BBGI
บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

BBGI เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมพลังงานชีวภาพ ไตรมาส 3 ปี 2568

Opportunity Day ไตรมาส 3 ปี 2568 ของบริษัท BBGI จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นด้วยการแนะนำผู้บริหารโดย คุณเดชพล เลิศสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคุณสุธิดา สุขนิล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงินและบัญชี

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

  • โครงสร้างผู้ถือหุ้นและการจัดการยังคงเดิมจากไตรมาสที่แล้ว
  • ได้รับรางวัลด้านเครดิตเรตติ้งที่ A จาก Tris Rating และรางวัล Corporate Governance 5 ดาวต่อเนื่องจากปีก่อน สะท้อนความแข็งแกร่งทางการเงินและธรรมาภิบาล
  • มุ่งเน้นเรื่อง ESG โดยเฉพาะด้าน Environment มีการลงนาม MOU ร่วมกับพันธมิตรและกระทรวงเกษตรเพื่อวิจัยการผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืนจากสาหร่าย
  • ด้าน Social มีกิจกรรมแบ่งปันความรู้ด้านเทคนิคกับโรงเรียนเทคนิคระยอง และสนับสนุนการสร้างอาคารอเนกประสงค์ของโรงเรียน
  • ด้าน Governance จัดอบรมภายในโดย PwC เรื่องการจัดทำ ESG Reporting เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับใหม่
  • อุตสาหกรรมไบโอดีเซล: การใช้น้ำมันดีเซลลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาวะน้ำท่วม ในขณะที่การใช้น้ำมัน B100 ในไตรมาส 3 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อนหน้า
  • ราคา CPO ฟื้นตัวจากไตรมาส 2 แต่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้ (Crude Glycerin และ Refined Glycerin) ปรับตัวดีขึ้น
  • ราคาน้ำมันดีเซล B100 ยังคงตัว แม้จะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ยังไม่มีสัญญาณขึ้นอย่างมาก
  • อุตสาหกรรมเอทานอล: ราคาเอทานอลอ้างอิงของกระทรวงพลังงานปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ปริมาณการใช้ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อนหน้า ผู้บริโภคหันไปใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลน้อยลง (Gasohol 91 และ 95)
  • ปริมาณอ้อยน้ำตาลในฤดูกาล 2567-2568 ดีกว่าปีก่อน สะท้อนว่าวัตถุดิบมีปริมาณมากขึ้น ราคามันเส้นยังคงตัว แต่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน และยังมีทิศทางอ่อนตัวอยู่

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

  • การปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานและการ Run Plant ให้ได้ Maximize มากที่สุด ทำให้สามารถแข่งขันได้ใน Industry
  • การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มการใช้ B7 จะช่วยเพิ่ม Demand ของไบโอดีเซล
  • การเติบโตของอุตสาหกรรม SAF และการสนับสนุนจาก ICAO จะเป็นโอกาสในการเติบโตในอนาคต

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

  • ความกังวลเกี่ยวกับ Demand ของกลุ่มดีเซลที่ยังคงลดลง
  • การแข่งขันในอุตสาหกรรมเอทานอลที่สูง เนื่องจากมี Supply มากกว่า Demand
  • ความไม่แน่นอนของ Timeline และมาตรการที่ชัดเจนในการปรับสูตร B5 เป็น B7

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย
  • การบริหารความเสี่ยงใน Supply Chain โดยติดตามต้นทุนวัตถุดิบและราคาขายอย่างสม่ำเสมอ
  • การทำ Operation Excellence เพื่อปรับปรุงทุกจุดในหน่วยการผลิตเอทานอล

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

  • แนวโน้มราคาเอทานอลยังคงลดลง Demand ยังไม่แข็งแกร่ง และวัตถุดิบมีปริมาณมากขึ้น
  • อุตสาหกรรม SAF มีแนวโน้มเติบโตจากการสนับสนุนของ ICAO และการบังคับใช้ในหลายประเทศ
  • คาดการณ์ว่าปี 2569 จะเริ่มผลิต SAF ได้ และจะส่งผลบวกต่อผลประกอบการ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [00:28:44]

  1. คำถาม: รบกวนสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการปรับสูตร B5 B7 ค่ะ ที่เพิ่งมีออกข่าวมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ค่ะ ว่าทางทาง ทางรัฐบาลเองเนี่ยมีนโยบายจะเปลี่ยน Mandate ไหมคะ แล้วก็จะเริ่มมีผลเมื่อไหร่ค่ะ

    คำตอบ: ทางบริษัทก็ติดตามเรื่องนี้ ก็ได้ทราบพร้อม ๆ กับทางท่านนักลงทุน เป็นข่าวที่ออกมาว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ได้มีนโยบายที่จะปรับสูตรการผสมไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7 แต่ว่า Timeline หรือกำหนดวันที่การดำเนินการเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนนัก เท่าที่ติดตาม ยังไม่เห็นมาตรการ หรือยังไม่ได้กำหนดออกมาเป็นความชัดเจน เพราะฉะนั้น ตัวบริษัทติดตาม สอบถามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ก็ต้องเรียนว่าถ้าได้มีข้อที่ชัดเจนเมื่อไหร่ เราก็น่าจะพอทราบพร้อม ๆ กัน ต้องเรียนอย่างนี้ดีกว่าว่า ในการที่จะมีนโยบายปรับสูตรนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์ เริ่มต้นต้องบอกว่าเป็นประโยชน์กับทางด้านเกษตรกรก่อน เพราะว่าในการที่จะใช้น้ำมันปาล์มในประเทศของเรา มาผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซลนั้น จะช่วยในเรื่องของการที่จะให้มี Demand การใช้ในประเทศเพิ่มขึ้น จะส่งผลทำให้แนวโน้มราคาของตัววัตถุดิบ CPO ในอนาคตที่จะออกมา ซึ่งต้องก็ต้องเรียนอย่างนี้ว่า ในช่วงที่เดี๋ยวเราก็จะเข้าสู่ฤดูที่เรียกว่าเป็น ที่ฝนตกน้อย พอเวลาฝนตกน้อยนั้น จะเป็นช่วงที่จะมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตเกษตรของประเทศเรา ตัวปาล์มน้ำมันก็เป็นอีกหนึ่งผลผลิตเกษตรเช่นกัน ที่จะมีการเก็บเกี่ยวออกมามาก ดังนั้นนโยบายที่จะมีการปรับเพิ่มการใช้น้ำมันไบโอดีเซล ก็ต้องถือว่าเป็นนโยบายที่ดี ที่จะช่วยในเรื่องของการทำให้ Demand การใช้ในประเทศเพิ่มขึ้น ก็จะเป็นผลต่อเนื่องของราคาของวัตถุดิบเกษตร

  2. คำถาม: คาดการณ์ว่าราคาเอทานอลในปีหน้าจะเป็นยังไงคะ แล้วก็แนวโน้มการแข่งขันในตลาดเอทานอลจะเป็นอย่างไรค่ะ

    คำตอบ: ถ้าดูจากแนวโน้ม ราคา ก็ยังมีแนวโน้มที่ลดลง ทั้งนี้ทั้งนั้น มี 2 ปัจจัยเลยที่เป็นตัวกำหนด ก็คือว่าปริมาณการใช้ ก็จะเห็นว่าก็ยังอยู่ในภาวะที่คงตัว แต่เป็นคงตัวที่ค่อนข้างที่จะลดลง ฝั่ง Demand ก็ยังไม่ได้แข็งแกร่ง ก็ยังลดลงอยู่ ในขณะที่ตัวราคาต้นทุน ราคาวัตถุดิบ ก็มีแนวโน้มจะมีปริมาณมากขึ้น ก็ทำให้ราคาของวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นกากน้ำตาลก็ดี หรือว่ามันเส้นก็ดี ก็ยังมีแนวโน้มคงตัวในราคาต่ำ พอจะมองคาดการณ์ได้ว่า ปัจจุบันก็ยังไม่ได้เห็นสัญญาณ ว่าราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็จะเป็นอยู่ ในราคาที่เป็นแนวโน้มขาต่ำ ถ้าพูดถึงเรื่องของการแข่งขัน ในอุตสาหกรรมเอทานอล นักลงทุนที่ติดตามอุตสาหกรรมนี้ จะทราบเป็นอย่างดีว่า ในเรื่องของ Demand Supply ของเอทานอล มี Supply หรือมีโรงงานผลิตเนี่ยค่อนข้างมาก ในขณะที่ Demand การใช้ ก็ยัง ไม่ได้สูงมากนัก เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่าเป็น Over Supply เพราะฉะนั้น เข้าใจว่าการแข่งขันก็ยังคงสูงอยู่

  3. คำถาม: เอ๊ะ ผลประกอบการที่ดีขึ้นแล้วแนวโน้มราคาหุ้นจะเป็นยังไงบ้างคะ

    คำตอบ: ราคาหุ้นมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผล ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านตลาด ปัจจัยภายนอกต่าง ๆ แต่ในส่วนที่บริษัทพอจะเล่าให้นักลงทุนฟังได้ คือ ในเรื่องของการจัดการภายในบริษัทนั้น จะมุ่งเน้นในเรื่องของการจัดการต้นทุนของเราเป็นหลัก เราได้พูดเรื่องของต้นทุนเรื่องประสิทธิภาพการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง เป็นหลายไตรมาสแล้วให้ทางท่านนักลงทุนได้ทราบ ว่าเราในฐานะฝ่ายจัดการ จะจัดการกับสิ่งที่เป็นปัจจัยที่เราควบคุมได้ คือเรื่องของภายในบริษัทเรา เราเชื่อว่ามันจะสะท้อนออกมาที่ผลประกอบการในอนาคต ให้ท่านนักลงทุนได้เป็นตัวชี้วัดว่าผลประกอบการจะเป็นอย่างไร ซึ่งผมก็เชื่อว่าสุดท้ายแล้วก็จะสะท้อนไปที่ตัวราคาหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานของมัน

  4. คำถาม: อยากให้เล่าเรื่องของโอกาสในการเปิดเสรีอุตสาหกรรมเอทานอลค่ะ ว่าธุรกิจเอทานอลจากนี้ไปจะยังไงต่อค่ะ

    คำตอบ: ท่านนักลงทุนที่ติดตามอุตสาหกรรมเอทานอลจะพอทราบอยู่ ว่าเราจะได้ยินข่าวในเรื่องของการที่จะเปิดเสรีอุตสาหกรรมเอทานอลมาเป็นระยะ ในช่วงสถานการณ์โควิดของประเทศเราที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตกระทรวงการคลังได้เปิดโอกาสให้เอทานอล ผู้ผลิตเอทานอล กลุ่มที่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเช่นของบริษัท BBGI สังกัดมหาชนเป็นต้น ได้มีโอกาสที่จะจำหน่าย ได้มีโอกาสที่จะปรับปรุงก่อน ปรับปรุงการผลิต ให้ได้มีเอทานอลเกรดที่มีคุณภาพดีขึ้น แล้วก็สามารถที่จะจำหน่ายเอทานอล ที่มีเกรดดีขึ้นแล้ว ไปในอุตสาหกรรมที่เอาไปใช้ในเรื่องของพวกการฆ่าเชื้อทำความสะอาดต่าง ๆ ก็เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณสัก 2 ปี ที่ประเทศของเราเกิดโควิด แล้วก็ได้มีการเปิดโอกาสให้เราเอทานอลจากเชื้อเพลิง แล้วก็ปรับปรุงคุณภาพแล้ว ไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับประเทศเป็นอย่างมาก ช่วยให้ในช่วงที่โควิดที่ผ่านมา ประเทศเราได้มีตัวพวกเอทานอลฆ่าเชื้อทำความสะอาด ที่มีราคาย่อมเยาจากการที่มีผู้ผลิตมากขึ้น บริษัทได้ร่วมกับทางสมาคมเอทานอล แล้วก็ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการที่จะให้ข้อมูลชี้แจงทำความเข้าใจกับทางภาครัฐ ในเรื่องของการที่จะเอาเอทานอล ที่จริง ๆ แล้วเรามีกำลังการผลิตเกินเยอะเลยในประเทศ ถ้าสามารถที่จะปรับปรุงคุณภาพ ให้มีคุณภาพที่ดี ใกล้เคียงหรือมากกว่าเอทานอลเกรดที่เรามีการนำเข้ามา จะสามารถที่จะเปิดให้เอาไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นได้ไหม ก็จะเป็นประโยชน์กับทั้งอุตสาหกรรม เช่น สารสกัดสมุนไพรเป็นต้น หรืออุตสาหกรรมที่เอาไปใช้ในการฆ่าเชื้อทำความสะอาดอย่างนี้เป็นต้น ก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับประเทศก็บริษัทก็สนับสนุนในแนวคิดนี้ ในเรื่องของขั้นตอนการที่จะมีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ในเรื่องของการที่จะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ นั้น ปัจจุบันก็ยังอยู่ในระหว่างที่ดำเนินการอยู่

  5. คำถาม: อยากให้ช่วยอัปเดตให้ฟังนิดนึงว่า SAF ไปถึงไหนแล้วนะคะ แล้วก็บนวันนี้ผลทางด้านการเงิน ผลประกอบการคาดว่า SAF จะมีแนวโน้มเป็นยังไงบ้างคะ

    คำตอบ: โครงการ SAF นี้บริษัท BBGI เราถือหุ้นอยู่ 20% และอีก 80% นั้นถือหุ้นโดยบริษัทบางจาก ในเรื่องของการดำเนินโครงการที่ผ่านมา ตอนนี้จากปัญหาในเรื่องของการก่อสร้างต่าง ๆ นั้น ทางบริษัทบางจากร่วมกับทาง BBGI เรา ก็ได้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้น จนนำมาสู่การที่เราดำเนินการก่อสร้าง โครงการผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF อย่างต่อเนื่องได้ ปัจจุบันบางจากก็ได้ให้ข้อมูลกับทางท่านนักลงทุนไปแล้วว่า ในโครงการ SAF นี้ จะดำเนินการก่อสร้างต่อ และก็มีแผนที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จ ภายในครึ่งปีแรกของปีหน้า และก็ครึ่งปีหลังของปีหน้าก็จะเป็นการที่จะเริ่มทดลองการผลิต แล้วก็ผลิตเพื่อจำหน่าย หรือที่เรียกว่าเป็น Commmercial Run

  6. คำถาม: ทราบว่าบางจากมีการรับซื้อ UCO ที่ปั๊มน้ำมันด้วยนะคะ แล้วเรามีแนวทางในการจัดหา UCO อย่างไรบ้างคะ เพื่อมา ใช้ในการผลิต SAF ค่ะ

    คำตอบ: ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บางจากร่วมกับ BBGI ได้ประชาสัมพันธ์ ให้ทางประชาชนนำน้ำมัน ใช้แล้วหรือที่เรียกว่า UCO เนี่ย มาจำหน่ายในปั๊มน้ำมันบางจาก ปัจจุบันปั๊มน้ำมันบางจากเรียกว่าเกือบจะทุกปั๊มแล้ว ก็สามารถที่จะให้บริการรับซื้อตัว UCO จากทางประชาชนได้ ในโครงการ SAF ของเรานั้น เราจะรับซื้อน้ำมัน UCO จากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำมันในภาคอุตสาหกรรม น้ำมันในส่วนที่เป็นร้านอาหาร ในส่วนที่เป็น Chain ร้านอาหารใหญ่ ๆ ก็ตาม เราก็จะมีการรับซื้อน้ำมัน UCO โดยการทำเป็นสัญญา ปัจจุบันเรามีตัวสต็อก น้ำมันใช้แล้ว น้ำมันพืชใช้แล้ว หรือเรียกว่า UCO เนี่ยอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ก็เป็นสต็อกที่เราต้องเตรียมไว้ เพื่อที่จะใช้ในการทดลองเครื่อง เมื่อโรงงานเราได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้าต่อไป

  7. คำถาม: เอ๊ะ แล้ว SAF เนี่ย เทียบกับ UCO แล้วแนวโน้มของ Spread Margin เป็นยังไงบ้างคะ วัน วันนี้โอเคหรือยัง รีบาวน์หรือยัง หรือว่าเทรนด์เป็นยังไง

    คำตอบ: ในวันนี้ภาพอุตสาหกรรมมีความชัดเจนขึ้น หลายๆ ประเทศในเอเชียเริ่มที่จะออก Guideline ว่าจะมีการบังคับ ใช้ตัวน้ำมัน SAF ที่ต้องผสม เนี่ยเป็น Mandate เนี่ยมากขึ้น ก็เป็นทิศทางที่ทำให้บริษัทติดตามแนวโน้มนี้อย่างใกล้ชิด ปัจจุบันแนวโน้มนี้ก็ดีขึ้น ก็ส่งผลทำให้ตัว ราคาตัว SAF ในตลาดมีการปรับตัวสูงขึ้น อุตสาหกรรม SAF ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทุกท่านนักลงทุนก็ทราบดี เราอาจจะต้องมาช่วยกันติดตามว่าพัฒนาการจะเป็นอย่างไร แต่โดยส่วนตัวคิดว่า ในเรื่องของการพัฒนาการ เชื้อเพลิงสีเขียวนี้ อย่างไรก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น สำหรับโลกของเรา ผมก็ยังมีความเชื่อว่า อย่างไรก็ตาม เรายังโลกของเรายังต้องการพลังงานสีเขียว อาจจะส่งผลทำให้ ในเรื่องของตัว การแข่งขันในอุตสาหกรรมก็ดี หรือว่าในเรื่องของราคา หรือเรื่องอะไรต่าง ๆ ก็ตาม น่าจะปรับตัวในทิศทางที่จะเป็นบวกกับบริษัทต่อไป

  8. คำถาม: จากการที่ BBGI ได้รับคะแนนประเมินเครดิตเรตติ้งจาก Tris Rating ในระดับที่ A คงที่ บริษัทมีแผน วางแผน จะใช้ประโยชน์จากความมั่นคงทางการเงินนี้อย่างไรต่อไปนะคะ ปัจจุบันเนี่ย ก็ เราสามารถออกหุ้นกู้ก็ได้ หรือว่าจะกู้กับสถาบันการเงินก็ได้ โดยใช้ เรตติ้งอ้างอิงที่ A นี้นะคะ แต่ปัจจุบันบริษัท ยังใช้ ในส่วนของสถาบันการเงินเป็นหลักอยู่ นะคะ ก็ ทำให้มีความคล่องตัว เมื่อไหร่ก็ตามที่ มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่นะคะ ที่ ที่มีโอกาสที่จะได้ใช้ หุ้นกู้นะคะ ก็ ก็ ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่ง เป็นทางเลือกหนึ่งที่บริษัท สามารถที่จะมี Financing Alternative ในการเลือกใช้หุ้นกู้เข้ามานะคะ แต่บนวันนี้เนี่ย เรายังใช้สถาบันการเงินเป็นหลักอยู่ Rating A ก็จะเป็นตัวสะท้อนต้นทุนทางการเงินที่ดี ให้กับบริษัทนะคะ ก็ มาจากทั้งในส่วนของ Secure Demand จากบางจากกรุ๊ปนะคะ แล้วก็ในฝั่ง Supply ที่ทาง KSL ให้ วัตถุดิบเข้ามาในการผลิตนะคะ

โดยสรุป BBGI ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจพลังงานชีวภาพอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การบริหารจัดการต้นทุน และการขยายโอกาสทางธุรกิจในตลาด SAF ที่กำลังเติบโต แม้จะมีความท้าทายในการแข่งขันและแนวโน้มราคาที่ผันผวน แต่บริษัทก็ยังคงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในอนาคต