สรุปงบล่าสุด BCH

บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการ หุ้น BCH: ภาพรวมปี 2567 และไตรมาส 4 (อัปเดตล่าสุด)
**ภาพรวมผลประกอบการปี 2567:**
บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH รายงานรายได้รวมสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 11,832.4 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า โดยมีแรงหนุนหลักจากการเติบโตของรายได้จากผู้ป่วยนอก (OPD) ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเพิ่มขึ้น 9.9% ในขณะที่รายได้จากผู้ป่วยใน (IPD) ลดลง 11.3% สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการส่งผู้ป่วยไปรักษาต่างประเทศของรัฐบาลคูเวต นอกจากนี้ รายได้จากผู้ป่วยในโครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ 1.0% เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงค่าบริการกลุ่มผู้ป่วยโรคซับซ้อน (RW > 2) ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมลดลง 244.8 ล้านบาท
กำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน, ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้, ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 2,708.7 ล้านบาท ลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมี EBITDA Margin ที่ 22.9% กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทเท่ากับ 1,282.4 ล้านบาท ลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 10.8%
**ผลกระทบจากปัจจัยพิเศษ:** ในปี 2567 บริษัทได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงค่าบริการกลุ่มผู้ป่วยโรคซับซ้อน (RW > 2) ซึ่งกระทบกำไรสุทธิลดลง 190.7 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีผลกำไรจากยอดดุลสุทธิจากรายการที่เป็นตัวเงินจำนวน 61.8 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการปรับปรุงตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 29 (TAS 29) เรื่องการรายงานทางการเงินในสภาพเศรษฐกิจที่เงินเฟ้อรุนแรงของผลการดำเนินงานโรงพยาบาลใน สปป.ลาว
**ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567:**
ในไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 2,803.6 ล้านบาท ลดลง 8.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ารายได้จากผู้ป่วยนอกทั่วไปจะยังคงเติบโต 3.4% จากความต้องการของผู้ป่วยที่เข้ามารักษาในศูนย์การแพทย์ของโรงพยาบาลในเครือ และรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดศูนย์การแพทย์และบริการทางการแพทย์เพิ่มเติม แต่รายได้จากผู้ป่วยในลดลง 15.0% ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการส่งผู้ป่วยไปรักษานอกประเทศของรัฐบาลคูเวต นอกจากนี้ รายได้จากผู้ป่วยในโครงการประกันสังคมลดลง 15.8% เนื่องจากการบันทึกผลกระทบจากการปรับลดอัตราค่าบริการกลุ่มผู้ป่วยโรคซับซ้อน (RW > 2) สำหรับปี 2567 จำนวน 163.8 ล้านบาท ซึ่งกระทบกำไรส่วนที่เป็นของบริษัท 131.0 ล้านบาท หากไม่พิจารณาปัจจัยนี้ รายได้จากผู้ป่วยในโครงการประกันสังคมจะอยู่ที่ 1,021.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเติบโตจากการให้บริการผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อน การตรวจสุขภาพประจำปี การตรวจการนอนหลับ การให้บริการทันตกรรมในโรงพยาบาล และการให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่
กำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน, ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้, ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 521.4 ล้านบาท ลดลง 36.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี EBITDA Margin ที่ 18.6% และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทจำนวน 233.0 ล้านบาท ลดลง 45.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 8.3%
**ผลการดำเนินงานรายโรงพยาบาล (ไตรมาส 4 ปี 2567):**
* **โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชันแนล อรัญประเทศ:** รายได้ 63.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.0% YoY, EBITDA 11.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161.4% YoY
* **โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี:** รายได้ 47.1 ล้านบาท ลดลง 16.7% YoY, EBITDA (10.3) ล้านบาท
* **โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชันแนล เวียงจันทน์:** รายได้ 88.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% YoY, EBITDA 0.5 ล้านบาท
**จำนวนผู้ประกันตน:** ในไตรมาส 4 ปี 2567 โรงพยาบาลในเครือมีผู้ประกันตนลงทะเบียนเฉลี่ย 1,031,145 ราย เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์มีจำนวนผู้ประกันตนลงทะเบียนเฉลี่ย 931,181 ราย เพิ่มขึ้น 1.9% ในขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลการุญเวชมีจำนวนผู้ประกันตนลงทะเบียนเฉลี่ย 99,964 ราย ลดลง 0.9% แต่เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากการยกระดับโรงพยาบาลการุญเวช ปทุมธานีเป็นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปทุมธานี
**รายได้โควิด-19:** รายได้ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคโควิด-19 จากโครงการภาครัฐในไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ที่ (64.7) ล้านบาท ลดลง 10.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับปรุงรายการที่ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้
**สถานการณ์เศรษฐกิจและผลกระทบ:**
ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 สถานการณ์เศรษฐกิจยังคงมีความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทได้พยายามบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเหล่านี้
**การวิเคราะห์รายได้และกำไร:**
* **รายได้:** การเติบโตของรายได้ผู้ป่วยนอกเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากศูนย์การแพทย์เฉพาะทางและบริการใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม การลดลงของรายได้ผู้ป่วยในและการปรับลดอัตราค่าบริการกลุ่มผู้ป่วยโรคซับซ้อน (RW > 2) ส่งผลกระทบต่อรายได้รวมและกำไรสุทธิ
* **ต้นทุน:** บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้นทุนกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
* **ค่าใช้จ่าย:** ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
* **อัตรากำไร:** อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 30.9% ในไตรมาส 4 ปี 2566 เป็น 22.8% ในไตรมาส 4 ปี 2567 ส่วนอัตรากำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทลดลงจาก 13.9% เป็น 8.3% ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
**สินทรัพย์, หนี้สิน และ กระแสเงินสด:**
* **สินทรัพย์:** ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 17,374.8 ล้านบาท ลดลง 2.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสินทรัพย์หมุนเวียนลดลง แต่สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเพิ่มขึ้น
* **หนี้สิน:** หนี้สินรวม 3,347.9 ล้านบาท ลดลง 16.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการชำระคืนหนี้สินระยะยาวกับสถาบันการเงิน
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 14,027.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผลกำไรสะสมของบริษัท
* **กระแสเงินสด:** บริษัทมีกระแสเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน 2,687.4 ล้านบาท แต่มีกระแสเงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน 1,557.7 ล้านบาท และกิจกรรมจัดหาเงิน 1,927.6 ล้านบาท ทำให้เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลงสุทธิ 837.7 ล้านบาท
* **อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ:** อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.2 เท่า
**ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาส:**
* **ความเสี่ยง:** ปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโรงพยาบาล และความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน
* **โอกาส:** โอกาสในการเติบโต ได้แก่ การขยายสาขาไปยังพื้นที่ใหม่ๆ การพัฒนาบริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย การเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในโครงการประกันสังคม และการดึงดูดผู้ป่วยต่างชาติกลุ่มใหม่ๆ เช่น ผู้ป่วยชาวมัลดีฟส์
**แนวโน้มอนาคตและกลยุทธ์:**
สำหรับปี 2568 บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถการให้บริการทางการแพทย์ ขยายฐานผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ปรับปรุงโรงพยาบาล และยกระดับโรงพยาบาลการุญเวช ปทุมธานี เป็นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปทุมธานี นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการเพิ่มโควตาผู้ประกันตนจากสำนักงานประกันสังคม และเดินหน้าสร้างการรับรู้และขยายฐานผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่อง โดยมีกลยุทธ์การเติบโตที่สำคัญดังนี้:
* **ผลักดันผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงพยาบาลแห่งใหม่:** มุ่งเน้นการดำเนินงานของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชันแนล อรัญประเทศ, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชันแนล เวียงจันทน์
* **ยกระดับการให้บริการทางการแพทย์:** ขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง ให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่ และให้บริการรักษาหัตถการ 5 โรคซับซ้อนอย่างต่อเนื่อง
* **ขยายฐานผู้ประกันตน:** สร้างการรับรู้และขยายฐานผู้ประกันตนลงทะเบียน โดยใช้ประโยชน์จากการเพิ่มโควต้าและการปรับปรุงโรงพยาบาล
* **ขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่:** ดึงดูดผู้ป่วยต่างชาติ เช่น ผู้ป่วยชาวมัลดีฟส์ และขยายฐานผู้รับบริการในคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมรังสีรักษาเกษมราษฎร์ อารี
* **ปรับปรุงและขยายโรงพยาบาล:** ดำเนินการปรับปรุงโรงพยาบาลที่มีอยู่ และก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ เช่น โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ระยอง
**การดำเนินงานด้านความยั่งยืน:**
BCH มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ได้รับการจัดอันดับ ESG100 ระดับ "AA" จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่สอง และได้รับประกาศเกียรติคุณด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนจากสถาบันไทยพัฒน์
**สรุป:**
ผลประกอบการของ BCH ในปี 2567 และไตรมาส 4 ปี 2567 สะท้อนถึงความท้าทายในการรักษาการเติบโตท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่ผันผวน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงาน เช่น การเติบโตของรายได้ผู้ป่วยนอก การเพิ่มจำนวนผู้ประกันตน การขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ และการมุ่งเน้นการดำเนินงานด้านความยั่งยืน
**ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อกำไร:**
* **ปัจจัยบวก:** การเติบโตของรายได้ผู้ป่วยนอก (OPD) ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ, การเพิ่มจำนวนผู้ประกันตน, การเปิดศูนย์การแพทย์และบริการทางการแพทย์เพิ่มเติม, การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ, การขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่, การดำเนินงานด้านความยั่งยืน
* **ปัจจัยลบ:** การลดลงของรายได้ผู้ป่วยใน (IPD) จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลคูเวต, การปรับลดอัตราค่าบริการกลุ่มผู้ป่วยโรคซับซ้อน (RW > 2), การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโรงพยาบาล
หวังว่าบทสรุปนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมผลประกอบการของ BCH ได้อย่างชัดเจนและครบถ้วนมากยิ่งขึ้น
(14.63%)
(8.56%)
(37.80%)
(32.60%)
(27.13%)
(26.29%)
(0.60%)
(5.78%)
(48.59%)
(45.48%)
(14.82%)
(1.43%)