BJC มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง การเติบโตของ SSSG ในกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ และการปรับปรุงอัตรากำไรขั้นต้นเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตาม ภาระดอกเบี้ยและภาษีที่สูงขึ้นยังคงเป็นปัจจัยกดดัน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและพิจารณาถึงความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ก่อนตัดสินใจลงทุน
(5.58%)
(2.03%)
(12.79%)
(6.69%)
(6.81%)
(4.57%)
(1.59%)
(1.43%)
(134.47%)
(0.42%)
(73.23%)
(6.30%)