สรุป OPPDAY หุ้น BEM

บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
```html
สรุป Oppday: BEM เติบโตต่อเนื่อง ขยายโอกาสรับรถไฟฟ้าสายสีส้ม
สวัสดีค่ะนักลงทุนทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่ Opportunity Day ของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด มหาชน หรือ BEM วันนี้เรามีคุณธนวัฒน์ วรรณดิตถ์ ผู้จัดการส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ ที่จะมาให้ข้อมูลและตอบคำถามของทุกท่าน และดิฉัน ภัทราภรณ์ วงศาวนิกิจ ผู้จัดการแผนก นักลงทุนสัมพันธ์ค่ะ จะเป็นผู้นำเสนอผลประกอบการในปี 2567 แล้วก็เหตุการณ์สำคัญที่ผ่านมาในปีที่แล้วนะคะ
สำหรับ Agenda ในวันนี้ ก็จะเป็นตัวเลข average traffic ridership ก่อนนะคะ แล้วก็ต่อด้วย financial highlight company highlight และปิดท้ายด้วย Q&A ค่ะ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ธุรกิจทางด่วน: ในปี 2567 ปริมาณผู้ใช้ทางด่วนอยู่ที่ 1,120,000 เที่ยวต่อวัน ใกล้เคียงกับปีก่อน เส้นทางที่เติบโตได้ดีคือทางด่วนขั้นที่ 2 เซกเตอร์ B ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ทางด่วนขั้นที่ 1 โดยเฉพาะด่านดาวคะนองมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยเนื่องจากงานก่อสร้างทางด่วนพระราม 3 ดาวคะนองวงแหวนรอบนอกตะวันตก ทำให้ผู้ใช้เส้นทางหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางดังกล่าว นอกจากนี้ ทางด่วนขั้นที่ 2 เซกเตอร์ C และ C Plus หรือทางด่วนอุดรรัถยา มีการซ่อมแซมถนนทำให้มีการปิดการจราจรในพื้นที่โดยรอบ ส่วนขั้นที่ 2 เซกเตอร์ D และศรีรัชวงแหวนรอบนอกหรือ SOE มีปริมาณ traffic ใกล้เคียงกับปีก่อน รายได้ค่าผ่านทางเฉลี่ยอยู่ที่ 25.6 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.2% ค่ะ
ธุรกิจรถไฟฟ้า: เติบโตได้เป็นอย่างดี ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 426,900 เที่ยวต่อวัน เติบโต 9.4% year-on-year สำหรับวันทำงานก็เติบโตขึ้นไปเกือบ 500,000 เที่ยวต่อวันแล้ว การเติบโตทั้งสองส่วนนี้มาจากการเปิดรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีลาดพร้าว การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นและมีกิจกรรมรอบ ๆ เส้นทางของสายสีน้ำเงินที่คึกคักมากขึ้น รวมถึงโครงการ mixed use ขนาดใหญ่อย่าง One Bangkok และ Dusit Central Park ที่เพิ่งเริ่มเปิดเฟสแรกในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว รายได้ค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 12.2 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 14% เป็นผลจากการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารสายสีน้ำเงินและการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมปีที่ผ่านมาค่ะ
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทเชื่อว่าหากงานก่อสร้างแล้วเสร็จ traffic ของบริษัทจะสามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง การเติบโตของปริมาณผู้โดยสารจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่จะเปิดในอนาคต โครงการ mixed use ขนาดใหญ่อย่าง One Bangkok และ Dusit Central Park ที่จะเปิดเฟสถัดไป รวมถึงการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว จะเป็นตัวช่วย drive ridership ของบริษัทในอนาคต
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อธุรกิจทางด่วน เช่น งานก่อสร้างที่ทำให้ผู้ใช้เส้นทางหลีกเลี่ยงการใช้ทางด่วน การซ่อมแซมถนนที่ทำให้มีการปิดการจราจรในพื้นที่โดยรอบ
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริษัทมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ โดยการปรับปรุงทางด่วนและการบริหารจัดการการจราจรเพื่อลดผลกระทบจากงานก่อสร้าง
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่า traffic ของบริษัทจะสามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้งหลังงานก่อสร้างแล้วเสร็จ และการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มจะช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารในอนาคต
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้นที่นาที 21:14
- Q: บริษัทได้รับ subsidy บ้างหรือไม่จากนโยบายรถไฟฟ้าฟรีเพื่อลดผลกระทบจากฝุ่น หรือว่าเป็นการขอความร่วมมือ?
A: เป็นการรับทราบตั้งแต่แรกว่าการให้วิ่งใช้บริการฟรีของรถไฟฟ้านั้นอาจจะกระทบรายได้ของบริษัท ทางภาครัฐเองเขาก็ honor สัญญาอยู่แล้ว ไม่ได้มีข้อตกลงความร่วมมืออะไร เพียงแต่ว่าเขาก็ใช้คืน ส่วนที่หายไปที่วิ่งฟรีในช่วง 7 วันนั้น โดยเขาจะใช้รายได้ 7 วันก่อนวันที่เราเริ่ม 7 วันที่วิ่งฟรี เอารายได้อันนั้นเป็น base แล้วก็มาเหมาจ่ายหลังจากที่เราวิ่งฟรีไปแล้ว 7 วัน ภาครัฐอยู่ในระหว่างที่จะนำเงินรายได้ส่วนนั้นกลับคืนให้บริษัทค่ะ
- Q: ทางพิเศษอุดรรัถยาที่จะหมดสัมปทานปี 2569 บริษัทมีแผนอย่างไรบ้าง?
A: จริง ๆ ต้องกล่าวว่าที่หมดสัญญาสัมปทานจะยังไม่ใช่ปี 2569 จะเป็นปี 2578 คือเดิมทางด่วนเส้นนี้ ก็คือเส้นที่ไปเมืองทอง ออกไปธรรมศาสตร์รังสิต ต่อจากแจ้งวัฒนะไป เส้นนี้จริง ๆ มันยังไม่ได้หมดสัญญาในปีนั้น เราได้ต่อสัญญาตอนที่ทางด่วนขั้นที่ 2 จะหมดสัญญาเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เมื่อปี 2020 เราได้มีการเจรจากับทางภาครัฐ เพื่อต่อสัญญาออกไป package ที่รวมอยู่ในโครงการนี้ก็มีทางด่วนขั้นที่ 2 (ฮาคูเซ็ท หรือเราเรียกว่า ฮาคูเซ็ทศรีรัช) และก็ทางพิเศษอุดรรัถยา จะมี Sector D ซึ่งอยู่ในส่วนนี้ของฮาคูเซ็ทสายศรีรัช เรานี้จะได้ extend สัญญาออกไปอีก 15 ปี นับตั้งแต่ปี 2020 ก็จะเป็นปี 2035 ดังนั้นทางด่วนอุดรรัถยาหรือ C+ ก็ยังไม่หมดสัญญาในปี 69 จะหมดสัญญาในปี 2035 (ปีฝรั่ง) ค่ะ
- Q: มองว่าจาก 5 ปีต่อจากนี้นี่เหมือนจะโตขึ้นเรื่อย ๆ มีความเห็นอย่างไรบ้าง?
A: เนื่องจากบริษัทเองอยู่ในช่วงการลงทุน เช่นตอนนี้เรามีการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้มจริง ๆ บริษัทลงทุนในเรื่องของการสั่งซื้อรถไฟ ระบบในการเดินรถต่าง ๆ พวกนี้จริง ๆ เราลงทุนในส่วนนี้ไม่ได้เยอะมาก ประมาณ 30,000 กว่าล้าน ในส่วนของงานโยธาฝั่งตะวันตกประมาณ 90,000 กว่าล้าน ภาครัฐจะเป็นผู้ลงทุน แต่ว่าบริษัทเป็นผู้ที่กู้เงินให้ก่อน แล้วก็ทางภาครัฐจะใช้คืนในปีที่ 3 ของการก่อสร้าง ก็คือปีที่เราเริ่มก่อสร้างเมื่อปีที่แล้ว (ปี 1 ปีนี้ปี 2 ปีถัดไป) หลังจากนั้นภาครัฐจะเริ่มใช้คืนตามที่เราได้ทำสัญญากันไว้ เราทำสัญญากับทางเจ้าหนี้อย่างไรทางภาครัฐก็เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่เราทำอยู่ ก็เป็นการคุยกันเรียบร้อยแล้วในเรื่องนี้ดังนั้นในหลาย ๆ ฝั่งของบริษัทก็จะมีเจ้าหนี้ก็คือทางผู้ให้กู้ (ทางแบงค์ ทางสถาบันการเงิน) งบส่วนนั้น (อีก 90,000 กว่าล้าน) เราไม่เอามานับเพราะว่ามันไม่ใช่หนี้ที่เป็นของบริษัท มันเป็นหนี้ของทางภาครัฐเขามาฝากไว้ก่อน บริษัทเองจริง ๆ มีแค่ 30,000 (30,000 ล้านกว่า ๆ) ในระยะเวลาการก่อสร้างรวมฝั่งตะวันออกรวมฝั่งรถไฟของฝั่งตะวันออกและการก่อสร้างโยธารวมถึงสั่งรถไฟมาวิ่งทั้งระบบฝั่งตะวันตกมันก็ประมาณ 6 ปี 6 ปีเราก็ตีง่าย ๆ เอาเลขกลม ๆ คิดไม่อยากปีละ 5,000 ล้าน ก็สามารถบริหารจัดการได้ หนี้จากของเดิมที่เรามีอยู่แน่นอนช่วงเวลาเราลงทุนเริ่มโปรเจกต์ใหม่อะไรก็แล้วแต่มันก็จะเป็นเรื่องปกติของบริษัทที่ทำสัมปทานมันจะต้องมีเงินลงทุนก่อการก่อสร้างการใช้เงินแล้วหลังจากนั้นเนี่ยมันเอาเป็น desk curve ใหม่รายได้เมื่อเปิดปั๊บรายได้มันจะกลับมาในในบริษัทเอง สายสีส้มเนี่ยเราก็มองว่าฝั่งตะวันออกเมื่อเราเปิดปี 2571 เนี่ยเฉพาะฝั่งตะวันออกอย่างเดียวมาจดที่จากจากมีนบุรีมาจดที่ศูนย์วัฒนธรรมเนี่ยเราก็น่าจะมีผู้โดยสารประมาณสักแสนเที่ยวต่อวันแสนเที่ยวต่อวันมาจดที่สายสายสีน้ำเงินจะไปไหนก็ต้องเข้าสายสีน้ำเงินอยู่ดี สายสีน้ำเงินเองคิดว่า 80% ของสายสีส้มที่มันเข้าสายเงินเนี่ยก็ไม่น้อยแล้วนั่นคือเหตุหนึ่งที่เราขอไปจัดสายสีเงินนิดนึงว่าเราได้สั่งรถไฟฟ้าเพิ่มโดยลงทุนอีกประมาณ 6,800 ล้านก็จะมาก่อนที่มาพร้อม ๆ กันทยอยมากับสายสีส้มเข้ามาลองรับการเปิดให้บริการไฟฟ้าสายสีส้มซึ่งเราแน่นอนว่าปัจจุบันที่สายสีเงินก็แน่นอยู่แล้ว 21 ขบวนจะทำให้ผู้โดยสารที่ใช้อยู่ในปัจจุบันสะดวกเมื่อเดินไม่ต้องรอนานไม่ต้องรอหลายขบวนเวลาเราก็จะเร็วขึ้นจากเดิม 2 นาทีครึ่งในช่วงพีกอาจจะสั้นกว่านั้นรวมถึงเรามีการปรับปรุงระบบเดิมของรถไฟฟ้าสายสีเงินเพื่อให้รองรับสัญญาณใหม่เพื่อให้รองรับการวิ่งของคนให้มันได้เร็วขึ้น ก็อาจจะดูตกใจว่านี่มันจะเพิ่มขึ้นแน่นอนการลงทุนมันก็จะต้องมีการใช้เงินแต่มันจะไป pay off ในหลังจากนี้ ก็ให้มองอย่างนี้ว่าการลงทุนก็ต้องมีมีค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่ว่ารายได้ในอนาคตมันก็มาพร้อมกับความ เป็นความเติบโตของบริษัทที่จะมีสัมปทานใหม่ ๆ ทำให้บริษัทได้ไปได้อีกเล็กน้อยก็ 30 ปี ซึ่งผมยังไม่รวมถึงอันไม่ว่าจะเป็น สายสีน้ำเงินหรือทางด่วนเส้นที่จะมีเกิดขึ้นในอนาคต แต่เราก็มีการบริหารจัดการคอร์สที่ที่ ที่ efficiency หน่อยในด้านนี้เราก็ทำอย่างนั้นมาตลอดอะไรที่ดอกเบี้ยมันแพงเราก็เปลี่ยนเป็นแบบทำยังไงก็ได้ให้ต้นทุนถูกอย่างเช่นสมมุติว่าโลนมันแพงเราก็ไปทำเป็นหุ้นกู้นะครับอันนี้ต้นทุนทางการเงินเราก็ไม่ได้สูงมาก ก็ก็ถือว่าอยู่ในลักษณะที่เราสามารถจัดการได้ทางผู้บริหารเองก็มองแล้วว่าเราสามารถจัดการอะไรได้บ้าง 2.5 เท่าตอนนี้อยู่ที่ 1.95 ก็อาจจะดูเยอะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วหน่อยนึงเพราะว่าเรามีการออกหุ้นคู่ใหม่เมื่อปีที่แล้วมีโวเวอร์แล้วก็มีการกู้เงินสำหรับการทำไฟฟ้าสายสีส้มตอนนี้ยังยังเป็นอะไรที่พอบริหารจัดการได้ในอนาคตก็เดี๋ยวเป็นเรื่องอนาคตเรามาพูดกันอีกทีหนึ่งแต่ปัจจุบันนี้ก็ก็ยังยังอยู่ได้ในลักษณะที่เราสามารถในการรับได้ค่ะ
- Q: โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง แล้วก็สายสีน้ำเงินจะเข้าร่วม นโยบายนี้ไหม ถ้าเข้ามีลักษณะการเข้าร่วมโครงการอย่างไร?
A: จากตามข่าวก็เห็นว่าภาครัฐทางกระทรวงคมนาคมเองก็อยากจะดำเนินการให้ให้ได้ภายในเดือนกันยายนปี 2568 ก็อันนี้ก็เป็นนโยบายของภาครัฐซึ่งจริง ๆ แล้วทางบริษัทเองไม่ได้มีผลกระทบอะไรเพราะว่าเรายินดีให้ความร่วมมืออยู่แล้ว บริษัทเนี่ยมีสัญญาสัมปทานอยู่ บริษัทก็ก็ต้องไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องของ cash flow ของบริษัท ทางภาครัฐเองก็ต้องมีการใช้คืน อาจจะเป็นในรูปแบบไหนอันนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ไม่ว่าจะเป็นการใช้คืน (เขาเรียกว่า subsidy) วิ่งไป 20 บาทก็ใช้คืนไปทุกเดือนหรือจะเป็นการซื้อคืนอันเนี้ยเป็นนโยบายที่ทางภาครัฐต้องไปศึกษาแล้วก็สรุปแล้วก็มาเจรจาการผัดประสาทอีกครั้งหนึ่งซึ่งบริษัทเองไม่ได้มีประเด็นในเรื่องนี้เราพร้อมให้ความมืออยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการซื้อคืนจะ เป็นการ subsidity เราเราเราจะต้องไม่ได้รับผลกระทบนะแต่ว่าเราก็ให้ความรู้กับภาครัฐเพื่อให้ในโครงการภาครัฐสามารถดำเนินการผ่านไปได้ค่ะ
- Q: บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้อย่างไรบ้าง แล้วก็มีปัจจัยอะไรหนุนบ้าง?
A: ในปี 2568 ก็ในส่วน (เอาเป็น section ไปละกัน) ในส่วนของทางด่วนเองก็น่าจะมีเนื่องจากว่าการก่อสร้างต่าง ๆ มันยังไม่เสร็จในปีนี้ น่าจะเสร็จสิ้นปีประมาณนี้นะครับ ก็ปีหน้าน่าจะเห็น ในนั้นปีนี้ทางด่วน (ในส่วนของทางด่วน) อาจจะทรง ๆ อยู่ ในส่วนของรถไฟฟ้า ตัวสายสีน้ำเงินเองเนี่ยก็น่าอาจจะมีการเติบโตของในจำนวนผู้โดยสารนะฮะประมาณสัก 8% 9% ประมาณนี้ 7 8% 7 8% อ่ะ 8% ก็ได้ครับ ประมาณนี้ ในส่วนของรายได้ของผู้โดยสารสายสีน้ำเงินเนี่ยเนื่องจากว่าเมื่อกี้คุณภัทรภรณ์เรียนไปแล้วว่ามีการเพิ่มค่าโดยสารเพิ่มขึ้นปีที่แล้วนี่เดือนกรกฎาคมเมื่อปี 2567 แต่ปีที่แล้วมันวิกฤตแค่ครึ่งปี เพราะว่ามากรกฎาคมปีนี้จะเต็มปี เพราะฉะนั้นรายได้ของสายสีน้ำเงินในปี 2568 เนี่ยเราน่าจะ expect double digit ในการโตปีนี้นะครับ ในส่วนของการพัฒนาเชิงพาณิชย์ในไม่ว่าจะเป็นการทำป้ายโฆษณาหรืออะไรก็แล้วแต่นะครับในส่วนของสายสีเงินและในบางส่วนข้างด้วยนั้นก็คิดว่าน่าจะเป็น double digit ตัวเช่นกันนะครับภาพรวมรายได้รายได้ของบริษัทปีหน้าน่าจะโตอยู่ประมาณ 4-5% นะครับ ก็น่าจะเป็นในลักษณะนั้นครับ
- Q: จะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารปีนี้ไหม?
A: ปีนี้คงไม่มี ก็จะเป็นการปรับค่าโดยสารทุก 2 ปี จะมีอีกทีปี 2569 ครับ
- Q: 2 เดือนแรกผ่านมาแล้วแนวโน้มผลการดำเนินงานในภาพรวมเป็นอย่างไรบ้าง คาดว่าไตรมาส 1 ปี 2568 จะเติบโตจากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว และไตรมาส 1 ปีที่แล้วหรือไม่?
A: จาก Factor ที่เรียนไปแล้วเมื่อกี้นี้ก็จะ expect ว่าการเติบโตของของไตรมาส 1 ปี 2568 เนี่ยน่าจะโตกว่าปีไตรมาส 1 ของปีที่แล้วแน่นอนจากปัจจัยที่ที่โดยเฉพาะตัว ridership ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนะฮะครับก็น่าจะมีการเติบโต Q4 ถ้าเทียบกับ Q4 Q1 Q คิดว่าน่าจะโตกว่า Q4 เพราะว่า Q4 เป็นช่วงที่วันหยุดเยอะแล้วก็ผู้คนเดินทางไปต่างประเทศบ้างไปพักผ่อนบ้างก็โรงเรียนหยุดบ้างอะไรอย่างเงี้ยมันก็เลยจะมีผลกระทบมาหน่อยครับแล้วก็ประกอบกับค่าใช้จ่ายอะไรต่าง ๆ ในช่วง Q4 ก็มีการ adjustment ในช่วงนั้นในไตรมาส 1 น่าจะเห็นว่าการเติบโตมากกว่ากว่าปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว
- Q: งบลงทุนในปีนี้จะใช้เท่าไหร่ค่ะรองรับโครงการอะไรบ้าง?
A: หลัก ๆ น่าจะเป็นโครงการของรถไฟฟ้าสายสีส้มก็ก็อย่างที่เรียนไปอะฮะ ก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้เราก็ได้ใส่เงินไปบางส่วนแล้ว เราจะคงไม่พูดถึงเรื่องของฝั่งโยธาในฝั่งของการสั่งรถไฟละ การระบบเดือนออกก็อย่างที่เรียนไปปีนึงก็เอา ๆ ง่าย ๆ เรียกกลม ๆ ปีละ 5,000 บวก ลบ นะครับ มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ณ เวลานั้นจะลงอะไรบ้าง ยัง ๆ ยังตอนนี้ยัง ๆ ไม่ได้มีโปรเจกต์อื่นที่จะเกิดขึ้น ก็ทำรถไฟฟ้าสายสีส้มไปก่อนครับ
- Q: บริษัทได้รับเงินชดเชยอย่างไรจากการให้บริการฟรีในช่วงอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมกราคม?
A: จริง ๆ เป็นคำถามที่ก่อนหน้านี้ คือทางภาครัฐจะ (อย่างเรียนไปแล้ว) อย่างภาครัฐเอง เขาจะใช้ตัวเลขรายได้ที่เราได้ก่อนวันที่เขาให้วิ่งฟรี 7 วันคือทั้งคือ เอา รายได้อาทิตย์ 7 วันก่อนหน้านั้นนะฮะ เอามาเป็น base แล้วก็มาเหมาจ่ายว่าไอ้ 7 วันที่เราให้วิ่งฟรีไปแล้ว วิ่งไปแล้วเรามีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ส่วนที่เพิ่มเพราะไม่ได้ให้ก็ให้ average ในส่วนที่ก่อนที่จะให้วิ่งฟรีดังนั้นรายได้ของอาทิตย์ที่ที่เคยได้ก่อนที่จะให้วิ่งฟรีเนี่ยได้เท่าไหร่เหมาจ่ายมาเราก็จะ ได้เลขนั้นกลับคืนมาในในการเป็นรายได้ของเรา ตัวตัวตัวที่ทำให้เราเห็นชัดเจนว่าการวิ่งฟรีเนี่ยเกิดผลอะไรกับบริษัทแน่นอนบริษัทมีมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพราะว่าต้องวิ่งเพิ่มมากขึ้นนะครับแต่ว่าก็เป็นการคุ้มในเรื่องของการการบริหารจัดการผู้โดยสารซึ่งแน่นอนเรามี high นะครับ ผู้โดยสารเข้ามาใช้สูงสุดมีวันหนึ่งที่ 7850,000 เที่ยวต่อวันจากเดิมที่เราเคยเห็นที่ 570,000 ก็ถือว่าเป็น การบริหารจัดการที่เราสามารถรองรับได้ประสิทธิภาพของการวิ่งรถอาจจะรอนานหน่อยสถานีแน่นแต่ว่ามันไม่ได้มีอะไรก็เราสามารถเป็นการเทสว่าเราสามารถจัดการได้เพราะนั้นในอนาคตหากผู้โดยสารมากกว่านี้เราสามารถรับได้บริหารจัดการได้ ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ทดลองความสามารถในการบริหารจัดการของบริษัท เราคิดว่าในอนาคตผู้โดยสารฟรีเห็นเป็นล้านเที่ยวต่อวันซึ่งเราคิดว่าเรารับได้อยู่แล้วอันนี้ไม่ไม่ใช่เรื่องที่จะ น่ากลัวอะไรต่อไปรับท่าน
- Q: สำหรับสายสีน้ำเงินในกรณีที่ภาครัฐซื้อคืนทาง BEM ได้มีการศึกษาการซื้อคืนไหม?
A: อันนี้ ต้องแล้วแต่การเจรจา คือต้องสรุปก่อน ถามว่าภายใน in form ในการคุยกันคงต้องมีการเตรียมตัวอยู่แล้วนะครับ แต่ว่าคงรายละเอียดคงพูดอะไรไม่ได้เพราะว่าเรายังไม่ทราบในในรายละเอียดตรงนั้นครับ
ก็ถ้าหากไม่มีคำถามอะไรแล้วก็บริษัทขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมรับฟัง Opportunity Day ในวันนี้นะคะก็สำหรับวันนี้ก็ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาร่วมรับฟังแล้วก็พบกันใหม่ในงาน Opportunity Day ของบริษัท BEM ในไตรมาสหน้าค่ะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ
โดยสรุป BEM ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แม้จะมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอก บริษัทมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนและมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว
```