BBGI
บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday BPGi: ไฮไลท์ปี 67, กลยุทธ์เติบโต, และอนาคต Biofuel

สวัสดีครับ/ค่ะ ท่านนักลงทุนทุกท่าน เข้าสู่งาน Opportunity Day ของบริษัท BBGI จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้บริหารเข้าร่วมบรรยายคือ คุณเดชพล เลิศสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และดิฉัน สุธิดา สุคนธินท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงินและบัญชีองค์กร

หัวข้อในการบรรยายในวันนี้ประกอบด้วย Business Highlight ประจำปี 2567, ความคืบหน้าของโครงการต่างๆ, สถานการณ์อุตสาหกรรม, ภาพรวมผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา และช่วงถาม-ตอบ

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ดีของ BBGI ในเรื่องของการใช้กำลังการผลิตของทั้งไบโอดีเซลและเอทานอล สืบเนื่องมาจากการที่กลุ่มบริษัทบางจากได้เข้าควบรวมกิจการและมี Synergy กับทางบริษัท BSRC ส่งผลให้ปริมาณการใช้ Biofuel เพิ่มขึ้น ทั้งไบโอดีเซลและเอทานอล

ปัจจุบัน ความต้องการใช้ Biofuel ในกลุ่มบางจาก+BSRC เกินกว่าปริมาณกำลังการผลิตของ BBGI ทำให้บริษัทสามารถใช้กำลังการผลิตได้สูง

ไบโอดีเซล: ในไตรมาสที่ 4 ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเติบโตขึ้น 63% ตลอดทั้งปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566

เอทานอล: ในไตรมาสที่ 4 ปริมาณการขายสูงกว่าไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 และเพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเติบโตขึ้น 38% ตลอดทั้งปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566

การใช้กำลังการผลิตของโรงงานไบโอดีเซลอยู่ที่ 100% หรือใกล้เคียงมาโดยตลอดตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ส่วนการใช้กำลังการผลิตของโรงงานเอทานอลปรับตัวดีขึ้นมาตลอด และในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 98% เพิ่มขึ้นจาก 77% ในไตรมาสที่ 3

การบริหารจัดการ Supply Chain ของ Biofuel ที่จำหน่ายให้กับกลุ่มบางจาก+BSRC ทำให้ BBGI สามารถใช้กำลังการผลิตได้สูง

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ภายใต้แผน Operational Excellence โดยมีการปรับปรุงในเรื่องของ Supply Chain, Yield, Efficiency, และการใช้ Utility ต่างๆ เพื่อลดต้นทุนการผลิต

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทได้ซื้อหุ้น 30% จากผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในโรงงานไบโอดีเซล ทำให้ปัจจุบัน BBGI ถือหุ้น 100% ในโรงงานไบโอดีเซล ซึ่งจะทำให้ผลกำไรที่เกิดขึ้นจากโรงงานไบโอดีเซลเป็นของ BBGI ทั้งหมด

การซื้อหุ้นคืนมานี้จะเป็นโอกาสในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น และรวมถึงเรื่องของการใช้กำลังการผลิตที่จะตอบสนองต่อความต้องการใช้ของกลุ่มบางจากต่อไป

BBGI ได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้อยู่ใน SET ESG และ SET Index ซึ่งจะทำให้บริษัทอยู่ในสายตาของกลุ่มนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นที่มีการดำเนินงานในเรื่องของ ESG ที่ดี

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

การปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในเนื้อน้ำมันจาก B7 เหลือ B5 ส่งผลกระทบต่อ Demand ในประเทศทั้งระบบ ทำให้น้ำมันไบโอดีเซลที่มาจากน้ำมันปาล์มมีการปรับลดลง เนื่องจากผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้ที่ทำให้ผลผลิตปาล์มน้อยลงและปริมาณ Stock ของประเทศอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ราคา CPO ในประเทศสูงขึ้น

ราคาเอทานอลปรับตัวลดลงในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 เหตุเพราะประเทศผู้นำเข้าอย่างจีนลดการนำเข้ามันสำปะหลังเส้น ทำให้ราคาเอทานอลปรับตัวลดลงตามอาการมันเส้นที่ลดลงเนื่องจากต้นทุนต่ำลง

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

ภาค รัฐเองที่เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลตรงจุดนี้ ก็คงจะต้องพิจารณา Demand Supply ให้สอดคล้องกันไปตามผลผลิต เพื่อให้เกิดผลกระทบกับเกษตรกรน้อยที่สุด

จากการที่บางจากเข้าซื้อ BSRC ทำให้ Demand ของ BBGI จั๊มขึ้นจนเกินกว่า Capacity ทำให้บริษัทสามารถรัน Plant ได้ Maximize Capacity อยู่ดี ผลกระทบจากการปรับส่วนผสม B7 เป็น B5 จึงมีค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

คาดว่าผลผลิตปาล์มจะเริ่มทยอยมีออกมาตั้งแต่มีนาคม ปลายๆ เดือน เมษายนเป็นต้นไป รัฐบาลเองก็อาจจะพิจารณาปรับเพิ่มเป็น B7 ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ตอนนั้น

อุตสาหกรรมเอทานอลในปี 2568 น่าจะเห็นจุดที่อาจจะเริ่ม Turnaround เหตุเนื่องจากราคามันก็ลงมาต่ำลงจากปีที่แล้ว ในขณะที่ฝั่ง Molasses เองปีตั้งแต่กลางปีที่แล้วเป็นต้นมาฝนเริ่มตก ก็จะมีผลกับปริมาณการปลูกอ้อย ทำให้เชื่อว่าจะมีปริมาณผลผลิตอ้อยคิดเป็นต่อหน่วยพื้นที่เพิ่มขึ้น มองว่าในปี Crop ของ 24/25 ซึ่งจะมีการเก็บเกี่ยวอยู่ในช่วงนี้ ซึ่งกำลังจะปิดหีบเนี่ย ก็น่าจะเก็บเกี่ยวอ้อยได้เพิ่มขึ้น จาก 82 ล้านตันอ้อยขึ้นไปเป็น 93 ล้านตันอ้อย

BBGI จะเดินหน้าเข้าสู่การก่อสร้างให้แล้วเสร็จ และรับการส่งมอบ Plant จากทางผู้รับเหมา และจะเริ่มทดสอบทดลองในเรื่องของการผลิต โดยมีพันธมิตรคือบริษัท Ferbox จากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการผลิต Synbiotic Biology และเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการ Manufacturing Process ในส่วนของการ Up Scale ด้วย

BBGI คาดหวังว่าจะได้เห็นตัวการทดลองผลิตและอาจจะสามารถจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ในครึ่งปีหลังต่อไป

ทิศทางของ BBGI ในอนาคตในเรื่องของ Biofuel จะมุ่งเน้นในเรื่องของการที่จะทำให้อOperation มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ลดต้นทุนในการผลิต เพื่อส่งมอบผลกำไรที่ดีขึ้นให้กับทางผู้ถือหุ้นและนักลงทุนต่อไป

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [00:34:45]

ราคาเอทานอลและไบโอดีเซลปัจจุบันและความคาดหวังในการทำกำไร

  • ราคาเอทานอลล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 21 บาทกว่าๆ
  • ราคามันสำปะหลัง (วัตถุดิบหลักของเอทานอล) ปรับตัวลดลงเช่นกัน จาก 8-9 บาท/กก. เหลือ 6 บาทกว่า/กก.
  • คาดหวังว่า Spread ของเอทานอลในปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อน
  • ราคาไบโอดีเซลปรับตัวขึ้นสูงในช่วงปลายปี แต่ปัจจุบันปรับตัวลดลงตามราคา CPO (วัตถุดิบหลัก) ที่ลดลง
  • Spread ของไบโอดีเซลค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน
  • ยังคงเห็นทิศทางของราคา CPO ที่อาจปรับตัวลดลงได้อีกเล็กน้อย และหวังว่า Spread ของไบโอดีเซลจะใกล้เคียงกับปีก่อน

ผลกระทบจากการปรับ B7 เป็น B5

  • ผลกระทบน้อยมาก เนื่องจาก Demand ของบางจากกรุ๊ปสูงเกินกำลังการผลิตของบริษัท ทำให้สามารถผลิตได้เกือบ 100%
  • บริษัทมีความยืดหยุ่นในการปรับแผนการผลิตให้สอดคล้องกับ Demand ของลูกค้า

ความเสี่ยงหากภาครัฐยกเลิกการสนับสนุน Biofuel

  • ปัจจุบันกองทุนน้ำมันยังคงชดเชยส่วนต่างราคา Biofuel ไปจนถึงกลางปี 2569
  • ในอนาคตอาจมีการใช้ภาษีการปล่อยคาร์บอนมาเป็นกลไกสนับสนุน Biofuel
  • บริษัทมองว่าเป็นความเสี่ยงที่มากเกินไปหากรัฐบาลยกเลิกการผสม Biofuel ในน้ำมันปิโตรเลียมโดยสิ้นเชิง
  • บริษัทมองทิศทางของทั้งโลกที่ยังคงสนับสนุนการใช้สินค้าเกษตรภายในประเทศเพื่อผลิตพลังงาน
  • บริษัทมองหา Business Development อื่นๆ เพื่อเปลี่ยนโรงงาน Biofuel ไปผลิตผลิตภัณฑ์อื่น เช่น น้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) หรือ Bioplastic

สถานการณ์และแนวโน้มธุรกิจ SAF

  • ปัจจุบันอยู่ในช่วงท้ายของการก่อสร้างโรงงาน SAF คาดว่าจะทดลองผลิตและผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในครึ่งปีหลังต่อไป
  • ราคา SAF ปรับตัวลดลงตามราคาวัตถุดิบ (UCO) ที่ลดลง
  • Spread ของ SAF เข้าสู่ช่วงปกติแล้ว (ราคาขายเทียบกับต้นทุน)
  • BBGI มีแผนจัดหา UCO และจัดจำหน่าย SAF โดยร่วมมือกับกลุ่มบางจาก
  • คาดการณ์ว่าทิศทางของประเทศไทยอาจยังไม่มี Mandate การผสม SAF ในปีนี้ แต่ต้องจับตามองที่สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร
  • ยังมองโอกาสในการเติบโตของ SAF ในอุตสาหกรรมการบินในอนาคต

โดยสรุป BBGI ยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตในธุรกิจ Biofuel และ SAF พร้อมทั้งปรับตัวและเตรียมรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม