ADB
บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567

สรุปสั้น

ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล


ผู้เขียน

สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) “ADB” ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 โดยบริษัทมีรายได้รวม 307.15 ล้านบาท ลดลง 8.88% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 สาเหตุหลักมาจากรายได้จากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ยาแนวลดลง 86.67% เป็น 141.15 ล้านบาท จาก 181.12 ล้านบาทในไตรมาส 2/2566 เนื่องจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากกลุ่มธุรกิจเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ เพิ่มขึ้น 2.4% เป็น 212.46 ล้านบาท โดยยอดขายเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ สำหรับผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 27.5% เนื่องจากการเติบโตของงานด้านสาธารณูปโภคและสายไฟฟ้า ส่วนรายได้จากเม็ดพลาสติกคอมปาวด์สำหรับการใช้งานทั่วไป ลดลง 13.21% โดยบริษัทได้ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจโดยการโอนกิจการรับจ้างส่วนที่ประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์ยาแนวและกาวขนาดเล็ก จากบริษัทไปยัง บริษัท เอดีบี ซีแลนท์ จำกัด “ADBS” โดย ADB ยังคงถือหุ้นอยู่ 98.66% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ

แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2567 ไว้ที่ 1,700 ล้านบาท โดยจะเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ สำหรับผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิล ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูง พร้อมทั้งบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ และลดภาระหนี้สิน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน

จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดและข้อมูลทางการเงินย้อนหลัง แสดงให้เห็นว่า บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 42.07% และมี D/E ที่ต่ำกว่า 1 สะท้อนถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโต แต่ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิติดลบ และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานติดลบ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ และการลงทุนต่อยอดธุรกิจ ซึ่งสะท้อนจากเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนที่ติดลบ ในขณะที่ ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลังของ ADB อยู่ที่ประมาณ 1 บาท และ P/E มีค่าติดลบ ซึ่งอาจสะท้อนความไม่มั่นใจของนักลงทุน และ YIELD น้อยกว่า 4% ถือว่าไม่น่าสนใจลงทุนเพื่อรับเงินปันผล โดยรวมแล้ว ADB อาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล หรือต้องการผลตอบแทนในระยะสั้น แต่เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่มองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ และมีความอดทน พร้อมทั้งติดตามผลประกอบการอย่างใกล้ชิด

**โอกาส**

* บริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตของกลุ่มธุรกิจเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ สำหรับผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิล
* มีโอกาสขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
* มีศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
* มีพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง

**ความเสี่ยง**

* ความผันผวนของราคาต้นทุนวัตถุดิบ
* ภาวะเศรษฐกิจโลก
* การแข่งขันในตลาด
* ความสามารถในการควบคุมต้นทุน

ข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกสารที่ให้มา:

* บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาเรซิ่นและสารเติมแต่ง รวมถึงต้นทุนหลังการผลิต ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
* อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวในกลุ่มอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ยาแนว เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของ 6 เดือนแรกของปีก่อนหน้า
* ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 0.93% เนื่องจากค่าขนส่งสินค้าในประเทศและต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
* ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง เป็นผลจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญของลูกค้าต่างประเทศ
* มีการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์หมุนเวียน โดยเฉพาะเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการลดลงของสินค้าคงเหลือ และลูกหนี้การค้า
* บริษัทฯ มีการปรับลดปริมาณการตั้งซื้อวัตถุดิบให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อของลูกค้า และลดการตั้งซื้อวัตถุดิบเกินกว่าปริมาณความต้องการใช้ในการผลิต
* บริษัทฯ มีหนี้สินรวมลดลง เนื่องจากการลดลงของเงินกู้ระยะสั้นจากธนาคาร
* บริษัทฯ มีอายุเฉลี่ยของลูกหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากลูกค้าต่างประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ
* บริษัทฯ มีอัตราส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนต่อหนี้สินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากการควบคุมลูกหนี้ทางการค้าอย่างใกล้ชิด

**วิเคราะห์:**

จากข้อมูลเพิ่มเติม บริษัทฯ ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และการแข่งขันในตลาด แต่บริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุน และปรับลดปริมาณการตั้งซื้อวัตถุดิบ เพื่อลดผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ผันผวน โดยมีอัตราส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนต่อหนี้สินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น และมีการควบคุมลูกหนี้ทางการค้าอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และมีการลดหนี้สิน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีกำไรสุทธิติดลบ เนื่องจากผลกระทบจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ ซึ่งอาจเป็นผลจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ และการลงทุนต่อยอดธุรกิจ ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามผลประกอบการของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสการลงทุนในระยะยาว


รายได้รวม
358.12 ล้านบาท
40.82ล้านบาท
(10.23%)
ไตรมาสก่อนหน้า
36.45ล้านบาท
(9.24%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
44.31 ล้านบาท
0.37ล้านบาท
(0.82%)
ไตรมาสก่อนหน้า
4.35ล้านบาท
(10.89%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
12.37 ล้านบาท
1.17ล้านบาท
(10.45%)
ไตรมาสก่อนหน้า
2.24ล้านบาท
(22.11%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
45.17 ล้านบาท
10.53ล้านบาท
(18.90%)
ไตรมาสก่อนหน้า
32.12ล้านบาท
(41.56%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
12.61 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
-3.96 ล้านบาท
0.16ล้านบาท
(3.79%)
ไตรมาสก่อนหน้า
24.84ล้านบาท
(86.24%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
-1.11 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
9.58 ล้านบาท
46.19ล้านบาท
(82.82%)
ไตรมาสก่อนหน้า
9.74ล้านบาท
(6,087.50%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล