สรุปงบล่าสุด BCPG

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
BCPG ปี 67 รายได้รวมลดลง 14.1% กำไรสุทธิส่วนของบริษัทลดลง 28% แต่กำไรจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้น 28.6% รายได้ลดลงจากการขายโครงการในญี่ปุ่น Adder หมดอายุในไทย แต่ได้โครงการใหม่ๆ หนุน ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง BCPG เน้นลงทุนเวียดนามมูลค่า 4,500 ล้านบาท พร้อมความเสี่ยงด้อยค่าสินทรัพย์
BCPG มองโอกาสธุรกิจพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ, อัปเกรดโรงไฟฟ้า Hamilton, โครงการลมลาวใต้ (COD ปีนี้), โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไต้หวัน BCPG ได้รับรางวัล และจัดอันดับ ESG AAA.
IAA คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท/หุ้น เน้นย้ำค่าความพร้อมจ่ายในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรโครงการ Monsoon ที่จะเริ่มรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลัง
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการและแนวโน้มบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG)
BCPG ในปี 2567 มีพัฒนาการที่น่าสนใจหลายด้าน ทั้งการลงนามสัญญาตัวแทนจัดจำหน่ายแบตเตอรี่จาก SVOLT ENERGY TECHNOLOGY CO., LTD. เพื่อขยายธุรกิจจัดเก็บพลังงาน, การร่วมมือพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสีเขียวคาร์บอนต่ำกับบริษัท ไทรเบคภา เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด, และการออกหุ้นกู้ "คาร์บอนเครดิตบอนด์" ครั้งแรกในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนตลาดคาร์บอนเครดิต นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จในการลงทุนเพิ่มในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยขนาด 8.0 เมกะวัตต์ และเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในบริษัท ประทุมวันสมาร์ทดิสทริคท์คูลลิ่ง จำกัด (PSDC) ส่งผลให้ PSDC กลายเป็นบริษัทย่อยของ BCPG ที่สำคัญคือการลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 แห่ง ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 99.0 เมกะวัตต์ มูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท และได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ในระดับ "AAA" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 อย่างไรก็ตาม BCPG ได้จำหน่ายกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด
ในด้านผลการดำเนินงาน ปี 2567 BCPG มีรายได้รวม 4,322.9 ล้านบาท ลดลง 14.1% จากปี 2566 เนื่องจากรายได้ที่ลดลงจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย, โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย และการจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น แต่มีกำไรสุทธิ 1,819.39 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 1,122.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.6% จากปีก่อนหน้า แม้รายได้รวมจะลดลง ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว, โรงไฟฟ้าพลังงานลมในฟิลิปปินส์, และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงความมุ่งมั่นในการพัฒนาด้านความยั่งยืน โดยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และยังคงติดทำเนียบ SET ESG 100 เป็นปีที่ 7
สำหรับแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต BCPG มุ่งเน้นการขยายธุรกิจพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น และลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) และ Smart Grid เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้า การเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต อย่างไรก็ตามการขายโครงการในญี่ปุ่น ทำให้กำลังการผลิตตามสัญญาลดลงเล็กน้อย BCPG ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมสีเขียวคาร์บอนต่ำ และโครงการฟื้นฟูป่าชายเลนเพื่อโลกยั่งยืน บริษัทฯ คาดการณ์ว่าการลงทุนในโครงการเหล่านี้จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และสร้างความแตกต่างให้กับ BCPG ในฐานะผู้นำด้านพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
BCPG มีลักษณะธุรกิจที่แข็งแกร่งในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด รวมถึงการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้น BCPG ก็มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา เช่น ความผันผวนของราคาพลังงาน, การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบภาครัฐ, และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ หากพิจารณาจากข้อมูลราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมา พบว่าราคาหุ้น BCPG มีแนวโน้มลดลงในช่วงปี 2566-2567 แต่ P/BV Ratio ปัจจุบันอยู่ที่ 0.73 เท่า และมี Dividend Yield ที่ 3.5% อาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่มีปันผลและมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว การได้รับรางวัล "The Asset Triple A Awards for Sustainable Finance 2025" จากการออกหุ้นกู้คาร์บอนเครดิตบอนด์ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาด้านความยั่งยืน และเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยเสริมสร้างความน่าสนใจในการลงทุน แม้ว่ารายได้จะลดลง แต่การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ BCPG ยังคงสามารถสร้างผลกำไรที่ดีได้
**โอกาส:**
* การเติบโตของตลาดพลังงานสะอาด
* การสนับสนุนจากภาครัฐสำหรับพลังงานหมุนเวียน
* การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ (เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, สหรัฐอเมริกา)
* การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ (Energy Storage System, Smart Grid)
* การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
**ความเสี่ยง:**
* ความผันผวนของราคาพลังงาน
* การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบภาครัฐ
* ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
* ความเสี่ยงจากปัจจัยฤดูกาลที่มีผลต่อการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและน้ำ
* การด้อยค่าของสินทรัพย์ และการตั้งสำรองหนี้เสีย
* ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
(16.35%)
(28.50%)
(32.46%)
(24.52%)
(19.25%)
(5.58%)
(5.35%)
(23.37%)
(677.26%)
(194.31%)
(445.91%)
(5.42%)