สรุปด้วย AI(O) BOT

## บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA: โอกาสหรือความเสี่ยง ? มองในมุม ESG

บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 204.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการขยายฐานลูกค้าผ่านการเปิดสาขาใหม่ และราคาทองคำที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ลดลง 40.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (Q2/2567) เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมืองในหลายประเทศ แม้ว่าทองคำยังคงถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค ก่อให้การขายลดลง แต่ในทางกลับกันการรับซื้อทองคำยังอยู่ในระดับดี

แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของ AURA ยังคงมุ่งเน้นไปที่การขยายสาขาใหม่ทั้งในธุรกิจ Modern Gold และธุรกิจขายฝาก รวมถึงการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว บริษัทฯ คาดหวังว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิไว้ได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2567 ที่ 35,000 ล้านบาท โดยคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ AURA ในหลายด้าน

* **กำไรสุทธิ** เพิ่มขึ้น 44.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
* **อัตราส่วน P/E** ล่าสุดอยู่ที่ 19.16 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม แสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นของ AURA ถูกกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกัน
* **อัตราส่วน P/BV** ล่าสุดอยู่ที่ 3.26 แสดงให้เห็นว่า AURA มีมูลค่าทางบัญชีที่ต่ำกว่ามูลค่าตลาด อาจจะถูกประเมินต่ำไป
* **อัตราส่วน YIELD** ล่าสุดอยู่ที่ 2.15% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล
* **อัตราส่วน D/E** อยู่ที่ 1.36 สะท้อนให้เห็นถึงการใช้เงินกู้ในการดำเนินธุรกิจในระดับที่เหมาะสม บริษัทฯ ไม่มีความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่อง
* **วงจรเงินสด** ที่ต่ำเพียง 116.67 วัน (จาก 91.02 วันในปีก่อนหน้า) แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและสามารถเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้ได้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานติดลบ -752.63349 ล้านบาท และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ -124.90035 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนต่อยอดธุรกิจ เช่น การลงทุนในสาขาใหม่ สินค้าใหม่ หรือการขยายธุรกิจ

**โอกาส**

* ธุรกิจ Modern Gold มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
* บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาใหม่ทั้งในธุรกิจ Modern Gold และธุรกิจขายฝาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
* บริษัทฯ มีการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
* บริษัทฯ มีวงจรเงินสดที่ต่ำ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินสด

**ความเสี่ยง**

* เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน อาจส่งผลต่ออุปสงค์ของทองคำ
* ราคาทองคำมีความผันผวน อาจส่งผลต่อกำไรของบริษัทฯ
* การแข่งขันในอุตสาหกรรมเครื่องประดับมีความรุนแรง
* อาจมีความเสี่ยงจากการลงทุนในสาขาใหม่หรือสินค้าใหม่

**มุมมอง ESG**

AURA เริ่มให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เช่น

* การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
* การลดการใช้พลังงาน
* การให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชน
* การให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานอย่างยั่งยืน

ซึ่งแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และอาจดึงดูดนักลงทุนที่ใส่ใจในเรื่อง ESG

**สรุป**

AURA เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดแข็งในเรื่องของฐานลูกค้าที่กว้างขวาง การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาวและรอการเติบโตของธุรกิจ และได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผล นอกจากนี้ การที่ AURA เริ่มให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน อาจเป็นจุดขายที่ดึงดูดนักลงทุนที่ใส่ใจในเรื่อง ESG แต่ควรติดตามความเสี่ยงจากการลงทุนเพิ่มเติม เช่น ความผันผวนของราคาทองคำ และการแข่งขันในอุตสาหกรรม